บทที่ 381 กฎของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 381 กฎของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ขณะนี้ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว และทางเข้าสีดำสนิทก็ได้เข้ามาแทนที่ตำแหน่งเดิมของหนองน้ำ

ทุกคนมองไปที่ทางเข้า พลางคิดถึงสิ่งต่าง ๆ นานาที่พวกเฝ้าหวังไว้เมื่อเข้าไปด้านใน ซึ่งมันทำให้การแสดงออกของพวกเขานั้นกลายเป็นทั้งตื่นเต้นและมีความสุข

หานซ่งหยวนหันไปทางหลิงตู้ฉิง และถามว่า “พี่หลิง เราจะเข้าไปเมื่อไหร่?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันทีว่า “ไม่ต้องรีบ! แม้ว่าตอนนี้มันจะดูเหมือนว่าทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังคงไม่เสถียร หากพวกเราเข้าไปในตอนนี้มันจะง่ายมากที่จะมีบางอย่างผิดพลาด เราจะเข้าไปเมื่อทางเข้าทั้งหมดเปิดอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น”

มี่ไลถามอย่างสงสัย “สามี ยังมีทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ที่อื่นอีกงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มีสิ ทุก ๆ อาณาเขตจะมีทางเข้าของตัวเอง ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ยุติธรรมสำหรับทุก ๆ อาณาเขต”

“แล้วมีกี่คนที่สามารถเข้าไปได้?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามขึ้น

“น้องหญิง มีคนเข้าไปได้ไม่มากนักหรอก” เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “จริง ๆ แล้วทุกครั้งที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น มันจะมีเพียงแค่คนไม่กี่พันคนเท่านั้นที่มีโอกาสได้เข้าไป ซึ่งถ้าเทียบกับจำนวนคนในแต่ละอาณาเขตที่มีอยู่นับร้อยล้านคน มันก็ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยซะยิ่งกว่าน้อย”

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?” มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและคนอื่น ๆ ถามด้วยความประหลาดใจ

หากคิดเอาง่าย ๆ แค่หนึ่งอาณาเขตเท่ากับหนึ่งคนที่เข้าไปได้ มันก็ต้องมีคนจำนวนมากกว่าหลักพันแน่นอนที่เข้าไปด้านใน

หรือถ้ามองจากตัวอย่างของพวกเขาเองแล้ว แค่พวกเขาเพียงกลุ่มเดียวก็มีมากกว่า 1 โหลแล้ว

อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะและพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมีจำกัด และกุญแจแต่ละอันสามารถให้คน 3 คนเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ ดังนั้นจำนวนคนที่จะเข้าได้มันก็เลยน้อยลงตามจำนวนกุญแจที่ปรากฎขึ้น”

“แล้วกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมีทั้งหมดกี่ดอก?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างสงสัย

เย่ชิงเฉิงส่ายหัว “ปัญหานี้ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครนับมันด้วยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะนับ แม้ว่ากุญแจจะอยู่ในมือของเราแล้วก็ตาม แต่หลังจากเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันจะหายไปและเราต้องรออีก 3,000 ปี ก่อนที่กุญแจจะปรากฎขึ้นอีกรอบ อย่างไรก็ตามการดำรงอยู่ของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั้นมีมานานนับหมื่นปีและจากการคาดเดาของทุกคนมันก็น่าจะมีประมาณ 3,000 ดอก”

“ 3,000 !” หลิงตู้ฉิงให้คำตอบจากด้านข้าง “ข้าจะบอกสิ่งที่พวกเจ้าต้องใส่ใจหลังจากเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ อันดับแรกเวลาเปิดทั้งหมดของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับคือ 3,000 วันเท่านั้น พวกเจ้าต้องจำหมายเลขนี้ไว้และต้องออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก่อนเวลาจะเกินกำหนด หากพวกเจ้าไม่ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก่อนเวลา พวกเจ้าจะถูกปิดผนึกอยู่ภายใน”

“และอย่าคิดว่าการถูกปิดผนึกในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเป็นเรื่องดีเพราะการอยู่ภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในสถานะปิดผนึก พวกเจ้าจะไม่มีทางทะลวงขอบเขตสวรรค์ได้เมื่ออยู่ในนั้น นอกจากนั้นมันยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ของสภาพแวดล้อมด้านในภายใต้สถานะปิดผนึก ซึ่งอาจพูดได้ว่าโดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้ในระหว่างที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ในสถานะปิดผนึก ดังนั้นพวกเจ้าต้องจำเส้นตายที่สำคัญที่สุดนี้ไว้ให้ดี”

“นอกจากนี้หลังจากเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว แม้ว่ากุญแจจะหายไป แต่ภายในห้วงจิตสำนึกของพวกเจ้าทุกคนจะมีอักขระโบราณก่อตัวขึ้นอยู่ด้านใน และถ้าอักขระนี้ถูกทำลายเมื่อไหร่ คนผู้นั้นจะถูกขับออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันที”

“ดังนั้นหากพวกเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต พวกเจ้าจงตั้งสติและทำลายอักขระโบราณนั้นที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของเจ้า จากนั้นก็จะสามารถถอนตัวออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ก่อนเวลา”

“และแน่นอนว่าเมื่อพวกเจ้าถอนตัวออกมาแล้ว มันก็จะหมายความว่าโชคลาภต่าง ๆ ที่พวกเจ้าจะได้พบด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็จะหมดไปด้วย แต่จงจำไว้ไม่ว่าโชคลาภมันจะสำคัญแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของตัวเอง ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมีเพียงความแข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นที่เป็นมาตรฐานเดียวสำหรับการอยู่รอด”

หลิงตู้ฉิงใช้เวลาที่เหลือนี้เพื่อบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานต่าง ๆ ที่ทุกคนต้องเข้าใจ

เนื่องจากว่าข้อมูลนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความลับสำคัญสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บมันไว้บอกกับคนของเขาเพียงอย่างเดียว แต่เขายังจงใจบอกข้อมูลนี้กับคนอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งต่อให้เขาจะไม่บอกข้อมูลนี้กับทุกคน ในเวลาที่ทุกคนเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับพวกเขาทุกคนก็จะล่วงรู้ข้อมูลนี้อยู่ดีเช่นกัน

ในเวลานี้เมื่อทุกคนได้ยินคำแนะนำของหลิงตู้ฉิง พวกเขาทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

“และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก และนั่นก็คือสิ่งของที่มีมิติช่องว่างอยู่ภายในทั้งหมดจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ใครก็ตามที่นำเข้าไปจะทำให้เส้นทางมิติภายในบิดเบี้ยวจนอาจมีความเป็นไปได้ที่คนผู้นั้นจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักโดยกฎของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ดังนั้นทุกคนไม่ควรคิดที่จะนำแหวนมิติติดตัวเข้าไป”

“แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถนำอาวุธวิเศษของตัวเองที่มีระดับไม่เกินสวรรค์และโอสถต่าง ๆ เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองซึ่งสามารถนำติดตัวไปได้มากเท่าที่ต้องการ เท่าที่พวกเจ้าจะสามารถพกพาไปด้วยได้ แน่นอนพวกเจ้าต้องจัดสรรพื้นที่เก็บของในร่างกายให้พอดี ไม่งั้นมันจะมีปัญหาแน่นอน”

“นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ข้ามี ต่อไปข้าจะแจกจ่ายกุญแจให้กับพวกเจ้า” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “เก็บกุญแจให้ดี หลังจากที่ข้าให้พวกมันไปแล้วพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนต่างก็เกร็งขึ้นมาทันที พวกเขามาถึงประตูทางเข้าแล้ว จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาใช่ไหม?

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ชิงเฉิงและพูดว่า “ชิงเฉิง ส่งกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับของเจ้าไปให้…หานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิงและหนิงฮ่าว!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง เย่ชิงเฉิงจึงมอบกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้กับหานซ่งหยวนอย่างเชื่อฟังและกลับไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง

ทั้งสามคนที่ได้รับกุญแจไปแล้ว พวกเขาจึงรวมกลุ่มกันทันทีและเริ่มเอ่ยคำสาบานต่อสวรรค์ว่าพวกเขาจะไม่กระทำอะไรต่อกันเมื่อพวกเขาเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

“กุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับดอกที่สอง ข้าจะมอบให้กับ สีอี้เฉิง ตวนจู้ และปิงยู่หลาง!” หลิงตู้ฉิงพูดขณะที่เขายื่นกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับดอกที่สองออกไป

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เนื่องจากเขาตัดสินใจเรื่องการเตรียมการสำหรับคนในตระกูลของเขาเอาไว้แล้ว

การกระทำของหลิงตู้ฉิงทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเต็มไปด้วยความริษยาและต้องการที่จะสังหารหลิงตู้ฉิง เพื่อชิงกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปจากเขา

“นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น? พวกเราที่อยู่ตรงนี้มีจำนวนมากมายที่ไม่มีแม้แต่กุญแจเพียงแค่ดอกเดียว แต่ทำไมคนผู้นั้นกลับครอบครองกุญแจมากถึง 2 ดอก!”

“สวรรค์ ดวงตาของท่านช่างมืดบอดแท้ ๆ !”

“กุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันหาง่ายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”

หลายคนที่เห็นภาพเช่นนี้ต่างก่นด่าสวรรค์

แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ บริเวณรอบทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็มีเสียงตะโกนลั่นจนพื้นที่รอบ ๆ ถึงกับสั่นสะเทือนไปทั่ว ส่งผลให้กระบวนทัพของอาณาจักรมังกรทะยาน ต้องจัดรูปขบวนใหม่เพื่อเตรียมพร้อมรอสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น!?” หลายคนที่อยู่รอบ ๆ ถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงและลั่วหยุนมองย้อนกลับไปและไม่ได้พูดอะไร

เนื่องจากทั้งสามอาณาจักรใหญ่ได้ปิดกั้นเส้นทางโดยรอบทางเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

ในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่ว่าจะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ หรือขอบเขตที่สูงกว่า กำลังพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางเพื่อพยายามที่จะทะลวงการป้องกันของอาณาจักรใหญ่ทั้งสาม ส่งผลให้การต่อสู้นองเลือดได้เริ่มขึ้นแล้ว

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “ทุกครั้งที่ประตูเปิดขึ้นจะมีผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน นี่คือที่มาของชื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ โม่เอ๋อเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆา พวกเราจะเตรียมเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ”

เนื่องจากว่าคนอื่น ๆ จำเป็นต้องเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หลิงตู้ฉิงจึงมอบค่ายกลกระบี่นี้ให้อยู่ในการดูแลของโม่เอ๋อ ซึ่งนางเป็นผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดในบรรดาผู้คนที่เขาสามารถไว้วางใจได้

หลิงจากได้ยินคำสั่ง โม่เอ๋อจึงเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาทันที ทำให้ทุกคนรอบ ๆ หลิงตู้ฉิงอยู่ภายใต้อาณาเขตการป้องกันของค่ายกล

“สิ่งนี้ข้าจะฝากไว้ที่เจ้าก่อน” หลิงตู้ฉิงส่งยันต์สั่งสวรรค์ให้เสี่ยวเยว่เฟิง “ถ้าหากว่าแม้แต่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เจ้าก็จงขอให้นางออกมา!”