“เอาล่ะ..การที่นายไม่รีบฉวยโอกาสนี้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนในทันทีนั้น นับว่าเข้าใจการฝึกวิชาได้อย่างถ่องแท้แล้ว!”
หลิงหยุนพยักหน้าและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในตัวตี้เสี่ยวอู๋ และหากตี้เสี่ยวอู๋เพียงแค่คิดที่จะทำเช่นนั้น เขาเองก็คงรู้สึกผิดหวังไม่น้อย..
เพราะนั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความโลภภายในใจของตี้เสี่ยวอู๋ที่สนใจเพียงแค่การพัฒนาขั้น มากกว่าที่จะสนใจความมั่นคงของแต่ละขั้น การสนใจเพียงแค่เปลือกย่อมไม่ใช่การฝึกบ่มเพาะตามหลักเต๋า..
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งหลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า“ส่วนเรื่องอาวุธประจำตัวของนายนั้น ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันคืออาวุธอะไร แล้วฉันจะหาวิธีสร้างอาวุธของนายให้เสร็จโดยเร็วที่สุด!”
เวลานี้ตี้เสี่ยวอู๋เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-9แล้ว จึงถึงเวลาที่เขาควรจะมีอาวุธประจำตัวเสียที!
อีกทั้งตระกูลหลิงก็มีคลังผลิตอาวุธเป็นของตนเองการจะสร้างอาวุธสักชิ้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่หลิงหยุนยังไม่สามารถใช้งานแหวนพื้นที่ได้ จึงไม่สามารถนำพลองทองแดงของเฉินเจี้ยนห่าวซึ่งอยู่ด้านในออกมาได้ และคงต้องรออีกสักสองสามวัน..
ตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังถึงกับตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจแววตาของเขาเป็นประกายสดใสในขณะที่ร้องตะโกนออกมา
“ขอบคุณพี่หยุน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับถังเมิ่ง“ถังเมิ่ง.. คืนนี้นายจะค้างที่นี่ หรือว่าจะกลับไปนอนบ้าน”
ถังเมิ่งยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ“พี่หยุน.. คืนนี้ฉันจะค้างที่นี่!”
หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็มองถังเมิ่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ..
“ตั้งแต่ที่ฉันนอนหลับใหลไม่รู้สึกตัวนายคงยังไม่ได้กลับไปบ้านเลยสินะ”
ถังเมิ่งเห็นแววตาขอบคุณของหลิงหยุนก็ถึงกับเก้อเขินจนทำอะไรไม่ถูก และได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า
“พี่หยุน..ใครว่าฉันไม่กลับบ้านเลยล่ะ! ฉันก็มีกลับไปคุยธุระกับพ่อบ้าง เพียงแต่ไม่ได้ค้างที่บ้านเท่านั้นเอง..”
“ถ้างั้นก็แล้วแต่นาย..”
หลิงหยุนได้แต่แอบถอนหายใจพร้อมกับคิดว่า‘เจ้าเด็กคนนี้คงจะกลัวว่าข้าไม่ตื่นขึ้นมาสินะ.. ถึงได้ต้องมาเฝ้าข้าทุกคืนเช่นนี้ นี่ก็คงอดหลับอดนอนจนซูบผอมไปหมด..’
ไม่เพียงแค่ถังเมิ่งเท่านั้น..ตลอดเก้าถึงสิบวันนมานี้ เด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็ซูบผอมลงไปมากเลยทีเดียว!
“ฉันให้นายค้างที่นี่อีกแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นพรุ่งนี้นายก็กลับไปนอนที่บ้านของนายตามเดิม ไม่งั้นป้าชว่างต้องมาฉีกอกฉันถึงที่บ้านแน่!”
“ไม่มีทางหรอกพี่หยนุ!แม่ห่วงพี่มากกว่าฉันซะอีก.. แต่ใหนแต่ไรมาแม่ก็ไม่ค่อยห่วงฉันอยู่แล้ว!”
จากนั้นถังเมิ่งก็กระซิบเสียงเบาพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องคุยกับหลิงหยุนทันที “พี่หยุน.. ตอนนี้จิงฉูก็กลับสู่ความสงบแล้ว คือพี่.. พี่คิดว่าถึงเวลาที่เราจะเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นได้หรือยัง”
หลิงหยุนเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถามขึ้นว่า“การจะเปิดบริษัท.. สำคัญที่สุดก็คือเรื่องบุคลากร นายจัดการรับสมัครคนเรียบร้อยแล้วเหรอ”
ถังเมิ่งเกาศรีษะและตอบกลับไปว่า“กำลังรับสมัครอยู่! แต่.. ตำแหน่งสำคัญๆ อย่างเช่นตำแหน่งผู้จัดการอาวุโส ก็คงต้องคัดดีๆ รีบร้อนไม่ได้!”
“แล้วตอนนี้ทั้งลุงหลี่ลุงซ่ง ลุงมู่หลง เซียนหยก แล้วก็พ่อของฉัน ทุกคนต่างก็กำลังช่วยมองหาคนที่ดีมีฝีมือมาให้ ตอนนี้ฉันว่าพวกเขาก็น่าจะสามารถหาคนที่เหมาะสมได้บ้างแล้วล่ะ..”
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า..ตราบใดที่มีเงิน มีอำนาจ และมีเส้นสาย เรื่องคัดหาคนดีมีฝีมือมาช่วยงานย่อมไม่ใช่เรื่องยาก..
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างไม่รู้สึกแปลกใจเพราะนี่คือสิ่งเขาได้คาดการไว้ล่วงหน้าแล้ว ตราบใดที่เขาแข็งแกร่งมากพอ ก็จะมีผู้คนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมากมาย หลายสิ่งหลายอย่างแทบไม่ต้องลงมือทำเองด้วยซ้ำไป..
“ถ้าอย่างนั้นวันที่8 เดือนหน้า นายก็เตรียมพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้ คอร์ปอเรชั่นได้เลย!”
หลิงหยุนกำหนดวันให้ถังเมิ่งได้ในทันทีและถังเมิ่งเองก็ดีใจจนถึงกับกระโดดตัวลอย พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“พี่หยุน..วันที่ 8 เดือนหน้างั้นเหรอ ก็เท่ากับเป็นวันที่ 8 เดือน 8 น่ะสิ! ฮ่า.. ฮ่า.. เลขเป็นมงคลมากเลย พี่เลือกวันได้เยี่ยมจริงๆ!”
หลิงหยุนพยักหน้า“ใช่แล้ว.. วันที่ 8 เดือน 8! ก่อนจะถึงวันนั้นราวครึ่งเดือน นายคงต้องยุ่งมากแน่ๆ!”
ครั้งนี้ถังเมิ่งกระโดดตัวลอยสูงเกือบสามฟุตและร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจอีกครั้ง
“พี่หยุน..พี่ไม่ต้องห่วง ครึ่งเดือนก่อนจะถึงวันเปิด รับรองว่าฉันไม่หลับไม่นอนยังได้เลย ฉันจะทำให้บริษัทเทียนตี้คอปอเรชั่นเปิดตามกำหนดให้ได้อย่างแน่นอน!”
ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้น..ก็ไม่เคยคิดอะไรนอกเหนือจากการฝึกฝน เป้าหมายของเขามีเพียงแค่การฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และพัฒนาขึ้นสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปเท่านั้น!
เวลานี้..ตี้เสี่ยวอู๋ก็เข้าใกล้ขั้นเซียงเทียนมากแล้ว ส่วนถังเมิ่งก็กำลังจะเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นในเดือนหน้า..
หลังพายุฝน..ท้องฟ้าย่อมสดใสเสมอ! และเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กำลังจะเข้าที่เข้าทาง..
หลังจากนั้น..หลิงหยุนจะได้มีเวลาจดจ่อ และสนใจอยู่กับเรื่องการบ่มเพาะตนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
“แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้กลุ่มบริษัทเทียนตี้คอปอเรชั่นของเรายังมีธุรกิจในเครืออยู่เล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ยิ่งใหญ่สมชื่อ ‘เทียนตี้’ เลย..”
หลิงหยุนตอบกลับไปโดยแทบไม่ต้องคิด“ถ้าอย่างนั้น.. พรุ่งนี้พวกเราก็ไปหาซื้ออะไรเข้าบริษัทเทียนตี้กันดีกว่า!”
จู่ๆหลิงหยุนก็พูดโพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ถังเมิ่งถึงกับงุนงงจนต้องร้องถามออกไป
“ไปหาซื้ออะไรเข้าบริษัทเทียนตี้!พี่หยุน.. พี่จะไปซื้ออะไร? ฉันไม่เข้าใจ?”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะร่วนแล้วจึงตอบไปว่า “ก็จะอะไรอีกเล่า ฉันกำลังชวนนายไปกว้านซื้อธุรกิจต่างๆ อย่างเช่นธุรกิจค้าเหล็ก โรงงานถลุงเหล็ก แล้วก็บริษัทขนส่ง กลุ่มบริษัทเทียนตี้ของเราก็จะได้มีบริษัทในเครือมากมายไงเล่า..”
ถังเมิ่งถึงกับยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง!
จากนั้นหลิงหยุนจึงร้องบอกชายหนุ่มทั้งสองคนว่า“เอาล่ะ.. พวกนายสองคนใครอยากไปพักผ่อนก็ไป ส่วนใครอยากจะฝึกวิชาต่อก็เชิญตามสบาย!”
“ส่วนฉันจะไปฝึกวิชาที่สวนหลังบ้าน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เอื้อมมือไปคว้าศิลากลั่นวิญญาณที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไปที่สวนด้านหลงทันที
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิลงข้างๆสมุนไพรล้ำค่าทั้งสามต้น แล้วจึงจัดการเทโอสถหยางในขวดออกมาสี่เม็ดกลืนเข้าปากทันที สำหรับหลิงหยุนซึ่งอยู่ในขั้นพลังชี่นั้น โอสถหยางสี่เม็ดนับว่าให้พลังหยางกับเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่มีพลังอะไรเลย..
ระหว่างที่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่นั้นหลิงหยุนก็จัดการกลืนโอสถหยางเข้าไปครั้งละสองเม็ดทุกๆสองชั่วโมง และในตอนนี้เขาก็กลืนโอสถหยางเข้าไปร่วมยี่สิบเม็ดแล้ว..
เวลานี้ทั้งเข็มเงินและเข็มทองของหลิงหยุนก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในแหวนพื้นที่ทั้งสิ้น เขาจึงไม่มีเครื่องมือสำหรับใช้กระตุ้นจุดฝังเข็มของตนเอง และได้แต่คิดว่าคงต้องเข้าไปขอยืมจากท่านหมอเสี่ยวในวันหลัง..
ส่วนยาเม็ดหลงหู่นั้นแม้หลิงหยุนจะรู้ว่าอานุภาพของมันวิเศษมากเพียงใด แต่หากเขากินเข้าไปตอนนี้ ก็คงจะเสียของ และไม่เกิดประโยชน์อะไร เขาจึงเลือกที่จะกินโอสถหยางไปก่อน
หลังจากที่กลืนโอสถหยางเข้าไปแล้วหลิงหยุนก็นั่งขัดสมาธิทำจิตใจให้สงบนิ่ง ปล่อยความคิดให้ว่างเปล่า พร้อมกับกำศิลากลั่นวิญญาณไว้ในมือแน่น และเริ่มฝึกวิชาดาราคุ้มกายเสียก่อน..
หลังจากนั่งรับพลังดวงดาวอยู่เกือบตลอดทั้งคืนหลิงหยุนก็ได้พยายามรวบรวมสมาธิเพื่อเชื่อมต่อกับแหวนพื้นที่ในมือข้างซ้ายของตนเอง
และด้วยอานุภาพของพลังชีวิตจากสมุนไพรทั้งสามต้นรวมทั้งพลังจากศิลากลั่นวิญญาณในมือของหลิงหยุน ความคิดและจิตใจของเขาจึงค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น..
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าหลายครั้งที่เขาสามารถเชื่อมต่อกับแหวนพื้นที่ได้เพียงแต่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของที่อยู่ด้านในออกมาได้เท่านั้น..
นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น..แต่หลิงหยุนกลับสามารถเชื่อมต่อกับแหวนพื้นที่ได้แล้ว และเพียงแค่นี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว
จนกระทั่งเวลาผ่านไปดวงดาวที่เคยทอแสงระยิบระยับอยู่บนท้องนภาก็ได้เลือนหายไป และเริ่มมีแสงรำไรขึ้นมาแทนที่ความมืด หลิงหยุนจึงค่อยๆลืมตาขึ้น..
“ข้าใกล้จะใช้งานแหวนพื้นที่ได้แล้วสินะ!”หลิงหยุนยิ้มกว้างในขณะที่พึมพำออกมา พร้อมกับจ้องมองแหวนพื้นที่ในนิ้ว
“พี่หยุน!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดพึมพำของหลิงหยุนตี้เสี่ยวอู๋ก็หยุดฝึก และได้ใช้มังกรพรางร่างพุ่งออกจากสวนหน้าบ้านตรงไปหาหลิงหยุนทันที และด้วยความที่ยังไม่คุ้นเคยกับพละกำลังในขั้นใหม่ของตนเอง ตี้เสี่ยวอู๋จึงเกือบจะพุ่งออกนอกกำแพงบ้านไป
“โอ้..แรงเกินไป!”
ตี้เสี่ยวอู๋พึมพำออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศรีษะแล้วร่างสูงใหญ่ก็ค่อยๆถอยกลับไปหาหลิงหยุน หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยิ้มออกมา
“เสี่ยวอู๋..นายข้ามขั้นครั้งเดียวถึงสามขั้นแบบนี้ ความแข็งแกร่งและพลังก็ต้องเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไป อีกไม่นานนายก็จะคุ้นเคยไปเอง..”
แต่เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดกับหลิงหยุนอย่างแน่นอนต่อให้เขาเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้น เขาก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งในขั้นนั้นๆได้ทันที
หลิงหยุนตบไหล่ตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ในระหว่างนี้ฉันมีอะไรที่จะสอนให้นายอีกมากมาย!”
ในคืนที่หลิงหยุนต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพังโดยที่ตี้เสี่ยวอู๋ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนั้นเขาได้แต่รู้สึกผิดมาตลอด และพยายามที่จะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ตนเองสามารถทัดเทียมหลิงหยุนได้ หลิงหยุนเองก็รู้ดีจึงได้แต่เตือนว่า
“นายไม่จำเป็นต้องเร่งฝึกฝนทุกวันแบบนี้ก็ได้ที่ดีที่สุดก็คือยึดตามหลักเต๋า.. ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ!”.novel-lucky.
“อ่อ..แล้วก็อย่าได้คิดที่จะหาทางลัดโดยเด็ดขาด ค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ฝึกให้เหมือนกับการเดินไปข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเดินไปได้ไกลถึงใหนแล้ว ขอแค่ตั้งหน้าตั้งเดินไปอย่างสม่ำเสมอก็พอ!”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้า“ฉันเข้าใจพี่หยุน!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงมองไปตามลูกเหล็กที่วางอยู่ใกล้กับกำแพงพร้อมกับถามยิ้มๆ “นี่นายขนลูกเหล็กพวกนี้กลับมาตั้งที่เดิมงั้นหรือ”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้า“อืมม.. แต่ไม่ใช่ฉันคนเดียว พอลกับเจสเตอร์ก็ช่วยด้วย พวกเราช่วยกันย้ายกลับมาวางไว้ตำแหน่งเดิม..”
ในการสร้างค่ายกลนั้นตำแหน่งการวางคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก หากเคลื่อนจากตำแหน่งที่ถูกต้องแม้แต่น้อย ค่ายกลก็ไม่สามารถทำงานได้
เวลานี้ต้นไม้ใหญ่ในบ้านหลายต้นก็โค่นล้มเสียหายลูกเหล็กหลายลูกก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิม ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลหลุมพลัง หรือค่ายกลนวสังหาร ก็ล้วนแล้วแต่ใช้การไม่ได้แล้วทั้งสิ้น..
“เสี่ยวอู๋ไปฝึกดาราคุ้มกายกันต่อดีกว่า จากนั้นค่อยออกไปทำธุระข้างนอกกันต่อ..”
ท้องฟ้าที่เพิ่งเริ่มสว่างไสวเช่นนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาดยิ่งนัก หลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋จึงไปนั่งอาบพลังสุริยะกันต่อร่วมสองชั่วโมง จนกระทั่งถึงเจ็ดโมงเช้าจึงได้หยุดไป..
………..
และในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง..หลิงหยุน ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ โม่วู๋เตา และหวังเฟยฮู๋ ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขก
“นี่ร่างทรง..เดี๋ยวฉัน เสี่ยวอู๋ แล้วก็พี่หยุนจะออกไปข้างนอก นายคงจะอยู่บ้านเหมือนเดิมสินะ”
เมื่อคืนหวังเฟยฮู๋จัดการช่วยโม่วู๋เตาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเอาคราบสกปรกตามร่างกายออกไปหมดและเวลานี้โม่วู๋เตาก็ดูสะอาดสะอ้านต่างจากโม่วู๋เตาคนเดิมมาก..
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะออกไปข้างนอกเพื่อหาดูธุรกิจไม่ใช่รึข้าชำนาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย จะได้ช่วยดูว่าที่ใดควรซื้อ หรือไม่ควรซื้อ..”
โม่วู๋เตานำเสนอตัวเองกับหลิงหยุนด้วยแววตาเป็นประกาย..แต่ในขณะที่ถังเมิ่งกำลังจะร้องขัดขึ้น หลิงหยุนก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน
“โม่วู๋เตา..เจ้าจะไปกับพวกเราด้วยก็ได้ แต่.. เจ้าแต่งตัวเช่นนี้ มันไม่ดูอึดอัด แล้วก็แปลกประหลาดไปหน่อยรึ”
หลิงหยุนเกรงว่าการที่โม่วู๋เตาสวมชุดนักพรตนี้ออกไปพบปะผู้คนในเวลากลางวันแสกๆเช่นนี้จะเป็นการดึงดูดสายตาผู้คนมากจนเกินไป..
แต่โม่วู่เตากลับกระซิบเสียงเบา“นายจะไปรู้อะไร.. ชุดนักพรตนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของข้า ไม่ว่าจะสวมใส่ไปที่ใหนๆ และไม่ว่าจะพูดอะไร ผู้คนต่างก็เชื่อถือ แล้วก็มองว่าข้าไม่เป็นอันตรายกับผู้ใดด้วย..”
“ท่านหวัง..ดูเหมือนวันนี้คงต้องรบกวนท่านดูแลบ้าน และหาอาหารเช้าทานเองแล้วล่ะ..”
“คุณชายหลิงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นข้าอยู่มาจนอายุป่านนี้แล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าจัดการเองได้..”
จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นรถMercedez-Benz แล้วตี้เสี่ยวอู๋ก็ขับออกไปทันที..
“อาปิงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
ระหว่างที่นั่งรถไปหลิงหยุนจึงถามถึงอาปิงขึ้นมาและเมื่อหลิงหยุนถามถึงอาปิง ย่อมเป็นที่เข้าใจกันดีว่าเขากำลังถามถึงสถานการณ์ของแก๊งมังกรเขียวนั่นเอง..
“อาปิงน่ะเหรอ..วันๆก็ยุ่งอยู่กับเรื่องหมูเรื่องไก่น่ะสิ!”
ถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนมีสีหน้างุนงงจึงอธิบายต่อว่า“พี่หยุน.. ฉันกำลังพูดถึงธุรกิจหลักของแก๊งมังกรเขียว หมูก็หมายถึงธุรกิจค้าอาหารสดไงเล่า”
มนุษย์ทุกคนเกิดมาย่อมต้องกินอาหารกันทุกคนธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสดนั้นแม้จะดูพื้นๆ แต่ก็เป็นธุรกิจที่ใหญ่โต และทำรายได้ให้กับแก๊งมังกรเขียวอย่างมากมาย..
จากนั้นถังเมิ่งก็อธิบายต่อว่า“พี่หยุน.. แก๊งมังกรเขียวดูแลธุรกิจด้านนี้แทบจะครอบคลุมทุกขั้นตอน แม้แต่การจัดส่งอาหารสดตั้งแต่โรงฆ่าสัตว์ไปจนถึงตลาดค้าของสด รวมไปถึงการจัดส่งสู่บ้านเรือนหลายพันหลายหมื่นหลังคาเรือนเลยทีเดียว”
“และหากไม่ได้เป็นสมาชิกของแก๊งมังกรเขียวก็ยากที่จะเข้ามาจับธุรกิจด้านนี้ได้..”
หากใครได้มาฟังถังเมิ่งอธิบายคงต้องถึงกับตกใจอย่างมากเพราะในเมืองใหญ่ที่มีประชาการหลายล้านคนเช่นนี้ ย่อมหมายถึงผลกำไรมหาศาล!
การควบคุมระบบขนส่งอาหารสดไว้แต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้อาจฟังดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากนัก แต่ผลจากการทำงานหนักมาหลายปีของหลงคุนมา ทำให้แก๊งมังกรเขียวมีอิทธิพลอำนาจอย่างมาก และยิ่งรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อมาอยู่ในการดูแลของหลิงหยุน!
“ช่วงนี้อาปิงยุ่งมากหรือยังไง”
ถังเมิ่งหัวเราะ“ก็คงงั้นล่ะ.. รอบๆชานเมืองจิงฉู ดูเหมือนเริ่มจะมีคนต้องการเข้าครอบครองตลาดขนส่งอาหารสด อาปิงก็เลยต้องส่งคนไปเจรจา..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาและรู้ว่าการเจรจาก็คือการไปพูดเรื่องกฎการค้านั่นเอง..
“แล้วไก่ล่ะ..คืออะไร”
“พี่หยุน..นี่พี่ไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ ก็ธุรกิจกลางคืนอย่างพวกไนต์คลับ อาบอบนวดยังไงเล่า?”
หลิงหยุนจึงเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดอาปิงจึงยุ่งมากเพราะเพียงแค่ธุรกิจสองอย่างนี้ อาปิงก็คงมีงานล้นมือมากมายแล้ว..