กติกาในการเล่นเกมง่ายมาก ถึงแม้จะมีคนที่เหมือนกับซีเหมินจินเหลียน สวี่อี้หรานและจ่านมู่ฮว่าที่ไม่ได้สนใจในของรางวัลเหล่านี้ แต่คนที่มาร่วมงานคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเหมือนกับพวกเขาไปเสียทั้งหมด ของรางวัลราคาหลายแสนไปจนถึงหลักล้านนี่ก็ช่างน่าตื่นเต้นและท้าทายไม่น้อย
เพราะฉะนั้นคนส่วนมากจึงเดินเข้าไปดูหินหยก แต่หลายปีมานี้คนที่ชอบหยกอาจจะไม่ได้หมายความว่ามีความรู้เรื่องหยกลึกซึ้ง แม้กระทั่งคนส่วนใหญ่อาจะยังไม่รู้เลยว่าหยกระยิบระยับที่ตั้งโชว์ภายในตู้กระจกตามงานนิทรรศการเครื่องประดับต่างๆ นั้น จะมาจากหินขรุขระที่ลักษณะภายนอกดูขี้เหร่แบบนี้
ดังนั้นการให้พวกเขาเล่นเกมเดิมพันหิน มันจึงท้าทายพอสมควร
ซีเหมินจินเหลียนยังคงนั่งอยู่ที่มุมห้องและสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เธอไม่มีความสนใจอยากจะสัมผัสเลยสักนิด เพราะว่าอีกเดี๋ยวคงได้เจียระไนหินแล้ว ไม่ช้าหรือเร็วคงได้รู้ผลอยู่ดี ดูหรือไม่ดูนั้นจึงไม่ต่างกัน แล้วยิ่งเป็นของขวัญอวยพรผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นด้วยแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางขายแน่ อย่างนี้เธอจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปดู อย่างมากที่สุดก็แค่แอบสงสัยอยู่ในใจ
อีกอย่างฉินเฮ่าก็ยังพูดเสียดิบดีว่าไม่ให้เธอไปร่วมกิจกรรมของตระกูลอวิ๋นทุกเรื่อง
ถึงอยากจะก่อเรื่อง แต่ก็ไม่อาจก่อเรื่องในบ้านตระกูลอวิ๋นได้ ยืนอยู่ในพื้นที่ของเขา มาเดิมพันกับเขา ตามหลักการถือว่าแพ้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“จินเหลียน คุณก็ไม่ไปดูหน่อยเหรอ?” จ่านมู่ฮวาทำมือไปทางเดิมพันหิน
“ฉันไม่ได้อยากได้ของรางวัลของพวกเขาสักหน่อย จะไปดูทำไมกัน?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด
“ที่คุณพูดก็ถูก” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “แต่ผมอยากจะไปดูอะไรสนุกๆ สักหน่อย”
“ทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ “หรือว่าคุณสนใจของแบบนี้?”
“ช่วงนี้ผมกำลังศึกษาการเดิมพันหิน เปลี่ยนหินให้เป็นทอง ผมเลยซื้อหินหยกเก็บไว้หลายก้อน…” จ่านมู่ฮวาพูดจบก็ถอนหายใจออกมา “แต่หินหยกที่ผมเจียระไนออกมาล้วนแต่เป็นหินทั้งนั้น…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะอย่างร่าเริง แม้แต่สวี่อี้หรานยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้น
“คุณหัวเราะอะไร? หรือว่าคุณรู้เรื่องด้วย?” จ่านมู่ฮวาเงยหน้าขึ้นพูด
“ไม่อย่างนั้น พวกเราก็ลองเดิมพันกันสักตั้งไหม” สวี่อี้หรานยิ้มมีเลศนัย
“เดิมพันยังไง” จ่านมู่ฮวาผู้ติดการเล่นพนันเป็นทุนเดิมรีบถามด้วยความสนอกสนใจ
“เดิมพันเงินมันก็ดูจะไร้ศักดิ์ศรีไปหน่อย อย่างนั้นจะเดิมพันอะไรดีล่ะ?” สวี่อี้หรานพูดออกมาอย่างจริงจัง “พวกเราเดิมพันอะไรที่สนุกกว่านี้ดีไหม?”
“คุณเดิมพันอะไร” จ่านมู่ฮวาถามด้วยความอยากรู้
“ช่วงนี้ผมอ่านนิยายทางตะวันตกอยู่บ้าง เลยสนใจพิธีโบราณเป็นอย่างมาก” สวี่อี้หรานพูด “ยังไงก็มีแค่พวกเราสองคนที่เดิมพัน จินเหลียนไม่เข้าร่วมด้วย ดังนั้นอีกเดี๋ยวถ้าใครแพ้ คนคนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะเต้นรำกับจินเหลียนเป็นไง?”
“พวกคุณสองคนก็จะเดิมพันด้วยเรื่องนี้น่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย “ฉันก็ไม่เคยเต้นรำมาก่อนนะ?” เธอเต้นรำไม่เป็น!
“ถ้าอย่างนั้นจะเดิมพันอะไร” สวี่อี้หรานขมวดคิ้ว “ผมคิดไม่ออกแล้ว”
จ่านมู่ฮวาลูบคางน้อยๆ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ถ้าหากคุณแพ้ จินเหลียนต้องย้ายออกจากบ้านคุณ และมาพักที่บ้านของผมแทน!”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแบบนั้นก็อึดอัดใจ นี่มันเดิมพันบ้าบออะไรกัน? ทำไมมาเดิมพันเธอได้? สวี่อี้หรานคิดทบทวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แล้วถ้าผมชนะล่ะ?”
“จินเหลียนก็พักอยู่ที่บ้านคุณ แน่นอนว่าถ้าเธออยากจะย้ายออกมาเอง นั่นมันก็เป็นเรื่องของเธอ!” จ่านมู่ฮวายิ้มด้วยสีหน้าได้ใจ ซีเหมินจินเหลียนคิดจะย้ายออกอยู่แล้ว การเดิมพันนี้เขาจะชนะหรือแพ้มันก็ไม่ต่างกัน อย่างไรก็หลอกให้สวี่อี้หรานติดกับได้แล้ว
สวี่อี้หรานครุ่นคิดอยู่นานสองนานถึงค่อยพูดขึ้นว่า “ไม่ได้! ผมเสียเปรียบ เดิมทีจินเหลียนก็พักอยู่บ้านผม คุณจะมาหลอกให้เธอย้ายออกไปไม่ได้นะ พ่อผมบอกว่าช่วงนี้เมืองหยางโจวกำลังวุ่นวาย เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียว พักที่โรงเตี๊ยมคงไม่สะดวก”
“ถ้าพวกคุณยังจะเอาฉันไปเดิมพันอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ!” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สวี่อี้หรานมีสีหน้าอัดอั้นตันใจ ส่วนจ่านมู่ฮวานั้นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร จนกระทั่งซีเหมินจินเหลียนยังได้ยินเสียงเขาบ่นพึมพำหนึ่งประโยคว่า…นี่ไม่ใช่แค่เดิมพันเล่นๆ เหรอไง?
“เดิมพันหนึ่งหยวน!” สวี่อี้หรานหยิบเหรียญหนึ่งหยวนออกมาจากกระเป๋าด้วยสีหน้าแสดงความเจ็บปวด และตบมันวางลงไปที่โต๊ะข้างหน้า
จ่านมู่ฮวาก็ลูบคลำควักกระเป๋าเสื้อตามตัวอยู่รอบหนึ่งและหันไปถามซีเหมินจินเหลียนว่า “จินเหลียนคุณมีเหรียญไหม ผมขอยืมเหรียญหนึ่งสิ”
ซีเหมินจินเหลียนค้นหาเหรียญในกระเป๋าอยู่พักหนึ่งถึงเจอเหรียญหนึ่งหยวน ก่อนจะส่งไปให้จ่านมู่ฮวา จ่านมู่ฮวารับเหรียญพร้อมยิ้มออกมา “ตกลง เดิมพันด้วยเหรียญหนึ่งหยวน!”
“เสร็จจากงานนี้คุณก็อย่าลืมคืนเธอด้วยล่ะ อย่าคิดว่าหนึ่งหยวนไม่ใช่เงินนะ!” สวี่อี้หรานพูดจบก็เดินนำไปตรงกลางงาน
จ่านมู่ฮวาเงยหน้าขึ้นพร้อมส่งเสียงเหอะด่าออกไปว่า “อีกเดี๋ยวฉันก็จะคืนให้กับเธออยู่แล้ว เหอะ คิดว่าฉันจะแพ้ให้กับหมอมองโกลอย่างนายเหรอไง?”
ซีเหมินจินเหลียนเห็นทั้งคู่วางของเดิมพันด้วยเงินหนึ่งหยวน ก่อนจะเริ่มประลองฝีมือกันแล้ว ตนเองจึงนั่งพิงโซฟาอย่างเบื่อหน่าย รอคอยเวลาเจียระไนหินในช่วงสุดท้ายแล้วค่อยไปดูสักหน่อย
แต่เวลานี้โทรศัพท์มือถือก็พลันดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเบอร์แปลก เธอกดปุ่มรับสาย ในโทรศัพท์ก็มีเสียงของผู้อาวุโสหูดังเข้ามา “หลานรักหรือเปล่า?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มน้อยๆ ผู้อาวุโสคนนี้ก็จริงๆ เลย แต่เขาก็อายุปูนนี้แล้ว เธอจะเรียกเขาว่าคุณปู่ก็คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกนะ?
“สวัสดีค่ะผู้อาวุโสหู!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“หลานรัก เรียกปู่ให้ฟังหน่อยได้ไหม!” ผู้อาวุโสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มถึงค่อยพูด “สวัสดีค่ะคุณปู่หู!”
“เด็กดี! ตอนนี้หลานอยู่ที่ไหนเหรอ” ผู้อาวุโสหูได้ยินซีเหมินจินเหลียนเรียกเขาว่าคุณปู่อย่างเต็มปาก ไม่นานจึงดีใจเสียเต็มประดา ออกปากถามอย่างสงสัย
“อยู่บ้านตระกูลอวิ๋นค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ปิดบังอะไรพูดไปตามตรง
ผู้อาวุโสส่งเสียงเคร่งขรึมพูดขึ้นว่า “หลานรัก หลานฟังให้ดีนะ ปู่ได้ข่าวของหินปิดฟ้ามาบ้างแล้ว แต่ปัญหาตอนนี้ยุ่งยากเหลือเกิน…”
“ค่ะ…” ความจริงซีเหมินจินเหลียนไม่ได้สนใจในหินปิดฟ้ามากเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะว่าเธอยังสาว แต่เป้าหมายหลักของเธอมีแค่ตระกูลอวิ๋น
“หลานรัก เพื่อคุณย่าและอาจารย์ของหนู เพื่ออาจารย์ที่บากบั่นตรากตรำมาหลายปี ไม่ว่าหลานใช้วิธีอะไรก็ต้องหาทางนำราชาหยกมาจากปีศาจอวิ๋นอวิ้นนั่นให้ได้นะ” ผู้อาวุโสหูพูดจริงจัง
“คุณ…ปู่หู ราชาหยกมีลักษณะยังไงกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ
“ราชาหยกกับราชางูเป็นของที่อยู่คู่กัน จะพูดไปแล้วก็คือหยกราชางูกับราชาหยกเดิมทีเป็นหินหยกก้อนเดียวกัน แต่เพราะว่าเหตุผลพิเศษบางอย่างเลยทำให้หินหยกทั้งสองแยกจากกัน ตอนนั้นปู่คิดว่าไอ้สารเลวหลินเสวียเหวินนั่นคงอยากจะเอาหยกราชางูไปด้วย แต่หยกราชางูใหญ่เกินไป เขาขนย้ายไม่ไหว เลยเอาไปแค่ราชาหยก เดิมทีปู่คิดว่าราชาหยกอยู่ในมือของหลินเสวียเหวินมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้สารเลวนั่นกลับสมคบคิดกับอวิ๋นอวิ้น…” ผู้อาวุโสหูพูด
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าแหล่งที่มาของราชาหยกกับราชางูมาจากที่เดียวกัน แต่แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องนี้แล้วจะทำอย่างไรได้? ของที่เธอต้องการ ตระกูลอวิ๋นคงเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดี เธอจะมีความสามารถไปขโมยหรือจะไปแย่งมาได้อย่างนั้นหรือ?
“ฉันก็อยากจะแย่งราชาหยกมา แต่ฉันว่าตระกูลอวิ๋นไม่มีทางยอมขายแน่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “คงจะไม่ได้ให้ฉันไปปล้นมาหรอกนะคะ?”
“หลานวางใจ หลานไม่จำเป็นต้องไปปล้น” ผู้อาวุโสหูพูด “ปู่รู้จักอวิ๋นอวิ้นดี ในงานเดิมพันหินใหญ่เธอแพ้อย่างราบคาบ แน่นอนว่าคงต้องไปหาเรื่องเดิมพันกับหนู อวิ๋นอวิ้นคนนี้ไม่ยอมขายขี้หน้าตลอดไปหรอก แต่ของเดิมพันของคนคนนี้พูดไม่ออกจริงๆ ขอแค่เธอแพ้ เธอย่อมไม่เพิกเฉยแน่ ดังนั้นขอแค่หนูเดิมพันกับเธอสักครั้งแล้วนำราชาหยกกลับมาก็ได้แล้ว”
“ถ้าเธอนัดเดิมพันกับฉันอีกรอบ ฉันจะลองดูก็แล้วกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา ครั้งที่แล้วอวิ๋นอวิ้นแพ้ไปตั้งมาก ครั้งนี้ถ้าหากจะเดิมพันคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่แล้ว โอกาสที่ตัวเองจะแพ้มีอยู่สูง อยากจะชนะมันง่ายขนาดนั้นหรอกนะ? ยิ่งไปกว่านั้นถ้าอวิ๋นอวิ้นไม่ยอมเดิมพันกับเธอจะทำอย่างไร?
“ดูจากความสามารถของหลานแล้ว ต้องชนะอย่างแน่นอน แต่หลานต้องคอยระวังเธอโกงด้วยนะ!” ผู้อาวุโสหูพูดกำชับ
“เข้าใจแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรับปาก
“โอเค ตอนนี้ปู่ก็ยุ่งมาก เรื่องทางหยางโจวฝากให้หลานช่วยจัดการแล้วกัน มีธุระอะไรติดต่อปู่มาได้ตลอด!” ผู้อาวุโสหูพูดถึงประโยคสุดท้ายและถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “จินเหลียน เวลาของปู่มีไม่มากแล้ว…”
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมา แต่ก็ได้ยินเสียงสัญญาณตัดไปเสียก่อน ผู้อาวุโสหูวางสายไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ถอนหายใจ จู่ๆ ก็รู้สึกมีความรู้สึกเหมือนเคยเจอกับผู้อาวุโสหูอยู่หลายครั้ง มีความรู้สึกเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก
เป้าหมายทั้งชีวิตมีไว้เพื่อตามหาสิ่งของที่ไม่มีอยู่จริง ยุ่งตรากตรำมาทั้งชีวิต มันก็คุ้มค่ากันหรือ? แต่คนแบบเขา ถ้าหลงทางในเป้าหมาย แล้วจะยังมีอะไรเหลืออยู่? อำนาจอิทธิพลของจินเหลียนถ้าหากได้มาง่ายๆ สิ่งที่เหลือก็แค่ของที่ไม่มีจริงพวกนั้น
คิดถึงเพียงเท่านี้ ซีเหมินจินเหลียนก็หัวเราะหยันตัวเองออกมา บ่อยครั้งนักที่คนเราชอบหาเหาใส่หัว!
เหมือนอย่างในตอนนี้ ที่เธอถูกรบกวน! ความสวยของอวิ๋นอวิ้นเทียบไม่ได้กับซูหงที่มีครบเครื่อง แต่เธอเหมือนกับเหล้าที่ตกตะกอน มีความรู้สึกลึกลับทำให้ผู้คนไม่อาจต้านทานได้ไหว …
อวิ๋นอวิ้นแก่แล้ว ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีคิดว่าเธออายุประมาณห้าสิบ ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเธอจะแก่กว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น ป้าของอวิ๋นเฮ่อซิน น้องสาวแท้ๆ ของผู้อาวุโสอวิ๋น ตอนนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอย่างกร่ายลงมาจากด้านบนอย่างเชื่องช้า
เธอแต่งกายเหมาะสมกับผู้หญิงวัยกลางคนที่สวยสง่า หลบหลีกผู้คนเดินไปนั่งที่มุมเงียบๆ กวาดสายตามองไปที่ซีเหมินจินเหลียน
ตนเองกับเธอ…ก็เหมือนกันมาก! เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียน เธอก็ราวกับได้เห็นตัวเองในวัยสาวแรกแย้ม เพียงแต่สายตาของเธอนั่นเหมือนกับอีกคนมากกว่า
ตอนนั้นเดิมทีสายตานั้นก็ได้แต่มองไปที่ผู้ชายท่วงท่าสง่างาม ทำให้เธอคลุ้มคลั่งโดยไม่สนใจอะไร…เธอเคยโหยหามาก่อน คงต้องมีสักวันที่สามารถจุดไฟความท้าทายในดวงตาเขาราวกับเผาไหม้หยกสีเพลิง
แต่เกรงว่าเธอคงต้องทุ่มเทกายใจทั้งชีวิตเพื่อทำสิ่งนั้น เขาไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ…พวกเขาแก่แล้ว ร่างกายไม่ได้เหมือนหนุ่มสาว แต่ของที่มีไม่ได้เปลี่ยนไป ของสะสมที่มีเป็นแรมปี หยกที่หายากกลับเพิ่มทวีคูณ
ถ้าเธอไม่ได้ เธอก็จะไม่ให้เขาได้ ถ้าไม่มีซีเหมินจินเหลียน ลองดูสิว่าเขายังจะยิ้มร่าออกมาได้อีกไหม ยังจะนิ่งเฉยแบบนี้ได้อยู่อีกหรือ