บทที่ 467 ดอกฟ้ากับหมาวัด

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ในเวลาแบบนี้ยังคิดจะหยอกล้อเธอไม่หยุด เหอะๆ ช่างไม่รู้จักคำว่าดอกฟ้ากับหมาวัดไม่เจียมตัวเลยจริงๆ!

กลับถึงคฤหาสน์ภูษาธร ได้เริ่มทานอาหารกลางวันกันแล้ว เรนนี่ขึ้นไปล้างมือชั้นบน แล้วค่อยลงมา ชฎารัตน์กำลังยืนดูรถที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถด้านนอก พร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย

“คุณแม่คะ” เรนนี่เรียก การกระทำของชฎารัตน์ เธอเห็นอย่างชัดเจน

“เธอขอให้หัสดินซื้อให้เหรอ” ชฎารัตน์หันกลับมาถาม

เรนนี่ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยพูด “ไม่ใช่ค่ะ พวกเรารู้สึกเบื่อก็เลยออกไปเดินเล่นด้วยกัน แล้วหัสดินบอกให้ซื้อค่ะ”

พอได้ยินแบบนี้ ชฎารัตน์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะลูกชายของเธอเองที่เอ่ยปาก แล้วเธอก็พูดอีกว่า “ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คนเชื่อเรื่องดวง แต่เธอคิดว่า การซื้อรถในเทศกาลปีใหม่ดีแล้วเหรอ? “

เรนนี่กลั้นอารมณ์นั้นไว้ในอก พยายามอดทน ก่อนจะปรับสีหน้าให้อ่อนหวานที่สุด “ครั้งหน้าเราจะพิจรณาให้รอบคอบกว่านี้ค่ะ”

ชฎารัตน์หันหลังกลับ ก่อนจะเดินออกไป แล้วเดินกลับไปที่ห้องอาหาร ส่วนเรนนี่กลับกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้อีกต่อไป นี่มันอะไรกัน?

วันนี้เป็นวันปีใหม่ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เธอก็แต่งงานเข้าตระกูลภูษาธรแล้ว เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลภูษาธร เป็นคุณนายน้อย การที่เธอที่เป็นถึงคุณนายน้อยของตระกูลจะซื้อรถสักคันมันจะเป็นอะไรกัน?

เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดถึง บรรดาสาวไฮโซในเมืองsยังขับรถคันละหลายสิบล้าน แต่เธอแค่ซื้อรถเพียงคันละไม่กี่ล้าน ถึงกับต้องเอามามีปัญหากับเธอในวันฉลองเทศกาลแบบนี้ด้วยเหรอ?

เรนนี่ยืนอยู่ที่เดิม สายตาที่เธอจ้องมองชฎารัตน์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความเกลียดชังนั้นลึกล้ำมาก มันแผ่ออกมาจากกระดูก!

เรนนี่ขมวดคิ้ว แล้วกัดฟันฝืนทน บนใบหน้าของเธอแสดงความเกลียดชัง มุมปากแสยะยิ้ม และแอบสาปแช่งอยู่ในใจ

แต่ว่า เธอคิดไม่ถึง ว่าชฎารัตน์จะหันกลับมากะทันหัน ทั้งสีหน้า ท่าทาง และการกระทำของเธอ ตกอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายทั้งหมด

เรนนี่สะดุ้งตกใจ หัวใจของเธอเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้า และพยายามยิ้มประจบ “คุณแม่คะ คุณแม่จะดื่มกาแฟหรือนมดีคะ”

แววตาของเธอเรียบนิ่งไม่หนาวไม่ร้อน ชฎารัตน์หน้าเธอสักพัก ก่อนจะเดินจากไป โดยไม่พูดอะไร

เนื่องจากเป็นเทศกาลปีใหม่ อาหารกลางวันจึงมีอาหารอยู่เต็มโต๊ะ พ่อครัวก็ทำการว่าจ้างเชฟที่มีชื่อเสียง กลิ่นอาหารจึงหอมอบอวล และดูน่าทานมาก

ทุกคนในตระกูลภูษาธรนั่งลงรอบโต๊ะอาหาร แน่นอนว่าต้องรวมคุณพ่ออติวิชญ์ และรัดเกล้าด้วย

อาหารรสชาติไม่เลว และอาจถึงกับดีมาก แต่เรนนี่กลับกินไม่ลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ยังคงอยู่ในสมองของเธอ

เธอดื่มน้ำซุปไป พร้อมกับเหลือบมองไปทางชฎารัตน์อย่างร้อนตัวจากหางตา แต่เธอไม่เห็นอะไรเปลี่ยนไปเลย

หลังอาหารเย็นชฎารัตน์เรียกหัสดินไว้ แล้วบอกให้เขาขึ้นไปคุยที่ชั้นบน

ดวงตานัยน์ตาโตสองชั้น ปลายเรียวยาวของหัสดินหรี่ตาลง ก่อนจะเดินตามขึ้นไปชั้นบน คราวนี้ หัวใจของเรนนี่ก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ภายในห้อง

ชฎารัตน์เล่าให้หัสดินฟังว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะเริ่มทานอาหารกลางวัน แต่หัสดินไม่รู้สึกอะไรเลย แค่คิดว่าเธอกำลังจู้จี้จุกจิก

ด้วยนิสัยของเรนนี่ เธอจะทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน?

“หัสดิน แม่ไม่ใช่คนที่ชอบใส่ร้ายคนอื่น ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง แม่จะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับลูกเลย”

“คุณแม่ครับ วันนี้เป็นเทศกาลปีใหม่ คุณแม่ช่วยผ่อนคลายหน่อยได้ไหม” หัสดินไม่สนใจเรื่องที่ได้ยิน และเขาไม่ชอบปัญหาจู้จี้จุกจิกระหว่างผู้หญิง

“ในฐานะแม่สามี แค่พูดพูดใส่เธอไม่กี่คำเท่านั้นเอง ซื้อรถแม่พอจะเข้าใจ แต่จำเป็นต้องซื้อในวันแบบนี้ด้วยหรือไง? แล้วลับหลัง ยังทำหน้าบูดเบี้ยวไม่พอใจมองใส่แม่สามีของตัวเอง แอบสาปแช่งอยู่ในใจ กมลสันดานของเธอมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด”

หัสดินเปลี่ยนท่านั่ง และไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้ เขาได้ฟังมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเขาก็ตบไหล่ของชฎารัตน์ แล้วปลอบเธออย่างนุ่มนวล “คุณชฎารัตน์ครับ ผมจะคุยเรื่องนี้กับเธอให้เรียบร้อย โอเคไหมครับ”

คำพูดพวกนี้ ชฎารัตน์ฟังแล้ว รู้สึกไม่จริงจังเอาซะเลย

เรนนี่นั่งอยู่ในห้อง ตอนที่หัสดินเดินเข้ามา เขาก็ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงๆ

เขาเชื่อว่าแม่ของเขาไม่เคยแต่งเรื่องขึ้นมาเอง ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง เธอก็คงไม่เรียกเขาไปคุยที่ห้อง

เรนนี่เองก็รู้ ว่าในหัวใจของหัสดิน แม่เขามีน้ำหนักมาก และเขาก็เชื่อแม่ของเขามากในระดับหนึ่ง

ถ้าเธอไม่ยอมรับออกไปตรงๆ เธอคงแย่ ไม่ว่าในหัวใจของชฎารัตน์ หรือหัสดิน ล้วนเป็นการพูดแก้ตัว

ดังนั้น เรนนี่จึงยอมรับ แล้วพูดว่า “ฉันแค่บ่นว่าลับหลังนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ จะกล้าด่าคุณแม่จริงๆ ได้ยังไงกัน แต่ฉันไม่คิดไม่ถึงว่าจะโดนคุณแม่จับได้พอดี”

พอได้ยินเรนนี่พูดแบบนี้ หัสดินก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แค่บอกว่า “ต่อไประวังหน่อย อย่าทำให้ท่านโกรธ”

ในห้องเหลือเรนนี่อยู่เพียงคนเดียว แต่ความโกรธที่มีอยู่ในใจของเธอยังคงไม่ลดลง

ก็แค่แอบด่าลับหลังไม่กี่คำ ถึงกับต้องเอาไปฟ้องลูกชาย ดูท่าทางจากนี้ไปชฎารัตน์คงจะยิ่งไม่ชอบหน้าเธอเข้าไปใหญ่

และ ความบาดหมางระหว่างทั้งสองคน ก็คงจะเริ่มขึ้นแล้ว

……

ฉันทัชจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ยู่ยี่ไม่ได้ปักใจเชื่อมากนัก ดังนั้นเธอจึงยอมไปโรงพยาบาลด้วย

หลังจากตรวจ แล้วทำการอัลตร้าซาวด์ ผลการอัลตร้าซาวด์ออกมาเร็วมาก

นิ้วมือเรียวยาวของฉันทัชจับผลการอัลตร้าซาวด์ไว้ เขารู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มาก สีหน้าของเขาอ่อนโยนมากขึ้น

“คิดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะอยู่ในท้องของคุณ แล้วมีลักษณะแบบนี้” เขาเอ่ยปากพูด

“ฉันเองก็รู้สึกว่ามันวิเศษมากค่ะ เขาจะค่อยๆ เติบโตขึ้นช้าๆ” ยู่ยี่ยกยิ้ม เธอยังรู้สึกว่ามันวิเศษมาก ที่ท้องเล็กๆของเธอ กลับกำลังจะให้กำเนิดชีวิตอีกหนึ่งชีวิตขึ้นมา

แววตาตาของฉันทัชอ่อนโยนมาก เขาโอบไหล่ของเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาชื่นชมและอุทานออกมา “คุณยิ่งใหญ่มากครับ…”

การตั้งครรภ์ คลอดลูก สำหรับผู้หญิงแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบของผู้หญิง เป็นหน้าที่ สำหรับคนจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก

แต่ว่า เธอกลับไดยินคพว่า “ยิ่งใหญ่” ออกมาจากปากของเขา ยู่ยี่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ริมฝีปากของเธอยกขึ้น จนเกิดเป็นรอยยิ้มบาง “ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นค่ะ ผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกล้วนแต่ยิ่งใหญ่ทุกคน”

“ใช่ ฉันไม่ปฏิเสธ พวกเธอล้วนแต่ยิ่งใหญ่มาก…” ฉันทัชพยักหน้า แววตาลึกซึ้ง และซาบซึ้งใจ “แต่มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้ผมซาบซึ้งใจได้ มีเพียงคุณเท่านั้น และมีแค่คุณ ที่สามารถมีลูกให้ผมได้..”

ยู่ยี่อดที่จะทุบหน้าอกของเขาไม่ได้ ในใจรู้สึกหวานล้ำเหมือนน้ำผึ้งไหลผ่าน “ไปกันเถอะค่ะ”

พวกเขาไปโรงหนังด้วยกัน ภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉายมีหลายเรื่อง ยู่ยี่ไม่ชอบดูหนังต่อสู้ หรือทะเลาะกัน จึงเลือกหนังประเภทดราม่า

ความรักในวัยเยาว์ ความรู้สึกที่จริงใจ และชะตากรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ยู่ยี่ร้องไห้อย่างหนัก

จริงหรือไม่ ที่ผู้หญิงมีครรภ์ มักจะมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย ถึงแม้อารมณ์ของพวกเธอจะอ่อนไหว แต่บางครั้งอารมณ์ก็จะรุนแรงมาก

จนใจ ฉันทัชมองไปที่เธอ ความรัก ภาพยนตร์แบบนี้ ไม่ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจได้นานแล้ว อีกทั้ง เขายังไม่ใช่คนประเภทซาบซึ้งใจกับเรื่องพวกนี้ง่ายๆ ด้วย

เมื่อภาพยนตร์จบลง ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ไฟในโรงภาพยนตร์ก็สว่างขึ้น ยู่ยี่ยังคงปาดน้ำตาคิดไม่ถึงว่า ตอนจบจะจบลงแบบโศกนาฏกรรม

“จากนี้ไป ฉันจะไม่ดูหนังเศร้าอีกแล้ว ดูหนังตลก สามารถทำให้คนมีความสุขได้ ดูหนังเศร้า กลับทำให้คนเศร้าเสียใจไปด้วย ฉันไม่ชอบความรู้สึกตอนดูหนังเศร้า”

ฉันทัชมองไปที่เธอนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “นั่นเป็นเพราะคุณอินกับหนังมากเกินไป”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่อินกับหนังเลยคะ” ยู่ยี่มองไปที่เขา

“หนังส่วนใหญ่ถูกดัดแปลงมาจากเรื่องจริง ส่วนใหญ่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมน่าเศร้ามากกว่าในหนัง เสียใจมากกว่า หลังจากที่คุณได้ผ่านประสบการณ์นั้นแล้ว ภูมิคุ้มกันของคุณก็จะเพิ่มขึ้น อยากจะทำให้คุณซาบซึ้งใจ ก็จะยากมาก…” ฉันทัชเอ่ยพูด คำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้งตราตรึงใจมาก

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน มีคนสี่คนเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา เรนนี หัสดิน ซาฮาร่าและ รัดเกล้า

สี่คนนี้ ล้วนเป็นคนที่ยู่ยี่ไม่อยากเจอ นอกจากนี้ ถึงแม้พวกเขาจะมาเจอกันในเวลานี้ มันก็ไม่เป็นไร เมืองS ไม่ได้กว้างใหญ่ ยังไงก็ต้องได้เจอกันสักวัน

เรนนี่ขมวดคิ้ว แล้วกวาดสายตาไปที่ฉันทัช จากนั้นก็มองไปทางยู่ยี่

สีหน้าของหัสดินเปลี่ยนไปเกือบจะในทันที สีหน้าของเขาเคร่งขรึม สองมือกำหมัดแน่น ความโกรธอัดแน่นอยู่ในใจ

รัดเกล้ามองพิจารณายู่ยี่ เมื่อก่อนเธอก็สวยอยู่แล้ว แต่ไม่สวยเท่าตอนนี้ พูดได้ว่าเธอสวยกว่าภรรยาคนปัจจุบันของหัสดิน แต่ว่าเธอกลับมีผู้ชายคนอื่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

ฉันทัชเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือออกไปโอบไหล่ของยู่ยี่ไว้ แล้วดึงเข้ามาในอ้อมกอด

ไม่มีใครทักทายใคร แล้วเดินผ่านกันไป ยู่ยี่ดูนิ่งสงบและไม่แยแส ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา

ฉันทัชตัวสูงตรง รูปร่างสูงใหญ่ แผ่นหลังกว้าง มีกลิ่นอายที่มีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งสองคนเดินหายลับไปจากสายตาของทั้งสี่คน

“นี่เธอมีผู้ชายคนอื่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ หัสดิน แฟนเก่าของคุณไม่ใช่ผู้หญิงง่ายดายเลย แต่ว่า เธอได้รับการประคบประหงมมาดีมากเลยทีเดียว มีความงดงาม และสมบูรณ์มาก” รัดเกล้าพูดยิ้มๆ

ซาฮาร่ามีแต่ความรู้สึกเกลียดชัง เธอสวมรองเท้าส้นสูงกระทืบเท้า ก่อนจะเดินออกไปอย่างโมโห อยู่ต่อหน้าภรรยา แต่กลับพูดชมผู้หญิงคนอื่น

หัสดินเดิมทีอารมณ์ก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว คำพูดของรัดเกล้าทำให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมา จึงเดินเข้าไป และต่อยเขาอย่างแรง ก่อนจะพูดทิังท้ายว่า“คนไม่เอาถ่าน”

สำหรับรัดเกล้า เขาไม่เคยรู้สึกดีให้ และมักจะให้ความรู้สึกน่ารังเกียจ ไร้ยางอาย หน้าด้าน ถึงแม้จะเป็นพี่เขย แล้วจะยังไง

พูดแบบนั้นต่อหน้าพี่สาวของตนเอง อีกทั้ง อีกฝ่ายยังเป็นเธอ หมัดนี้ ถือว่าใจดีกับคนอย่างเขาแล้ว

แต่เรนนี่กลับรู้สึกไม่ชอบใจ พอได้เห็นยู่ยี่ เขาก็เริ่มผิดปกติอีกแล้ว ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว อยู่ต่อหน้าเธอ อารมณ์ของเขาพวกนั้น ก็ควรยับยั้งได้แล้วไม่ใช่หรือไง?

หลังจากไปทานอาหารเย็น แล้วกลับมาที่คอนโดแล้ว ฉันทัชเลือกเปิดรายการเล่นตลก เพื่อให้เธอผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

ยู่ยี่จับแก้วนมอุ่นๆ ไว้ในมือ แล้วหัวเราะคิกคักไม่หยุด หลังจากดูไปหนึ่งชั่วโมง เธอก็ง่วง แล้วขึ้นไปนอนพักผ่อน

ตั้งแต่ตั้งท้อง ยู่ยี่ก็เริ่มปัสสาวะบ่อยขึ้น ตอนกลางดึก ก็ต้องลุกขึ้น และไปเข้าห้องน้ำ

ไปกลับบ่อยมาก ฉันทัชที่กำลังนอนหลับสนิท ผมสั้นของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่กลับไม่ทำให้ความหล่อเหลาและดูดีของเขาลดลงเลย แต่กลับทำให้รู้สึกขี้เซา เซ็กซี่ และดูอ่อนโยนมาก

ยู่ยี่พยายามเดินห้เบาที่สุด พอก็นั่งลงบนเตียง ร่างเพรียวของเธอก็ถูกดึงเข้าไปกอด และ ฉันทัชก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

“เสียงดังรบกวนจนคุณตื่นเหรอคะ” เธอถาม

“ไม่ครับ…” เพิ่งตื่นนอน น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำกลับแหบพร่าเล็กน้อย ตอนพูดออกมา

“งั้นนอนต่อเถอะค่ะ ยังเช้าอยู่เลย” ยู่ยี่มุดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ภายใต้แสงไฟสลัว ดวงตาของเธอปิดลง เธอยังคงสะลึมสะลือ ไม่ได้รู้สึกตัวชัดเจนเท่าไหร่