“เป็นอะไรไป”
รู้สึกได้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนกำลังจ้องมองตนเองอยู่ อวี้เฟยเยียนจึงเงยหน้าขึ้น
“ไม่มีอะไร…พี่ไม่ได้ทดสอบวรยุทธ์ของเจ้าตั้งนานแล้ว ไปเถอะ ไปที่ลานฝึกกัน!”
เดิมทีอวี้เฟยเยียนคิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนพานางมาที่จวน มาต้มสุราร้อนๆ สักกาท่ามกลางบรรยากาศที่แสนหวานของยามแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ พร้อมทั้งชื่นชมดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามด้วย
กว่าที่ทั้งสองจะประลองกันจนจบ เวลาก็ล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงช่วงหัวค่ำ
“เชยชมทิวทัศน์ป่าต้นเฟิง[1] แดงเพลิงเสียยิ่งกว่าดอกไม้ยามเดือนยี่”!
เหลือบมองไปเห็นท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง อวี้เฟยเยียนจึงท่องกลอนออกมาบทหนึ่ง
“ต้นเฟิง”
ซย่าโหวฉิงเทียนโอบอวี้เฟยเยียนเอาไว้
“เจ้าอยากชมต้นเฟิงหรือ พี่มีสวนอยู่ที่นอกเมือง ต้นเฟิงกำลังงอกงามทีเดียว อีกสักสองสามวันจะพาเจ้าไปเที่ยว!”
“ดี!”
อวี้เฟยเยียนสายตาวาววับ ราวกับแมวน้อยก็ไม่ปาน
ในระยะนี้นางใช้ชีวิตออกจะสบายไปเสียหน่อย ได้ฝึกปรือฝีมือกับซย่าโหวฉิงเทียนมาครึ่งค่อนวัน แต่เขาไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเป็นอวี้เฟยเยียนเสียอีกที่เหน็ดเหนื่อยจนแทบสลบ
ตอนนี้ไม่เพียงแค่เสื้อผ้านางเปียกชื้นไปทั้งตัวเท่านั้น ตอนนี้นางรู้สึกราวกับว่ากระดูกทั่วร่างแทบจะแหลกเหลวเลยทีเดียว ปวดระบมไปหมด
เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนเป็นเช่นนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนจึงอุ้มนางไปที่ห้องอาบน้ำ
น้ำอุ่นคือวิธีที่ช่วยขจัดความเหนื่อยล้าได้ดีที่สุด!
“ท่านใส่อะไรลงไปในน้ำ เนื้อตัวอ่อนนุ่มของอวี้เฟยเยียนเอนซบลงในอ้อมกอดซย่าโหวฉิงเทียน ไม่อยากที่จะขยับเขยื้อนร่างกาย
ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้ซึ่งอารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก!
ถึงได้ลงมือเ**้ยมโหดกับผู้หญิงเช่นนี้
หากมิใช่ว่าในตอนนี้นางและเขามีสัมพันธ์ฉันคนรักกันละก็ อวี้เฟยเยียนคงจะเกิดความสงสัยเป็นแน่ว่าเมื่อครู่ตอนที่ประลองฝึกฝีมือกัน ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นนางเป็นศัตรูจริงๆ ไปแล้วเป็นแน่แท้
แต่เช่นนี้ก็ดี!
ทุกครั้งที่นางประมือกับซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็จะได้เรียนรู้และมีพัฒนาก้าวให้หน้าขึ้น
หากกล่าวด้วยภาษาของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นก็คือ
“คนอื่นแทบจะร้องไห้กราบกรานขอร้องให้พี่ช่วยชี้แนะ พี่ยังไม่เคยสนใจคนพวกนั้นเลย! การที่พี่มาฝึกฝนชี้แนะให้เจ้า นับเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว!”
มีจอมยุทธ์ที่ฝีมือสูงส่งคอยชี้แนะให้กับนาง ก็นับเป็นวาสนาของนางจริงๆ นั่นแหละ!
แต่ว่าท่านช่วยอย่าทำท่าเย่อหยิ่งเวลาเอ่ยมันออกมาได้หรือไม่เล่า
มันทำให้คนเขามองมาแล้วเกิดความขุ่นเคืองเอา!
เทพจักรพรรดิแน่นักหรืออย่างไร
รอให้ต่อไปข้าสำเร็จขั้นเทพจักรพรรดิก่อนเถอะแล้วข้าจะทรมานท่านให้หนักเลย!
ข้าจะต้องมีแส้หนังด้วย!
ยังมีเทียน!
“มันดีกับตัวเจ้าเอง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่รู้เลยว่าในใจอวี้เฟยเยียนกำลังคิดการว่าจะเอาคืนเขาอย่างไรอยู่ ในตอนนี้เขากำลังนวดที่แผ่นหลังนางในตำแหน่งที่เหมาะสม
“สบายจังเลย!”
อวี้เฟยเยียนหลับตาลง ดื่มด่ำกับบริการของหนุ่มคนรักอย่างเต็มที่ ทำให้อวี้เฟยเยียนแลดูจะอ่อนโยนเรียบร้อยน่ารักว่าง่ายเป็นพิเศษ
อุณหภูมิน้ำกำลังพอดี พึงพอใจมาก!
วิธีการที่ใช้นวดคลึง พึงพอใจมาก!
อีกฝ่ายคือคนที่นางชอบ พึงพอใจมาก!
หากสามารถทำกิจกรรมที่มีความสุขด้วยกันอีกสักหน่อย นางจะยิ่งพึงพอใจมากกว่านี้…น่าเสียดาย ในตอนนี้นางเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ายิ่งนัก จนแม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะยั่วยวนเขายังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ถูกโอบล้อมด้วยความสบาย จนในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็หลับไป
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังแว่วมา ซึ่งแม้ว่าคนในอ้อมอกจะหลับไปเสียแล้ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังมิได้หยุดมือ ยังคงนวดผ่อนคลายให้กับนางต่อไป
วันนี้คงจะเล่นเสียจนนางเหน็ดเหนื่อยจริงๆ !
ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนก็ได้ค้นพบเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือยิ่งมีความกดดันมากเท่าไหร่ แรงตอบกลับของอวี้เฟยเยียนก็จะมากขึ้นเท่านั้นและพัฒนาการของนางก็จะยิ่งเพิ่มได้รวดเร็วขึ้น
เห็นที ร่างกายแมวน้อยจะเป็นพวกชอบได้รับการทรมานกระมัง!
มือซย่าโหวฉิงเทียนไล่จากหัวไหล่มนที่หอมกรุ่นของนางลงมาที่แผ่นหลังที่เนียนละเอียด
วันนี้นางสวมใส่ชุดชั้นในตัวน้อยสีชมพูแนบเนื้อนาง
สำหรับสิ่งต่างๆ ที่เขาไม่เคยเห็น ซย่าโหวฉิงเทียนสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก ใช้โอกาสตอนที่อวี้เฟยเยียนหลับอยู่ เขาจึงถือโอกาสสำรวจสิ่งใหม่ๆ เสียเลย
เริ่มเปิดฉากด้านหลัง
สิ่งที่เป็นลวดลายดอกไม้และปุยเมฆนี่คืออะไรกันนะ ว่าแล้วซย่าโหวฉิงเทียนก็ยื่นมือออกไปดึงมันขึ้นมา
เปรี้ยะ!
เสียงแผ่วเบา เจ้าสิ่งนั้นก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนปลดออก
สายสีน้ำเงินเส้นเล็กคลายปมออกจากกันขณะที่ห้อยอยู่บนบ่าของอวี้เฟยเยียน เศษผ้าสีชมพูบนผิวด้านหน้าของนางก็ร่นลงมาเช่นกัน
เสียมารยาทอย่ามอง!
แก้มซย่าโหวฉิงเทียนแดงซ่าน แล้วก็ค่อยๆ ลูบน้ำลงบนผิวของอวี้เฟยเยียนแล้วโกยเอาก้อนเนื้อทั้งสองข้างของนางห่อหุ้มเอาไว้ดังเดิมในครั้งเดียว จากนั้นอุ้มนางขึ้นตรงกลับไปที่ห้องของเขาเอง
“ท่านอ๋อง…”
เห็นแก้มทั้งสองข้างของซย่าโหวฉิงเทียนแดงซ่านราวกับจะลมจับ ชิงหงจึงถอยหลีกไปอีกด้าน
ท่านอ๋อง นี่ท่านอ๋องบุกเข้าโจมตีในจังหวะที่นางเพลี่ยงพล้ำ
มันจะไม่ไร้คุณธรรมไปเสียหน่อยหรือ!
ทว่าลงมือในขณะที่ควรลงมือจึงสมกับเป็นวิสัยของท่านอ๋อง!
หากอวี้เฟยเยียนมาเป็นพระชายา ชิงหงก็ดีใจยิ่งนัก
ชิงหงติดตามซย่าโหวฉิงเทียนมาเป็นเวลานาน จึงคุ้นชินกับนิสัยนายท่านเสียแล้ว มีเพียงแต่หลังจากที่ได้พบกับอวี้เฟยเยียนกระมัง ซย่าโหวฉิงเทียนจึงค่อยๆ ‘เป็นผู้เป็นคน’ ขึ้นมาบ้าง
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทีเดียว!
ท่านอ๋อง ทรงลงมือเถอะพ่ะย่ะค่ะ!
รอกระทั่งถึงปีหน้า สิ่งของเหล่านี้ที่ฝ่าบาททรงพระราชทานมาไม่แน่ว่าจะได้ใช้ประโยชน์แล้ว!
ชิงหงกำลังชื่นชมการกระทำของนายท่านตนเอยู่ในใจ ทว่าเวลาผ่านไปไม่นาน ซย่าโหวฉิงเทียนก็เดินออกมาจากห้อง
ในเวลาเช่นนี้มิใช่สมควรพลิกไปพลิกมาบนเตียงหรอกหรือ
อย่างน้อยที่สุดก็ควรอยู่เป็นเพื่อนคนงามนี่นา!
ชิงหงเกิดคำถามอยู่ในใจทว่ากลับมิได้เอ่ยออกมา เขาทำได้แต่เพียงตามซย่าโหวฉิงเทียนไปที่ห้องหนังสือ
“นี่คืออะไร”
เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือแล้วเหลือบไปเห็นม้วนภาพวาดวางอยู่บนโต๊ะ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หยุดชะงักในทันที เขาไม่ชอบเห็นสิ่งของที่ไม่ใช่ของตนวางอยู่ในห้องซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว
เมื่อเห็นว่านายท่านเริ่มไม่สบอารมณ์ ชิงหงก็รีบกล่าวอธิบายทันที
“ภาพวาดนี้ฝ่าบาททรงให้คนนำมาให้ เป็นผลงานใหม่ของอาจารย์เหอ ฝ่าบาททรงตรัสว่าให้ท่านอ๋องพยายามเรียนรู้ศึกษาให้มาก กล่อมเกลานิสัยความคิดและการกระทำ จะให้ดีที่สุดจะต้องทดลองปฏิบัติจริงพ่ะย่ะค่ะ!”
ชิงหงบรรยายตามที่ขันทีที่นำภาพนี้มาให้กล่าวมา ซึ่งในตอนนั้นที่ได้ฟังเขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ไม่น้อย
มาตอนนี้เป็นคนพูดเสียเอง เขายิ่งรู้สึกแปลกประหลาดเข้าไปใหญ่
“รู้แล้ว เจ้าถอยไปได้!”
รอจนกระทั่งชิงหงออกไป ซย่าโหวฉิงเทียนจึงนั่งลง แล้วสุ่มหยิบเอาภาพออกมาภาพหนึ่งแล้วเปิดออก
ภาพวาดนี้ เพียงแค่มองเห็นรูปขุนเขาสายน้ำก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นฝีมือการวาดของเหอหม่านเฉิง
เพียงแต่ว่า ใต้ต้นไม่นั้นคนสองคนกำลังทำอะไรกันนะ
ฝึกร่วมกันในป่าใหญ่ มิเกรงว่าจะมีใครเข้ามาเห็นหรอกหรือ
เมื่อเกิดคำถามขึ้นเช่นนี้ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนตั้งใจดูขึ้นมา
รับคำสั่งมาจากซย่าโหวจวินอวี่ เหอหม่านเฉิงวาดภาพต่อเนื่องเพื่อสื่อความหมายถึงภาพในชุนกงถูออกมา
ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่ง เดินทางมาท่องเที่ยวในป่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถูกตาต้องใจซึ่งกันและกันเป็นรักแรกพบ ชายมีรักหญิงมีใจ จึงทำกิจกรรมที่ให้ความสุขขึ้นภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สวยงาม
และเพื่อที่จะให้เป็นไปตามกระแสรับสั่งของฝ่าบาท ต้องสวยงาม ดังนั้นเหอหม่านเฉิงจึงตั้งใจวาดให้พระเอกและนางเอกของภาพให้ชายรูปงามกับหญิงสาวสวย
โดยวาดตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่กำลังเริ่มต้นพูดคุยเรื่องความรัก จนถึงขั้นตอนในปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์เตรียมตัวผลิดอกออกผล หรือแม้กระทั่งในขั้นตอนที่ทางน้ำหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนได้พบความสุขที่ปลายอุโมงค์ ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนแต่บรรยายได้สวยงามอย่างที่สุด
ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจซย่าโหวฉิงเทียน ไม่ใช่ภาพวาดที่สวยงาม หรือตัวละครที่งดงาม แต่เป็นท่วงท่าในการหลอมรวมต่างหาก
เหอหม่านเฉิงเอาภาพหลายภาพในชุนกงถูรวมกับท่าทางที่เขาสามารถคิดขึ้นมาได้มาสรุปรวมกันแล้ววาดออกมาเป็นภาพ
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…”
คราวนี้ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่
ในแต่ละภาพก็จะทำสัญลักษณ์และเขียนชื่อท่าทางต่างๆ กำกับเอาไว้โดยละเอียดชัดเจน ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกนับถือจิตวิญญาณในความเคารพรักในหน้าที่อาชีพของเหอหม่านเฉิงยิ่งนัก และซย่าโหวฉิงเทียนจดจำเนื้อหาเหล่านี้โดยละเอียดเอาไว้ในใจเรียบร้อย
ในวันนี้ซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้แล้วการฝึกร่วมล้ำลึกและกว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้!
เขาจะตั้งใจเรียนรู้ให้มาก!
เวลาล่วงเลยไปจวบจนกระทั่งตะวันขึ้น ซย่าโหวฉิงเทียนจึงอ่านดูทุกภาพจนแล้วเสร็จ
ความจำเขายอดเยี่ยมยิ่งนัก เพียงแค่กวาดสายตาก็สามารถจดจำได้อย่างไม่ลืม
เมื่อมีความรู้ทางวิชาการแล้ว ที่ยังขาดก็คือการนำไปปฏิบัติจริง!
ซย่าโหวฉิงเทียนเลือกภาพที่ตนเองชอบที่สุดหนึ่งภาพม้วนเก็บแล้วถือเอาไว้ตั้งใจจะนำกลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อมอบให้กับอวี้เฟยเยียน
——
[1] ต้นเมเปิล