คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 920
สโลนมองเข้าไปในอุโมงค์ลับและกล่าวอย่างสุขุม “ตามที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปีก่อน โลกใหม่ต้องเผชิญกับอสูรร้ายที่คอยสร้างภัยพิบัติให้กับยุทธจักร มันฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เยอะมาก! ต่อมาสำนักประกายแสงก็ร่วมมือกับสำนักอื่น ๆ เพื่อจับอสูรร้ายตัวนี้ และขังมันไว้ในอุโมงค์ลับแห่งแสงสว่าง”
“พี่สโลน” อีเว็ตต์หันไปหาสโลนและกล่าวถาม “แต่ว่านั่นมันก็ 500 ปีมาแล้ว อสูรร้ายตัวนั้นน่าจะตายไปนานแล้วตอนนี้…”
สโลนส่ายหัวและกล่าวอย่างตรึกตรอง “เจ้าหญิง ในยุทธภพนี้มีจอมยุทธผู้บ่มเพาะมากมายเพคะ และยิ่งพวกเขาบรรลุระดับกำลังภายในมากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุที่ยืนยาวขึ้น เช่นเดียวกันกับอสูรร้ายหรือสัตว์ป่าจำนวนมากที่บ่มเพาะพลังได้ เราเรียกพวกมันว่าสัตว์วิเศษ ส่วนใหญ่แล้วสัตว์วิเศษพวกนี้จะอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธ หรือ จักรพรรดิยุทธ และอาจจะสูงกว่านั้น พวกมันเลยมีอายุที่ยืนยาวได้เหมือนกัน”
จากนั้นสโลนก็ถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวต่อ “ตามที่มีในบันทึก อสูรร้ายเมื่อ 500 ร้อยปีก่อนมันทรงพลังมาก! จอมยุทธระดับจักรพรรดิยุทธหลายคนต้องตายเพราะพยายามจะเอาชนะมัน ด้วยพลังขนาดนี้มันก็สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายร้อยปี”
แดร์ริลยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ อย่างแนบชิดและก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องนี้
‘อสูรร้ายที่เป็นสัตว์วิเศษ? ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตา’
จากนั้นแดร์ริลก็ยกเท้าก้าวยาวเข้าไปในปากทางเข้าของอุโมงค์
“แดร์ริล อย่า!”
เขากำลังจะยกขาก้าวเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานแหววตวาดดังมาจากด้านหลัง และสโลนก็พุ่งตัวเข้ามาขวางข้างหน้าทันที
เมื่อสโลนยืนอยู่ตรงหน้าแดร์ริล ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย “นี่นายจะทำอะไร?”
แดร์ริลรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับความทรนงตัวของสโลน แต่เขาก็ฉีกยิ้มให้ “ฉันก็จะเข้าไปดูอสูรร้ายตัวนี้ให้เห็นกับตาไง เธอยังต้องถามฉันอีกเหรอ?”
สโลนนั้นวิตกกังวล เธอกระทื้บเท้า “ไม่ นายจะเข้าไปไม่ได้!”
“ทำไมล่ะ?” แดร์ริลขมวดคิ้วถาม
มันเป็นเรื่องน่าขำขัน ที่ว่าตอนนี้สำนักประกายแสงก็ถูกทำลายลงแล้ว แต่แท่นบูชาหลักของสำนักเป็นส่วนหนึ่งของอณาจักรโลกใหม่ แดร์ริลนั้นสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการในดินแดนจักรวาลโลก แล้วทำไมเขาถึงจะเข้าไปข้างในนี้ไม่ได้?
เฮ้อ!
สโลนสูดลมหายใจเข้าลึก เธอพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง จากนั้นเธอก็กล่าวตอบอย่างไตร่ตรอง “ถ้าเกิดในอุโมงค์มันคืออสูรร้ายเมื่อ 500 ปีก่อนที่สำนักประกายแสงและสำนักอื่น ๆ เคยพ่ายแพ้ล่ะ? มันจะเกิดอะไรขึ้น? นายจะเข้าไปเฉย ๆ ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป จะมีผู้คนที่ต้องทุกข์ทรมานอีกมากถ้านายพลาดท่าทำมันหลุดออกไปได้ นายจะรับผิดชอบยังไง?”
แดร์ริลยิ้มอ่อน ๆ “เธอไม่ต้องเป็นห่วงสำหรับเรื่องนั้นหรอก อย่าลืมสิ พวกฉันเพิ่งจะถล่มสำนักประกายแสงย่อยยับ ตอนนี้ภูเขาแห่งปัญญาก็ตกเป็นของสำนักประตูสุราลัยแล้ว รวมถึงไอ้เจ้าอสูรร้ายในอุโมงค์ลับนี่ด้วย”
ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่แดร์ริลก็รู้สึกประทับใจในตัวของสโลน
กระนั้น เขาก็ทนกับความทรนงตัวของเธอไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเคยได้ยินตำนานเล่าขานเกี่ยวกับสัตว์วิเศษมามากมาย แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นพวกมันกับตาตัวเอง
สัตว์วิเศษนั้นคือสัตว์ที่เป็นผู้บ่มเพาะพลัง เขาเคยเป็นเจ้าของพญาอินทรีหิมะ แต่มันก็เป็นแค่นกอินทรีหายากเท่านั้น มันถูกฝึกฝนให้สื่อสารกับมนุษย์ได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่สัตว์วิเศษ
แดร์ริลคงไม่อยากจะเสียโอกาสที่จะได้เห็นสัตว์วิเศษในอุโมงค์ลับด้วยตัวเขาเอง
เขารีรอให้สโลนได้กล่าวตอบ เขาออกคำสั่งให้สาวก “เฝ้าทางเข้าอุโมงค์ลับนี้ไว้ ห้ามใครเข้าไปก่อนที่ฉันจะอนุญาต”
จากนั้นแดร์ริลก็เดินเข้าไปในอุโมงค์อย่างมั่นอกมั่นใจ
“ขอรับ!”
สาวกของเขาขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขารีบไปยืนเฝ้าปากทางเข้าทันที
“นาย…”
สโลนโกรธจนตัวสั่น
อีเว็ตต์คิ้วขมวด เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เธอไม่ได้พบเจอแดร์ริลมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และนิสัยของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย เขายังคงหยิ่งผยอง
“เจ้าหญิง!”
สโลนกัดริมฝีปาก จากนั้นก็ร้องเรียกอีเว็ตต์ขณะที่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรดี “ฉันจะเข้าไปดูข้างในด้วย เจ้าหญิงควรจะรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อน”
ความรับผิดชอบหลักของสโลนตลอดการเดินทางในครั้งนี้ที่มาสำนักประกายแสง คือการอารักขาอีเว็ตต์ให้ปลอดภัย
ในเมื่อเจ้าหญิงสนิทสนมกับแดร์ริล เธอก็น่าจะปลอดภัยถ้าหากรอยู่ตรงนี้ ส่วนอสูรร้ายภายในอุโมงค์ลับนั้นมันแตกต่างออกไป มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนทั้งโลก
ถ้าหากแดร์ริลพลาดท่าปล่อยอสูรร้ายออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาที่อยู่กันตรงนี้จะต้องรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา!
เธอจำเป็นต้องเข้าไปในอุโมงค์ลับ!