ภาคที่ 4 บทที่ 124 รวมตัวใหม่ (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 124 รวมตัวใหม่ (2)

การมาถึงของชีเว่ยเยี่ยนทำให้ทั้งเยว่หลงซาและผีเยวี๋ยนหงตื่นเต้นนัก ก่อนเป็นเยว่หลงซาที่โผไปหาชีเว่ยเยี่ยนแล้วกอดอีกฝ่ายแน่น “ศิษย์พี่หญิงสอง ท่านก็มาด้วย !”

ชีเว่ยเยี่ยนหัวเราะ “ผ่านไป 10 ปีแล้ว เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงงดงามเหมือนแต่ก่อน นี่เจ้าแต่งงานหรือยังเนี่ย ?”

เยว่หลงซาเขินอาย “เหตุใดจึงต้องรีบร้อนเล่า ?”

“หากไม่รีบ เจ้าจะแก่เสียก่อนน่ะสิ”

เยว่หลงซาเอ่ย “พวกเราเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด สิบปีเหมือนหนึ่งวัน หากยังมีพื้นฐานพลังอยู่ ก็ใช้ชีวิตอยู่ได้อีกเป็นพันปี จะกลัวแก่ไปไย ?”

“เจ้าพูดเช่นนั้น แต่เจ้าไม่เหงาบ้างหรือ ?”

เยว่หลงซาก้มหน้าลงไม่เอ่ยคำ

เมื่อชีเว่ยเยี่ยนเห็นสีหน้าของนางแล้วก็เข้าใจอยู่เล็กน้อย “กับคนบางคน แม้จะรอไปก็ไร้ประโยชน์”

เยว่หลงซาเอ่ยคำเสียงเบา “ข้ารู้”

“รู้อะไร ?” ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ก็มีอีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

ทุกคนในห้องจึงเหลือบมองไปทางต้นเสียง เป็นจีหานเยี่ยนและเจียงซีสุ่ยที่เดินทางมาด้วยกัน ก่อนหน้านี้ เจียงซีสุ่ยคอยเดินตามหลังจีหานเยี่ยนอยู่ตลอด ไม่เคยมีโอกาสได้เดินเคียงข้างนาง หากแต่ตอนนี้ เขากลับยืนอยู่ข้าง ๆ ท่าทางเป็นพิธีของเขาก็ได้หายไปแล้ว จีหานเยี่ยนมองเขาต่างออกไปมาก ดูท่าคำแนะนำของซูเฉินจะได้ผลจริง

ผีเยวี๋ยนหงหัวร่อเมื่อเห็นคนทั้งสอง “ในที่สุด สองคนนี้ก็ใกล้จะลงตัวดั่งใจหมายแล้ว !”

คำพูดนั่นตรงไปตรงมายิ่ง ทำให้จีหานเยี่ยนหน้าคว่ำ กำลังจะออกท่าโจมตี ทว่าเจียงซีสุ่ยก็รั้งนางไว้ “ข้าเอง”

สายน้ำพลันพุ่งเข้าหาผีเยวี๋ยนหง

ผีเยวี๋ยนหงร้องขึ้น “มาสิ !” ก่อนปล่อยหมัดดุดันออกไป เกินคาด ที่ริ้วน้ำนั่นกลับกลายเป็นศร พุ่งเข้าใส่ผีเยวี๋ยนหงจากทั่วทุกทิศ หากเป็นคู่ต่อสู้จริง ๆ ผีเยวี๋ยนหงก็คงเมินพวกมัน แล้วออกท่าโจมตีต่อ แต่ในเมื่อเป็นการประลองกันระหว่างสหาย จึงไม่จำเป็นต้องออกเต็มแรง เขาจึงได้แต่ปัดป้อง วิถีการต่อสู้ของเขาเทียบกับเจียงซีสุ่ยไม่ได้ จึงถูกศรน้ำจนตัวเปียกในพริบตา

ผีเยวี๋ยนหงยังอยากโจมตีต่อ แต่เป็นจีหานเยี่ยนวาดมือออกมา น้ำบนร่างจึงกลายเป็นน้ำแข็ง แช่ร่างเขาอยู่ภายใน

“บัดซบ !” ผีเยวี๋ยนหงสบถ กำลังจะทะลวงออกไปได้เมื่อรวมพลังไว้ที่แขน ทว่าเจียงซีสุ่ยก็ซัดน้ำเข้ามาอีก และแม้มันจะดูเบา แต่ก็มีพลังอย่างหน้าประหลาด ผีเยวี๋ยนหงรู้สึกเหมือนพลังไร้ทางให้ออก ชั่วอึดใจหนึ่ง จีหานเยี่ยนก็เปลี่ยนน้ำเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง ครั้งนี้แช่ศีรษะเขาเข้าไปด้วย

“ดูสิว่าจะยังพูดมากได้หรือไม่” จีหานเยี่ยนขู่ในลำคอ

“งดงาม !” มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านนอกอีกครั้ง คนอีกสองสามคนเดินเข้ามาภายใน โดยมีเฮ่ออวิ๋นตงนำหน้า เขาคือหมายเลขหนึ่งในการเดินทางเข้าซากโบราณลุ่มน้ำทอง ส่วนด้านหลังคือเหอนิ่วหลิว เจียงหานเฟิง หม่าเซวียน เว่ยหยาง และคนอื่น ๆ อีก..

เฮ่ออวิ๋นตงเอ่ยคำ “ไม่คิดเลยว่ามาถึงแล้วจะได้เจอเรื่องเช่นนี้ได้ ! ไม่เลวเลย เหล่าผี เจ้านี่ปากหาเรื่องตลอด ได้บทเรียนเสียบ้างก็ดี และก็ดูท่าน้องหานเยี่ยนจะแกร่งกว่านะ !”

เจียงหานเฟิงกระโดดไปหาผีเยวี๋ยนหง ลองขยับแขนดูแล้วหัวเราะ “ศิษย์พี่แปด ถูกแช่แข็งเช่นนี้คงรู้สึกดีไม่น้อยกระมัง ?”

ผีเยวี๋ยนหงกลอกตาแต่ไม่เอ่ยอะไร

แม้น้ำแข็งของจีหานเยี่ยนจะเย็นยะเยือก แต่สิ่งที่น่ารำคาญใจที่สุดคือน้ำของเจียงซีสุ่ย มันมีคุณสมบัติพิเศษสลายพลัง ทำให้ผีเยวี๋ยนหงไม่อาจใช้กำลังกายทำลายน้ำแข็งออกมาได้

และเพราะเจียงซีสุ่ยไม่ได้เดินทางไปที่ซากโบราณด้วย ผีเยวี๋ยนหงจึงไม่รู้ว่าเจียงซีสุ่ยแข็งแกร่งมากเท่าใด ได้ยินเพียงข่าวลือว่าอีกฝ่ายเป็นทายาทสายเลือดราชันอสูรลั่วโหยวเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากแต่ตอนนี้ ดูท่าข่าวลือจะเป็นจริง เพราะมีเพียงสายเลือดลั่วโหยวเท่านั้นที่จะเอาชนะเขาไปได้โดยง่าย ทั้งเจียงซีสุ่ยยังลงมือโดยไม่เผยฝีมือที่แท้จริง ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นจีหานเยี่ยนที่จัดการเขาได้

ทว่าจีหานเยี่ยนไม่คิดรับความหวังดีจากเจียงซีสุ่ย เอ่ยเสียงเย็นชา “ข้าไม่ได้มีความสามารถผนึกเขาได้ง่ายดายเช่นนั้น ลั่วโหยวของเจียงซีสุ่ยกดพลังของเหล่าผีเอาไว้ ทำให้ข้าถือไพ่เหนือกว่า”

เจียงซีสุ่ยยิ้มขื่นแล้วไม่เอ่ยคำ แม้จีหานเยี่ยนจะมองเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ก็ยังไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นที่เขาวาดหวัง

ได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสให้เขาได้แสดงพลังแล้วเอาชนะใจจีหานเยี่ยนมาได้

ภาพตรงหน้าทำให้กังเหยียนรู้ซึ้งถึงความสามารถในการส่งต่อข้อมูลของเยว่หลงซาทันที ทั้งยังรับรู้ถึงความสามารถในการสานสัมพันธ์ระยะยาวกับคนอื่น ๆ ของซูเฉินอีกด้วย

หลังจากเฮ่ออวิ๋นตงและคนอื่น ๆ ก้าวเข้ามา อวิ๋นเป้า อู๋เสี่ยว จ้าวซิน จินหลิงเอ้อร์ ตู้ฉิง ซุนจี้จู่ จี้ลั่วอวี่ และคนอีกกลุ่มใหญ่ก็เดินทางมาถึง

หวังโต้วซานมาเป็นคนสุดท้าย

ตอนที่เขาเข้ามา ฟ้าก็มืดแล้ว พวกเขานัดพบกันตอนกลางวัน แต่กลับมาเสียจนค่ำ

หากไม่ใช่เพราะว่าทุกคนรู้นิสัยเขาดีอยู่แล้ว ก็คงคิดว่าอีกฝ่ายตัดใจไม่มา

“เจ้าอ้วนบัดซบนี่ สายอีกแล้ว !” ตู้ฉิงเอ่ยขึ้นแล้วดึงหูหวังโต้วซาน

“โอ๊ย ๆ ไม่ใช่ความผิดข้านะ ! นี่ข้าวิ่งมาตลอดทาง คำนวณแล้วควรจะมาถึงตั้งแต่ตอนเช้า ดังนั้นข้าจึงหาเวลาว่างเพิ่มอีกครึ่งวัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงยังมาสายได้” หวังโต้วซานพูด ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

“คำนวณแล้วงั้นหรือ ? ครั้งหน้าลองออกเดินทางล่วงหน้าสัก 3 วัน แล้วใช้เวลานั่นคำนวณเอาก็แล้วกัน” ทุกคนว่า

“ในเมื่อเจ้าอ้วนก็มาแล้ว เช่นนั้นคนอื่นที่ยังมาไม่ถึงก็คงไม่มาแล้ว” เยว่หลงซากล่าว

“เจ้าแจ้งใครไปอีกบ้าง ?” ชีเว่ยเยี่ยนถาม

“ข้าแจ้งทุกคนที่เดินทางไปซากโบราณลุ่มน้ำทอง เมื่อปีก่อนหวังเสวียนอันได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังฟื้นตัวอยู่ ดังนั้นจึงมาไม่ได้ แต่ฝาแฝดแซ่เสิ่น……” เยว่หลงซาไม่พูดต่อ

ฝาแฝดแซ่เสิ่นทรงพลังมาก แต่ก็เห็นแก่ตัวอยู่บ้าง ทั้งสองบอกเยว่หลงซาตอนไปแจ้งข่าวว่าอาจมาไม่ได้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แจ้งว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการ ส่วนคนอื่นที่ตอบตกลงในตอนนั้น ทว่ามาตอนนี้ก็ยังไม่มา ไม่แน่ว่าอาจเจออุปสรรคอะไรกลางทาง หรือไม่ก็ตอบความไปอย่างนั้น

ใต้หล้านี้มีคนอยู่ทุกประเภท ไม่ใช่ทุกคนที่จะซื่อสัตย์ภักดีไปทั้งหมด แท้จริงแล้ว รวมคนมาได้มากเท่านี้ก็น่าพึงพอใจแล้ว

ทุกคนจึงไม่พูดอะไร

“ไอ้หยา ในที่สุดก็มาถึงสักที ! เหนื่อยชะมัด”

หากแต่ในตอนนั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งเอ่ยคำขึ้น ใบหน้าน่ารักปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ตามมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

คือหานหลินเสีย

หญิงสาวยังดูเหมือนแต่ก่อน ท่วงท่าดูเย้าหยอก รูปร่างหน้าตาน่ารัก หากแต่แก้มกลับเป็นสีแดงนัก ราวกับรีบรุดมาหลายขณะ ข้าง ๆ นางคืออีกสองคน เป็นโจวจวินเจียกับถังหมิงที่ตอนนี้เป็นสามีภรรยากันแล้ว

“พวกเจ้า……” ทุกคนจ้องมองตาค้าง

ยังมีคนที่มาสายกว่าหวังโต้วซานด้วยงั้นหรือ ?

“ระหว่างทางเกิดเรื่องเข้า ทำให้เสียเวลาไปบ้าง” ถังหมิงเอ่ยเสียงเรียบ

“เกิดอะไรขึ้นหรือ ?” เฮ่ออวิ๋นตงถาม

“ไม่มีอะไร จริง ๆ แล้ว เราแค่ไปหาของที่อาจมีประโยชน์ต่อภารกิจครั้งนี้เท่านั้นเอง” ถังหมิงว่าพลางหยิบของชิ้นหนึ่ง

มันคือหัวใจ

หัวใจที่ยังเต้นอยู่

ตึกตัก ! ตึกตัก ! ตึกตัก !

มันเต้นตุบ ๆ ราวกับเต้นสะท้อนพร้อมกันกับเสียงหัวใจของคนทั้งหมด

“ดวงใจนิรันดร์ของปีศาจหวาดทมิฬ !” กังเหยียนร้องขึ้น จ้องถังหมิงเขม็ง “ท่านไปหุบเขาใจครวญมาหรือ ?”

ถังหมิงยิ้มน้อย ๆ “จุดรวมพลอยู่ที่นี่ ซึ่งก็หมายความว่าเป้าหมายของพวกเราคือเทือกเขาหินปูน และหากจะผ่านปล่องภูเขามรณภัย ย่อมจำเป็นต้องใช้ดวงใจนิรันดร์ ข้าจึงอ้อมไปเอาของมา อ้อ หากไม่อยากได้ ก็คืนมาเสีย”

มีหรือที่กังเหยียนจะไม่อยาก ?

ดวงใจนิรันดร์เป็นหนึ่งในของที่ต้องใช้เพื่อทำภารกิจของซูเฉินให้สำเร็จ แต่เขาไม่คิดเลยว่า ถังหมิงจะมอบมันให้ก่อนจะทำตามแผนด้วยซ้ำ

“ขอบคุณคุณชายถังมาก !” กังเหยียนเอ่ยเสียงยินดี

“เพ้ย เจ้านี่ไม่เปลี่ยน ! คิดแต่จะชิงความดีความชอบ” น้ำเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเย้ยหยัน เมื่อมองการกระทำของถังหมิงออก

“อย่าหัวแข็งนักเลย หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล” คนหนึ่งกล่าว

“ใช่แล้ว ในเมื่อมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มวางแผนได้”

“ยังต้องวางแผนอะไรอีก ? ไม่ใช่ว่าจะสู้มันไปเรื่อยผ่านเทือกเขาหินปูนและไปหากองทัพกำลังสวรรค์งั้นหรือ ? เห็นหรือไม่ มันง่ายจะตายไป”

“ง่ายบ้านเจ้าสิ !” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกันแล้วหัวเราะ

ในตอนนั้นเองที่ในอกกังเหยียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมายามได้มองคนกลุ่มนี้