TQF:บทที่ 619 กอดคอร้องไห้ (2)
ฟางซูหยุนไม่อยากจะฟังคำพวกนี้แล้ว สีหน้านางแข็งกร้าว “ในเมื่อรู้กันแล้วว่าข้าคือฟางซูหยุน ใครก็ได้บอกมาว่าพ่อแม่และน้องชายข้าอยู่ที่ไหน”
คำนี้ออกไปปุ๊บสีหน้าของคนไม่น้อยเปลี่ยนไป ใครๆก็รู้ว่าบ้านใหญ่ลงเอยอย่างไร ถ้าหากฟางซูหยุนรู้เข้าละก็จะเกิดอะไรขึ้น
คิดมาถึงตรงนี้มีตาแก่บางคนรู้สึกผิดขึ้นมาในแววตา ไม่ว่าอย่างไรคนบ้านใหญ่ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรแต่กลับต้องมาลงเอยแบบนี้ ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี ตอนนี้ลูกสาวพวกนางมาปรากฏตัวแล้ว แต่….
ถ้าหากเป็นปกติเมื่อก่อน คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีทางรู้สึกผิดกับสภาพเป็นอยู่ของบ้านใหญ่ หรือเรียกได้ว่าพวกเขาใกล้จะลืมบ้านใหญ่ที่จะตายแหล่มิตายแหล่ไปแล้ว
ตอนนี้…..
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่ใช่แค่บ้านรองที่รู้สึกได้ว่าไม่ดีแน่ บ้านสามก็มีท่าทีหวาดกลัว สภาพตอนนี้ของฟางหมิงเห้อเป็นฝีมือบ้านสามของเขา ส่วนคนบ้านสี่สงบกว่าเยอะ อย่างไรซะพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เกินไป เทียบกับบ้านสองบ้านสามแล้วดีกว่ามาก
แต่ละคนมีสีหน้าที่บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบนางอย่างไรดี
ความคิดของพวกเขาถูกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยล่วงรู้จนหมด ใบหน้างดงามทั้งคู่มีรอยยิ้มเหยียด มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือก
ความโกรธที่ฟางซูหยุนข่มเอาไว้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง พูดเสียงเย็น “ทำไม ยังจะกีดกันไม่ให้ข้าไปเยี่ยมพ่อแม่และน้องชายของข้ารึไง หรือรังแกที่ข้าฟางซูหยุนไม่ได้กลับมาหลายสิบปี บัดนี้แม้แต่ประตูบ้านก็ไม่ให้เข้า หน้าของครอบครัวก็ไม่ให้เจอ หรือว่าเห็นข้าฟางซูหยุนรังแก่ง่าย”
ประโยคสุดท้ายนางใช้พลังเซียนในการตะโกนออกมา สะเทือนไปทั่วใต้หล้า กระจายไปรอบทิศ เกรงว่าครึ่งค่อนชิงยางล้วนได้ยินเสียงของนางหมด
สีหน้าของคนในบ้านตระกูลฟางเปลี่ยนกันไปอีกครั้ง
“คุณหนู ข้าจะพาท่านไปพบนายท่านและฮูหยินเอง”
อาเสียงกลับมาทันพอดีได้ยินคำพูดของฟางซูหยุน รีบตอบรับ
อาเสียงที่มีสีหน้าเคร่งเครียดปรากฏกายออกมาตามเสียง เมื่อเขาเห็นว่าทั้ง 4 คนยังยืนอยู่ด้วยสภาพปกติก็วางใจลง
เมื่อกี้เห็นคราบเลือดมากมายที่ประตูใหญ่ เขาตกใจจนใจเต้นแรง กลัวมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูและคุณหนูเล็กที่เพิ่งกลับมา
“อาเสียง อากลับมาพอดี”
ฟางซูหยุนพยักหน้าให้กับคนที่กำลังเดินมา ก่อนจะมองคนบ้านตระกูลฟางที่พูดอะไรไม่ออกด้วยสายตาผิดหวัง ในใจทั้บเจ็บปวดทั้งเคียดแค้น เอ่ยเสียงเข้ม “เสี่ยวเสี่ยว หยูเฮงน้อย พวกเราไปกันเถอะ”
“ท่านย่า คนขวางทางมันเยอะเกินไป ข้าว่าต้องให้พวกสัตว์อมตะช่วย”
มุมปากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยกขึ้น รอยยิ้มเย็นๆไม่ต่างกับของฟางซูหยุน ท่ามกลางสายตาทุกคน นางโบกมือเล็กน้อย บรรยากาศบิดเบือนและมีสัตว์อมตะอีกเป็นฝูงโผล่ออกมา
“โฮกกก”
“อ๊างงงง”
มีสัตว์อมตะอีกหลายร้อยตัวปรากฏกายขึ้น รวมเข้ากับหลายร้อยตัวเมื่อกี้เป็นสัตว์อมตะนับพันตัวพอดีที่อยู่ต่อหน้าทุกคน
คนตระกูลฟางอึ้งไปอีกรอบ มองไปที่ฝูงสัตว์อมตะตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย นับพันตัว สัตว์อมตะนับพันตัวเชียวนะ
แทบจะมากกว่าจำนวนทั้งหมดที่คนในชิงยางครอบครองแล้ว หลังจากที่คนพวกนี้ตะลึงเสร็จก็มีแววดีใจปรากฏในแววตา ถ้าหากทั้งหมดนี้เป็นของตระกูลฟางละก็ งั้น…
คิดมาถึงตรงนี้คนพวกนี้ก็ตื่นเต้นกันมาก แต่คนบ้านรองและบ้านสามกลับมีสีหน้าย่ำแย่
ยิ่งฟางซูหยุนแข็งแกร่งเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งแย่
พวกเขาคาดการณ์ได้ว่าสภาพของบ้านใหญ่ในวันนี้ก็คือสภาพของบ้านรองและบ้านสามในวันหน้า
คิดมาถึงตรงนี้คนของบ้านรองและบ้านสามก็สะท้านขึ้นมา เผยท่าทีหวาดกลัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ที่ว่างเล็กๆตรงนี้ถูกเหล่าสัตว์อมตะครอบครองไปแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวบอกกับหยูเฮงน้อยที่อยู่ข้างๆ “เจ้าว่าพอรึยัง ปล่อยออกมาอีกสักพันตัวดีมั้ย แต่ว่าไม่มีที่จะให้อยู่แล้วนี่นา”
“อิอิ กลัวทำไม พวกเราปล่อยเหยี่ยวหิมะ อินทรีย์ปีกเหล็ก นกไฟ หงส์ทอง นกไฟ ปล่อยเจ้านกพวกนี้ออกมาพวกมันไม่เปลืองที่หรอก” หยูเฮงน้อยเสนอด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า “เจ้าพูดถูก พวกเราเพิ่งจะเรียกออกมาแค่พันตัวเอง น้อยเกินไป เกรงว่าพวกเขาจะไม่เห็นอยู่ในสายตา เจ้าว่าจริงมั้ย”
พูดจบเฉิงเสี่ยวเสี่ยวโบกมืออีกครั้ง ไม่ได้ใช้ถุงสัตว์อมตะใดๆทั้งนั้น เรียกเจ้านกออกมากว่าพันตัวได้ในทันที
“จิ๊บๆๆๆ”
“จิ๊บๆๆๆ”
“จิ๊บๆๆๆ”
ในอากาศปรากฏนกออกมาอย่างคับคั่ง เสียงที่สะท้อนไปทั่วฟ้าไม่ได้แค่ทำให้คนตระกูลฟางทึ่งกันหมด คนทั้งชิงยางก็ทึ่งเหมือนกัน
แล้วยังมีพวกปีศาจเฒ่าจำนวนไม่น้อยรีบเดินทางมาที่ตระกูลฟาง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแสยะยิ้มกับคนตระกูลฟางที่อึ้งกันอยู่ “ตอนนี้จะหลบมั้ย ถ้าไม่หลบข้าจะสั่งให้สัตว์อมตะจู่โจม”
“อย่า อย่า..”
คำพูดมุ่งร้ายทำให้ตาแก่พวกนี้ได้สติกลับมาในที่สุด ครั้งนี้พวกเขาไม่ใช่แค่ตื่นเต้นดีใจ แต่หน้าเหี่ยวๆแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าประจบประแจง สายตาเร่าร้อนที่มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวราวกับของรัก แทบจะอุ้มชูไว้อยู่ในมือ กลับว่าจะทำให้นางไม่พอใจ
——————-