บทที่ 125 ถนนโบราณธารน้ำเซียน
เทือกเขาหินปูนอันกว้างใหญ่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของทวีปต้นกำเนิด ทางทิศใต้คือช่องเขากระดูกแดง ทิศเหนือคือช่องเขากันลม และทิศตะวันตกคือดินแดนมังกรสาบสูญ โดยรวมแล้วเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางดินแดนเผ่าสัตว์อสูร เผ่าคนเถื่อน และดินแดนเผ่ามนุษย์
เทือกเขาหินปูนเดิมทีไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นที่ราบว่างเปล่าซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่ ทว่าในช่วงปกครองของอาณาจักรอาร์คาน่า อาณาจักรอาร์คาน่าและเผ่าสัตว์อสูรต่อสู้กันนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสองฝั่งใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทาง รวมถึงวิชาโบราณอาร์คาน่าที่ใช้เปลี่ยนภูมิประเทศ บดบังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เปลี่ยนภูเขาและแม่น้ำ จากภูเขาสู่ที่ราบ จากที่ราบสู่หุบเหว จากที่รกร้างกลายเป็นเทือกเขา
เทือกเขาหินปูนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มันถูกสร้างขึ้นจากความขัดแย้งเมื่อครานั้น ทำให้ยังมีร่องรอยความขัดแย้งจากในอดีตให้เห็นอยู่บ้าง
ตัวอย่างที่สำคัญที่สุดคือปล่องภูเขามรณภัย
ปล่องภูเขามรณภัยเกิดขึ้นจากหลากหลายวิชาของปรมาจารย์แห่งอาณาจักรอาร์คาน่ายามต่อสู้กับเทพอสูร พลังมหาศาลที่ปล่อยออกมาที่นี่ทำให้เกิดรอยลึกไปทั่วพื้นที่ หลายรอยยังเหลือพิษร้าย ความผันผวนพลัง หรือรังสีอันตรายต่าง ๆ เอาไว้ และยังมีสถานที่ที่วิญญาณยังไม่สลายหายไป ล่องลอยอยู่ในบริเวณนั้น คอยมองหาอาหารและคนไม่รู้ความที่นั่นเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน
ปล่องเหล่านี้จึงกลายเป็นกับดักอันตราย กระจายอยู่ทั่วเทือกเขาหินปูน กระทั่งผู้เชี่ยวชาญพลังด่านผลาญจิตวิญญาณหรือด่านหยั่งรู้ฟ้าดินยังไม่กล้าเดินทางผ่านโดยง่าย
อีกทั้งที่นี่ยังเต็มไปด้วยรอยแยกพลังงานสูญ
ความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มิติเวลาเกิดรอยแยก กลายเป็นรอยแยกพลังงานสูญนับไม่ถ้วน ใช้ตาเปล่ามองไม่เห็น ทำให้อันตรายนัก เพราะที่นี่มิติถูกฉีกกระชากออก ไม่อาจมีสิ่งใดมาต้านทานได้เลย สิ่งมีชีวิตที่เผลอเข้าไปในรอยแยกพลังงานสูญทำได้เพียงหวังว่าพลังชีวิตอันทรงพลังของพวกมันจะทำให้มันรอดชีวิตไปได้
น่าเสียดาย ที่การจะงอกแขนขาขึ้นใหม่ได้นั้น ต้องอยู่ด่านสู่พิสดารหรือสูงกว่านั้นเท่านั้น การบินก็เช่นกัน เว้นเสียแต่ว่าจะมีวิชาลับ ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจทำได้ ทำให้ทัพใหญ่ไม่อาจผ่านพื้นที่แถบนี้ได้เลย
กระนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็ไม่ใช่ปล่องภูเขาหรือรอยแยกพลังงานสูญ
แม้กับดักตามธรรมชาติพวกนี้จะทรงพลังมาก แต่ก็ยังมีลักษณะเป็นแบบแผน ยังมีวิชาที่ใช้หลบเลี่ยงอันตรายและรอยแยกเหล่านี้ไปได้
ทว่าบางสิ่งมีชีวิตก็ยากที่จะกำหนดพฤติกรรมที่เป็นแบบแผน
ตัวอย่างเช่นเผ่าสัตว์อสูร
อสูรกายนั้นเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาก แม้ในตอนที่ระดับพลังต้นกำเนิดเริ่มถดถอยไป พวกมันก็ยังปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบกายได้อย่างน่าประหลาด
เผ่ามนุษย์และเผ่าคนเถื่อนไม่อาจเอาชีวิตรอดบนเทือกเขาหินปูนได้ แต่อสูรกายสามารถทำได้ อย่างน้อยพวกมันกลุ่มหนึ่งก็ทำได้
พวกที่แข็งแกร่ง หรือพวกที่มีความสามารถพิเศษ สามารถเอาชีวิตรอดในสถานที่อันตรายเช่นนี้ได้ราวกับปลาในน้ำ บางตัวยังชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้ด้วยซ้ำ เพราะจะช่วยทำให้มันเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกัน จึงมีอสูรกายอยู่เต็มไปหมด ทั้งที่ใต้ดิน และบนท้องฟ้า จนพวกมันจะรวมกลุ่มกันกลายเป็นขบวนสัตว์อสูรขนาดใหญ่
อสูรกายเองก็สามารถมีสติปัญญาได้เช่นกัน ซึ่งไม่เหมือนกับอสูรร้าย สติปัญญาของพวกมันอาจเทียบกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะไม่ได้ แต่ก็ยังรู้จักหลบเลี่ยงผู้แข็งแกร่งและเลือกโจมตีผู้ที่อ่อนแอกว่า หากคิดแล้วว่าจะสามารถเอาชนะได้ ก็จะรุดเข้าไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นก็จะซุ่มโจมตีอยู่ในพื้นที่โดยรอบหากไม่สามารถสู้โดยตรงได้
ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงกลายเป็นดินแดนรกร้างไร้ผู้คน
หนทางผ่านเทือกเขาเพียงเส้นทางเดียวคือใกล้กับขอบด้านตะวันตกเฉียงใต้ จากตรงนั้น จะต้องเดินทางผ่านยอดเขาโอบจันทร์ เข้าช่องเขาเส้นดำ ปีนป่ายไปตามถนนไร้ทางกลับ สุดท้ายก็ข้ามป่าหยุดใจ ถึงตอนนั้นจึงจะผ่านเขตอันตรายทั้งหมดไปได้ และเข้าใกล้เขตแดนของมนุษย์
โดยเส้นทางนี้มีชื่อเรียกว่าถนนโบราณธารน้ำเซียน
——————————
ท้องฟ้าเหนือเทือกเขาหินปูนเป็นสีเทา
เกิดจากการแผ่รังสีของปล่องภูเขามรณภัยนั่นเอง
ตานปาแหงนหน้ามองท้องฟ้า กำโคลนขึ้นมามือหนึ่ง โคลนในมือกระจายออกอย่างรวดเร็วและตกลงพื้น ก่อนจะถูกลมพัดหายไป
ตานปาแบบฝ่ามืออีกที เหลือบมองไปยังชิ้นเนื้อที่สึกกร่อนในมือของเขา
“หัวหน้า ระวังด้วย พิษในปล่องภูเขามรณภัยร้ายแรงมาก แม้จะอยู่รอบนอกของปล่อง แต่จะประมาทไม่ได้” ทหารเผ่าคนเถื่อนหนุ่มเอ่ย เขาชื่อไหลซี หนึ่งในผู้เข้าการสำรวจซากโบราณลุ่มน้ำทอง และในวันนี้ก็เป็นองครักษ์คนหนึ่งของตานปา
“ใช่แล้ว ปล่องภูเขามรณภัยพิษร้ายนัก หากพวกมนุษย์กล้าเข้าใกล้ก็ต้องตายแน่ ข้าว่าพวกเขาน่าจะผ่านถ้ำว่านไหลมากกว่า” ทหารเผ่าคนเถื่อนผมสีขาวอีกคนหนึ่งกล่าว เขาชื่อจาเค่อ เป็นรองผู้บัญชาการลำดับหนึ่งของตานปา ก่อนที่ตานปาจจะมีอำนาจขึ้นมา เขาเคยเป็นแม่ทัพนักวางแผนที่เก่งที่สุดของชนเผ่ากิ้งก่ากรวดมาก่อน
แต่ในแดนของเผ่าคนเถื่อนนั้น มันสมองไม่เคยถูกมองว่ามีค่า ด้วยในโลกของเผ่าคนเถื่อนแล้ว พวกเขาเชื่อว่าหากใช้สมองคิดแล้วแก้ปัญหาได้ งั้นจะมีพลังแข็งแกร่งเอาไว้ทำอะไรกัน ?
หากแต่เรื่องสำคัญคือแม่ทัพจอมวางแผนผู้นี้ไม่ได้ฉลาดอย่างที่ตนเองทึกทัก ก็แค่นับว่าฉลาดเมื่อเทียบกับเผ่าคนเถื่อนตามปกติเท่านั้น
สำหรับเผ่ามนุษย์แล้ว ‘แม่ทัพวางแผน’ เช่นนี้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
จึงนับว่าแม่ทัพเช่นนี้ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้กับพวกมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงมีฐานะไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม ตานปาก็ยังนำพาเขาขึ้นมาสู่จุดสูงด้วยกัน เหตุที่ทำแบบนี้ เพราะเขาถูกบีบให้เลือกคนฝีมือธรรมดาจากเหล่าคนธรรมดา แม้มันสมองของจาเค่อจะเทียบมนุษย์ไม่ติด อย่างน้อยก็มีสติปัญญามากพอจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของตานปาได้
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น หากพวกมนุษย์บัดซบสู้กับพวกวิญญาณนั่นไปเสียก็คงจะดี เช่นนั้นเราจะได้ไม่ต้องเสียแรงไล่พวกนั้นมาก” เผ่าคนเถื่อนอีกคนว่า
เขาคือปาเหยียน เป็นลูกชายคนปัจจุบันของหัวหน้า หนึ่งในรองผู้บัญชาการที่ตานปาโค่นเพื่อชิงอำนาจมา
หากเป็นไปได้ ตานปาก็ไม่อยากได้เขามาแม้สักนิด
น่าเสียดายที่เขาไร้ทางเลือก เขายังไม่ใช่หัวหน้าเผ่า และเพื่อให้ได้รับแรงสนับสนุนจากเผ่า ก็จำเป็นต้องให้ความเคารพกลับหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบัน
ซึ่งการปฏิบัติกับบุตรชายของหัวหน้าที่เคยเป็นคู่ต่อสู้กันดังเช่นสหายนั้น มันก็ถือเป็นวิธีการแสดงความเคารพที่ได้ผลดีมาก
แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนโง่และไร้ประโยชน์ก็ตามที
“เจ้าโง่ ! หากพวกเขาหนีไปทางนั้น แผนของเราก็ถูกเปิดโปงน่ะสิ !” ทหารเผ่าคนเถื่อนอีกคนเอ่ยเสียงหยัน เขาชื่อซาหลัว นิสัยดุร้ายป่าเถื่อน กระทั่งในหมู่คนเถื่อนยังนับว่าหาได้ยาก
เขามีความผิดฐานสังหารเจ้านายตนเอง
สังหารเจ้านายตนเองและทรยศชนเผ่า
หากไม่ใช่เพราะตานปา คนอย่างเขาคงไม่อาจได้รับโอกาสที่สอง
ก่อนหน้านี้ เผ่าคนเถื่อนบางคนเคยถามตานปาว่าทำไมถึงเอาคนที่เคยสังหารนายตนมาใช้งาน ตานปาจึงตอบพวกเขาไปว่า “กองกำลังกบฏใด ๆ ย่อมต้องสรรหาคนที่มีใจกบฏมานำพา”
ความหมายเบื้องหลังประโยคนี้ซับซ้อนเกินกว่าที่เผ่าคนเถื่อนส่วนมากจะเข้าใจ ดังนั้นคนทั้งหลายจึงไม่อาจเข้าใจความหมายที่เขาคิดจะสื่อได้
“ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปทางไหน เราก็จะตามหาให้เจอ แล้วฉีกร่างพวกนั้นเป็นชิ้น ๆ” เผ่าคนเถื่อนอีกคนว่า
เผ่าคนเถื่อนผู้นี้มีร่างสูงใหญ่เป็นพิเศษ แม้จะเทียบกับเผ่าคนเถื่อนที่มักมีร่างกายบึกบึนเป็นทุนเดิมแล้วก็ตาม
ร่างกายของเขาส่งกลิ่นอายของพลังบริสุทธิ์ออกมา
เขาชื่อว่าหลงเจ๋อเอ่อร์
เขาเป็นลูกน้องที่ตานปาไว้ใจที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับคนที่ได้รับความไว้วางใจส่วนมาก เขามีนิสัยเป็นแม่ทักผู้ดุดัน หลงเจ๋อเอ่อร์เป็นสุนัขดุที่ถักดีที่สุดของตานปานั่นเอง
เขาไม่สนว่าอะไรผิดหรือถูก หากตานปาชี้นิ้วสั่งมาละก็ เขาก็จะกระโจนไปทันที
มองในบางมุม เช่นนี้ก็คือสติปัญญาชนิดหนึ่งเหมือนกัน
มันทั้งเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ
ตานปามองท้องฟ้าด้วยความเงียบงัน ไม่กล่าวคำกับการกระทำแสดงความภักดีหลงเจ๋อเอ่อร์
ผ่านไปหลายชั่วอึดใจ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “อย่าดูถูกคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะอย่างไร จนกว่ากองทัพกำลังสวรรค์จะถูกกวาดล้างไปจนสิ้น เราก็จะยังปิดล้อมเทือกเขาหินปูนเอาไว้ !”