TQF:บทที่ 620 กอดคอร้องไห้ (3)

 

 

“ไป๊….”

 

กับคนพวกนี้แล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่มีสีหน้าดีๆให้เด็ดขาด พูดแค่คำเดียวก็หันกลับมาคุยกับอาเสียงที่เอ๋อไปแล้ว “ปู่เสียง รีบพาพวกเราไปหาท่านทวดเร็ว”

 

“เอ๋ อ่า….”

 

อาเสียงที่ได้สติกลับมากระพริบตามองไปยังทุกอย่างตรงหน้า ช่างจริงแท้ ทันใดนั้นก็มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เขาเช็ดไปพยักหน้าไป “คุณหนู คุณหนูเล็ก ข้าจะพาพวกท่านไปเอง ข้าจะพาพวกท่านไปตอนนี้แหละ”

 

“เจ้าสัตว์ทั้งหลาย เปิดทางหน่อย ถ้ามีพวกไม่มีตาก็กัดมันให้ตายเลย” หยูเฮงน้อยโบกไม้ตบยุงอันเล็กของนางพลางออกคำสั่งอย่างเกรียงไกร

 

คำพูดนี้ทำให้คนบ้านตระกูลฟางรีบหลบทางให้ ต่อให้เป็นพวกตาแก่ตระกูลฟางก็ไม่กล้าขวาง

 

สัตว์อมตะนับพันตัวคุ้มครองอาเสียงที่เดินอยู่ด้านหน้า เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจูงย่าตัวเองเดินตามหลัง ในอากาศก็มีเจ้านกนับพันตัวคุ้มครองอยู่ มาดขนาดนี้ทำให้คนตระกูลฟางมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

 

ส่วนคนบ้านรองและบ้านสามสีหน้าหม่นหมอง เหลือเพียงความคิดเดียวในหัวพวกเขา “จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว”

 

เพิ่งจะเดินได้ไม่กี่สิบก้าวจู่ๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็หยุดลง หันหลังไปยิ้มให้กับตระกูลฟางที่อยู่ด้านหลังอย่างสดใส “จำไว้ให้ดีนะ ไปเรียกคนที่แซ่ฟางกลับมาให้หมด คนที่อยู่ในตระกูลอย่าคิดจะหนีออกไป ไม่อย่างนั้นข้าจะล้างบางพวกเจ้าตระกูลฟางซะ จำไว้ให้ดี ข้าไม่มีอะไรหรอกนอกจากสัตว์อมตะที่อยากจะมีเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าข้ามีความสามารถขนาดนั้นละก็ลองดู”

 

พูดจบเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เลิกสนใจคนตระกูลฟางที่เป็นเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

 

เพียงแต่พวกเขาเดินต่อไปได้ไม่นาน ก็เห็นฝูงชนด้านหน้ารีบมาอย่างรีบร้อน เมื่อพวกเขาเห็นคนที่ถูกสัตว์อมตะจำนวนมากห้อมล้อมไว้ก็หยุดฝีเท้าลง

 

โดยเฉพาะคน 2 คนที่อายุราว 60-70 พวกเขานิ่งไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จ้องเขม็งไปยัง 2 คนตรงหน้าที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ

 

ฟางซูหยุนเห็นคนตรงหน้าก็ช็อคไปเหมือนโดนฟ้าผ่า น้ำตาเอ่อล้นเต็มเบ้า ตะโกนเสียงหลงขึ้นมา “ท่านพ่อ ท่านแม่….”

 

หลังจากที่เรียกเสร็จฟางซูหยุนก็กระโจนพุ่งเข้าไปคุกเข่าลง ร้องไห้ออกมายกใหญ่ “ท่านพ่อ ท่านแม่ หยุนเอ๋อกลับมาแล้ว หยุนเอ๋อทำผิดต่อพวกท่าน ท่านพ่อ ท่านแม่…”

 

2 สามีภรรยาฟางเต๋อหยวนยังอึ้งอยู่ มองไปยังลูกสาวตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ฟางเต๋อหยวนอ้าปากนิดหน่อยแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

 

“หยุน หยุนเอ๋อ…” มู่หรงมู่เยวี่ยมองลูกสาวอย่างเหม่อลอย ยื่นมือทั้ง 2 ข้างที่สั่นเทาออกไปยกใบหน้าที่น้ำตาไหลอาบของลูกสาวขึ้น ยิ้มออกมาอย่างน่าเวทนา “หยุนเอ๋อ หยุนเอ๋อของ…”

 

ไม่ทันทีจะพูดจบร่างของมู่หรงมู่เยวี่ยก็ล้มลงและสลบไป

 

“ท่านแม่ ท่านแม่….”

 

ฟางซูหยุนโอบคนที่ล้มลงไว้อยู่ในอ้อมกอด ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ

 

ฟางเต๋อหยวนเองก็ได้สติกลับมา เขารู้ว่าลูกสาวกลับมาแล้วจริงๆ เมื่อกี้ตอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงคำรามอันคุ้นเคยดังขึ้นเขาก็รู้แล้วว่าลูกสาวตัวเองกลับมาแล้วจริงๆ

 

ดังนั้นเขาจึงพาเมียและลูกมาด้วยกัน และก็ได้เจอลูกสาวพวกเขาที่กลับมาแล้วจริงๆ

 

“ซูหยุน รีบอุ้มแม่เจ้ากลับไป นางแค่สลบไปเท่านั้น ไม่เป็นไร”

 

ฟางเต๋อหวินยังมีสติอยู่บ้าง เขาเห็นว่าลูกสาวร้อนใจจึงเอ่ยปลอบ

 

“ได้ๆ กลับไป” ฟางซูหยุนอุ้มแม่ของตัวเองและลืมหลานสาวไปเลย รีบเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนว่าด้านหน้านั้นใช่ที่พำนักของพ่อแม่รึเปล่า

 

เห็นท่านย่าที่สูญเสียการควบคุมไป เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้แต่ถอนหายใจพลางโบกมือเก็บสัตว์อมตะนับพันตัวกลับไป ส่วนสัตว์อมตะที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าไม่ได้เก็บ

 

นี่ถือเป็นคำขู่สำหรับคนตระกูลฟาง

 

ฉากเมื่อกี้ถูกคนตระกูลฟางและคนจากอิทธิพลต่างๆในชิงยางที่เดินทางมาเห็นหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

 

อย่างไรซะเรื่องที่บ้านใหญ่ตระกูลฟางเสียท่าและบ้านรองได้อำนาจแทนก็เป็นเรื่องที่อิทธิพลต่างๆในชิงยางรู้กันดี

 

แต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาตกใจคือเฉิงเสี่ยวเสี่ยว เพียงแค่โบกมือก็เก็บสัตว์อมตะนับพันไป และพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่านางเก็บสัตว์อมตะเหล่านั้นไปไว้ไหน เพราะพวกเขาไม่เห็นถุงสัตว์อมตะที่ว่าเลย

 

และในใจของพวกเขาก็เข้าใจดีว่าเด็กสาวตรงหน้านี้ไม่ใช่ปรมาจารย์ฝึกสัตว์อะไรหรอก น่าจะเป็นเทพเจ้าแห่งการฝึกสัตว์มากกว่า

 

มีเพียงเทพเจ้าแห่งการฝึกสัตว์เท่านั้นที่จะสั่งการสัตว์อมตะเป็นฝูงๆได้ แม้ว่าปรมาจารย์ฝึกสัตว์ก็กำราบสัตว์อมตะได้ แต่อย่างมากก็ได้แค่ 10 กว่าตัว ได้เป็นหลายสิบตัวนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย

 

แต่เด็กสาวตรงหน้าโบกมือทีเดียวก้ได้สัตว์อมตะเป็นร้อยเป็นพัน นอกจากเทพเจ้าแห่งการฝึกสัตว์แล้ว ปรมาจารย์ฝึกสัตว์ไม่มีทางมีความสามารถมากขนาดนี้

 

ขณะนั้น ตาแก่ร้อยกว่าคนที่มองตระกูลฟางอยู่ไม่ปิดบังความอิจฉาและความเจ็บใจเลย

 

แน่นอนว่ามีบางคนที่เป็นญาติกับบ้านใหญ่ตระกูลฟาง ก่อนหน้านี้พวกเขาถือคนบ้านใหญ่ตระกูลฟางเป็นที่น่าอับอายและดูหมิ่น แต่บัดนี้พวกเขากลับรู้สึกภาคภูมิและยืดอก

 

ไม่ว่าพวกเขาจะมีความคิดอย่างไร เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจูงมือหยูเฮงน้อยก้าวเดินตามคนข้างหน้าช้าๆ

 

เห้อไป๋ยี่ตามอยู่ด้านหลังสุด เขาเดินไปพลางหันกลับไปมองคนที่ตามมาข้างหลังไปพลาง ราวกับเห็นคนพวกนี้เป็นศัตรูทั้งหมด

 

ไม่นานนักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยก็มาปรากฏที่บ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง แม้ว่าพื้นที่จะใหญ่ แต่เก่าจนน่าเกลียด ถือจะเทียบกับบ้านฟางที่ตัวเองอยู่ตอนเพิ่งทะลุมิติมาไม่ได้ แต่เทียบกับตึกและบ้านหรูหราโอ่อ่าที่ผ่านมานั้น บ้านนี้และสวนนี้ก็เป็นแค่ระดับบ้านฟางนั่นแหละ

————————–