บทที่ 1219 ขีดจำกัดการเสียการควบคุม / บทที่ 1220 เมื่อไรพวกพี่จะเลิกกัน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1219 ขีดจำกัดการเสียการควบคุม

“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นชะงัก หยุดฝีเท้าทันควัน “คุณเก้า? ทำไมกลับมาอีกล่ะ”

เธออยากหันตัวไป แต่ชายหนุ่มกลับกอดเธอแน่นกว่าเดิม หยุดการเคลื่อนไหวของเธอไว้

ผ่านไปราวๆ สิบวินาที ชายหนุ่มจึงค่อยปล่อยเธอ

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบหันตัวไป “ทำไมเหรอ?”

ซือเยี่ยหานไม่ได้เอ่ยวาจา แต่โน้มตัวจูบบนริมฝีปากหญิงสาวอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา เหมือนกลัวว่าถ้ารั้งอยู่นานกว่านี้อีกเล็กน้อยจะไม่สามารถคุมตัวเองได้

เยี่ยหวันหวั่นหลุดหัวเราะ ที่แท้ลืมจูบอรุณสวัสดิ์นี่เอง

เธอพบว่าซือเยี่ยหานยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งอีคิวสูงขึ้นจริงๆ ใกล้จะจบการศึกษาได้แล้ว…

ซือเยี่ยหานเอ่ย “ฉันไปแล้ว”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “อืมๆ”

หลังซือเยี่ยหานประทับจูบก็ขึ้นรถทันที ราวกับกลัวว่าหากอยู่ต่ออีกหนึ่งวินาที อารมณ์ที่ยิ่งเสียการควบคุมของตัวเองขึ้นทุกทีจะเผยพิรุธต่อหน้าเธอ

สิ่งที่หญิงสาวไม่เห็นคือ หลังจากชายหนุ่มขึ้นรถ และมีประตูรถกางกั้นไว้ สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยอารมณ์หดหู่หม่นหมอง…

หลายวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นยุ่งวุ่นบินไปทั่วเพื่อคุยงานตลอด

ฝั่งซือเยี่ยหานกำลังคุยโปรเจกต์ใหญ่ที่สำคัญ สวี่อี้บอกว่าร่างกายและสภาพอารมณ์ของเขาไม่เลว เยี่ยหวันหวั่นก็วางใจ

เยี่ยอีอีกับเยี่ยเส่าอันขัดขวางกันไม่น้อยทั้งในทางมืดและทางสว่าง หมาจนตรอกจะทำทุกวิถีทาง ครอบครัวนั้นไม่มีทางรามืออยู่แล้ว เธอจำเป็นต้องเตรียมตัวทุกอย่างล่วงหน้า

เนื่องจากเรื่องแต่งชายแต่งหญิงไม่มีความแตกต่างอะไรกับเธอแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงเริ่มแต่งเป็นผู้หญิงแบบเปิดเผย

เยี่ยหวันหวั่นฟาดเอกสารลงบนโต๊ะดัง ‘ปัง’ “กงซวี่เจ้าเด็กนั่นพักพอแล้วยัง ให้เขามาทำงานพรุ่งนี้ให้ได้!”

เหยาเจียเหวินมีสีหน้าลำบากใจ “ฉันโทรไปซักถามเขาแล้วค่ะ ตงไจ่เป็นคนรับสาย…ตงไจ่บอกว่า…”

เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าถาม “บอกว่าอะไร”

เหยาเจียเหวินตอบ “บอก…บอกว่าเขาอกหัก…อยากขอลาพักหนึ่งปี…”

เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก

นักแสดงคนหนึ่งขอลาพักหนึ่งปี! อยากตายหรือไงกัน!

เพิ่งได้รางวัลราชาจอเงินก็เริ่มทำตัวแบบนี้แล้ว…

เหยาเจียเหวินถอนหายใจ เอ่ยอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าว่า “ฉันลองทุกวิธีแล้ว กงซวี่ไม่ฟังสักนิด ผู้อำนวยการเยี่ย คิดว่าคุณต้องไปด้วยตัวเองสักรอบแล้วค่ะ…”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย คนคนหนึ่งก็เคาะประตูเข้ามา “พี่เยี่ย พี่เรียกผมเหรอ”

เมื่อเห็นลั่วเฉิน สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นจึงดีขึ้นบ้าง “อืม นายลองเอาบทนี้กลับไปอ่านดู”

ลั่วเฉินเอ่ย “ครับ”

พูดจบก็กล่าวอีกว่า “จริงสิ พี่เยี่ย ฝั่งกงซวี่พี่ไม่ต้องห่วง ผมไปหาเขามาแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาทำงาน!”

เยี่ยหวันหวั่นตกใจเล็กน้อยทันที “จริงเหรอ? นายโน้มน้าวเจ้านั่นยังไง?”

ไม่รู้ว่าเพราะเยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนไปแต่งหญิงกะทันหันหรือเปล่า ลั่วเฉินไม่ชินเท่าไร จึงหลบสายตาเธอแล้วตอบเสียงเบา “ความจริง…ผมก็ไม่ได้พูดอะไร…แค่พูดประโยคเดียว…”

ยังพูดไม่ทันจบ ฉับพลันนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่น ประตูห้องทำงานถูกคนผลักเปิดอีกครั้ง

จากนั้นก็เห็นกงซวี่พุ่งเข้ามาอย่างเลือดร้อน ก่อนเบิกตาโตจ้องหญิงสาวผมลอนยาวสวมชุดกระโปรงสีทองอ่อนที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน…

กงซวี่ตะลึงงันในชั่วพริบตา “เชี่ย…”

เจ้าลั่วเฉินไม่ได้หลอกเขา พี่เยี่ยถึงกับแต่งหญิงมาทำงานจริงๆ ด้วย!

กงซวี่มีสีหน้าราวกับพลาดเงินร้อยล้านไป “เจ้าโง่ ทำไมไม่รีบบอกฉันฮะ!”

ลั่วเฉินเลือกเมินเฉย ไม่สนใจเขา

เยี่ยหวันหวั่นมองท่าทางโหวกเหวกโวยวายของเขาอย่างหมดคำกล่าว “รีบบอกนายว่าอะไร”

กงซวี่เม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก

——————————————————————————————-

บทที่ 1220 เมื่อไรพวกพี่จะเลิกกัน

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้วก็ไปเอากำหนดการของนายมาจากเจียเหวิน”

กงซวี่ตอบรับ “อื้อ…”

น่าโมโหชะมัด แต่อยู่ต่อหน้าเสี่ยวมี่เจี้ยน ก็โมโหไม่ลงเลย…

กงซวี่เดินหนึ่งก้าวหันสามที ผ่านไปเนิ่นนานถึงเอ่ยอย่างอัดอั้น “พี่เยี่ย…”

เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร “ยังมีอะไร”

กงซวี่ถาม “เมื่อไรพวกพี่จะเลิกกันเหรอ?”

เสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้นมา ปากกาหมึกซึมในมือเยี่ยหวันหวั่นถูกเธอหักครึ่งทันที

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น กงซวี่ตกใจกลัวจนถลาหนีออกประตูไปแล้ว

เจ้าบ้านี่!

ถึงกับแช่งให้เธอเลิกกับแฟน!

เยี่ยหวันหวั่นถือโอกาสหยิบมือถือที่อยู่ด้านข้างมา เธอเพิ่งส่งข้อความให้ซือเยี่ยหาน นัดเขาออกไปกินข้าวด้วยกันคืนนี้ แต่ผลคือผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ซือเยี่ยหานก็ยังไม่ตอบกลับ

เมื่อก่อนข้อความของเธอ ซือเยี่ยหานแทบจะตอบกลับในทันที…

น่าจะเพราะช่วงนี้งานยุ่งเกินไป…

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ใส่ใจมาก จัดการงานต่อ

หลังเลิกงาน ข้อความนั้นยังคงเงียบงัน ไม่มีการตอบกลับใดๆ

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วพลางโทรหาซือเยี่ยหานไปด้วย

‘ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง Sorry…’

ไม่รู้ทำไม เยี่ยหวันหวั่นใจไม่สงบอย่างน่าประหลาด

เยี่ยหวันหวั่นโทรหาสวี่อี้อีกทันที

ครั้งนี้โทรติดอย่างรวดเร็ว

สวี่อี้พูด “ฮัลโหล คุณหนูหวันหวั่น?”

“พ่อบ้านสวี่ คุณเก้าอยู่กับนายไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามทันใด

“คุณชายเก้า? เขากำลังหารือกับพาร์ตเนอร์อยู่ คุณหนูมีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก “ไม่มีอะไรๆ ก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ต้องบอกเขาหรอก พวกนายยุ่งอยู่สินะ”

ทั้งหมดต้องโทษเจ้าบ้ากงซวี่ พูดจาไร้สาระ ทำเอาเธอเริ่มคิดเพ้อเจ้อแล้ว

……

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวัน

‘ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้…’

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น มือถือของซือเยี่ยหานยังคงอยู่ในสภาพปิดเครื่อง โทรไม่ติดเลย

ถ้ายุ่งเกินไปเลยปิดเครื่องไม่รับสาย จุดนี้สามารถเข้าใจได้

แต่ว่าคนคนนี้คือซือเยี่ยหาน ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด

ชาติก่อนบวกกับชาตินี้ คบหาซือเยี่ยหานมานานขนาดนี้แล้ว สถานการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ต่อให้เป็นตอนที่พวกเขาความสัมพันธ์เลวร้ายที่สุด ซือเยี่ยหานก็ไม่เคยไม่รับสายเธอนานขนาดนี้

นอกเสียจากว่า…

การเสียการควบคุมอารมณ์ของซือเยี่ยหานในระยะนี้ รวมถึงความผิดปกติพวกนั้นตอนออกจากคฤหาสน์กุหลาบเมื่อวันนั้น ต่างก็ทำให้จิตใจเธอปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ…

ความสามารถในการเก็บซ่อนอารมณ์ของซือเยี่ยหานแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถ้าเขาไม่อยากให้ใครค้นพบความผิดปกติของตัวเอง คนนั้นก็ไม่มีทางมองเขาออกเป็นอันขาด

แต่ถึงเป็นเช่นนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ยังรับรู้ความผิดปกติได้ครั้งหนึ่ง…

นี่อธิบายได้ว่า เรื่องนี้อาจไปถึงขั้นที่ซือเยี่ยหานไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้…

เยี่ยหวันหวั่นโทรหาสวี่อี้อย่างรวดเร็ว และพูดตรงเข้าประเด็น “พ่อบ้านสวี่ นายบอกฉันมาตามตรง คุณชายเก้าอยู่ที่ไหนกันแน่”

ปลายสายเงียบเป็นเวลานาน

หลังผ่านไปนานมาก ในที่สุดก็มีเสียงของสวี่อี้ดังขึ้นมา “คุณหนูหวันหวั่น พวกเราแทบใช้สายกับกำลังคนทั้งหมดที่มีแล้ว แต่ก็หาคุณชายเก้าไม่เจอครับ…”

เยี่ยหวันหวั่นถาม “นายหมายความว่าไง อะไรคือหาเขาไม่เจอ?”

“คุณหนูหวันหวั่น…คุณชายเก้า…อาจจะหายตัวไปแล้วครับ…”

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของสวี่อี้ดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงร้อนใจและเหนื่อยล้า ไม่ดูเหมือนพูดมั่วซั่วและล้อเล่น

“หายตัวไป…”

เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่อี้ ดวงตาเยี่ยหวันหวั่นวาบแววตกตะลึง กระทั่งไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

อยู่ดีๆ จะหายตัวไปได้ยังไง?

…………………………….