ตอนที่ 273 ศัตรูของนางคือเรา ไม่ใช่เจ้า

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“คิดไม่ถึงว่าผู้นำแผ่นดินต้าโจวจะเป็นคนที่โหดเ**้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้!”

 

 

“องค์หญิงโปรดวางพระทัย หากว่าข้าสามารถรอดกลับไปได้ จะต้องปลุกระดมขุมกำลังทั้งหมดให้ต่อต้านแคว้นโจว”

 

 

ผู้คนเหล่านั้นพูดพลางก็คุกเข่าลงที่เบื้องหน้าเหยียนเฉียวหลัวขอให้นางช่วยชีวิต สาบานจะจงรักภักดีต่อนาง

 

 

เมื่อมองดูผู้คนที่พากันคุกเข่าอยู่บนพื้น เหยียนเฉียวหลัวก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง

 

 

ยามนี้นางราวกับเป็นฮ่องเต้หญิงที่ผู้คนให้ความเคารพยกย่อง ปกครองเหล่าขุนนางอยู่เหนือราษฎร สร้างความพึงพอใจราวกับว่านางได้ลอยอยู่เหนือเมฆ

 

 

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่องค์ชายน้อยทรงประทานมาให้นาง

 

 

นางจะต้องไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ดี ให้จีเฉวียนต้องสำนึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไปทั้งหมด

 

 

พวกตู๋กูเจวี๋ยและหยวนเฟยต่างพากันตกตะลึง

 

 

“พระสนม ท่านดูสิ ฝ่าบาททรงก่อเรื่องเพราะดอกท้อเน่าเข้าแล้ว ปากอย่างเหยียนเฉียวหลัว ยังไร้ยางอายเสียยิ่งกว่ากระหม่อมซะอีก” ตู๋กูเจวี๋ยหันไปกล่าวกับหยวนเฟย

 

 

หยวนเฟยกวาดตามองดูเขาแวบหนึ่ง “ใต้เท้าอวี้ซื่อ ท่านเองรู้จักตัวเองดีอยู่เหมือนกัน”

 

 

นางพูดพลาง ก็กุมหลังมือของตนเองเอาไว้

 

 

ตอนนี้หลังมือของนางเจ็บปวดอย่างมาก ใต้ผิวหนังคล้ายดั่งมีหนอนเล็กๆ คอยชอนไชอยู่ตลอด ทำให้นางทุกข์ทรมาน

 

 

นางได้แต่ขมวดคิ้วแน่น นางเป็นถึงพระสนมแห่งแคว้นต้าโจว ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ขอให้เหยียนเฉียวหลัวรักษานาง

 

 

หากว่าเจ้าติ๊งต๊องอยู่ก็คงจะดี ไม่แน่ว่าแค่ใช้เปลวเพลิงสีทองของมันเผา สิ่งที่ติดอยู่ในบาดแผลก็อาจจะกลายเป็นขี้เถ้าไปก็เป็นได้

 

 

นางมองออกไปสี่ทิศรอบด้าน ก็ยังคงไม่เห็นจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันแม้แต่เงา

 

 

คงจะไม่ใช่ว่า….ฝ่าบาททรงพาไทเฮาไปท่องเที่ยวชมนกชมไม้ ทิ้งให้พวกนางต้องมาตายอย่างโง่เง่าอยู่ที่นี่หรอกนะ?

 

 

ความคิดนี้ทำให้หยวนเฟยรู้สึกหมดหวังเหลือเกิน

 

 

…………………….

 

 

เหนือหมู่เมฆ ตู๋กูซิงหลันต้องยอมศิโรราบในความพระทัยเย็นของจีเฉวียนจริงๆ ด้านล่างคึกคักกันถึงขนาดนี้แล้ว เขากลับยังสงบนิ่งอยู่ได้

 

 

“นิทานเรื่องนี้สอนเราว่า ไม่ควรไปหาเรื่องกับดอกท้อ พระองค์ทอดพระเนตรองค์หญิงแคว้นเหยียนผู้นั้นสิเพคะ ตอนนี้คงชิงชังพระองค์อย่างที่สุดแล้ว” ตู๋กูซิงหลันยังคงว่าต่อไป “วังหลังมีพระสนมอยู่ตั้งมากมาย ไยพระองค์ไม่ทรงรับนางไว้เล่า?”

 

 

จีเฉวียน “อัปลักษณ์”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..”

 

 

ทัศนะคติเรื่องความงามของฮ่องเต้สุนัขที่ผ่านมาล้วนไม่อยู่ในบรรทัดฐาน นางยังคงอย่าได้ไปถกปัญหานี้กับเขาจะดีกว่า

 

 

ว่าแล้ว ก็ได้ยินจีเฉวียนตรัสอีกว่า “ยังดี ที่ศัตรูของนางคือเรา ไม่ใช่เจ้า”

 

 

คำพูดนี้ยังทำให้คนต้องประทับใจมากเสียยิ่งกว่าคำรักหวานหูที่เขาเคยเอ่ยมาก่อนหน้านี้ หัวใจของตู๋กูซิงหลันพลันอบอุ่นขึ้นมา

 

 

……………….

 

 

ริมสระสวรรค์ เหยียนเฉียวหลัวกำลังช่วย ‘ถอนพิษ’ ให้ฝูงชน

 

 

แม้แต่อิ๋งฉีก็ยังต้องหลบไปอยู่อีกด้านหนึ่ง เหล่านักพรตแคว้นฉินในตอนนี้ต่างก็พยายามรักษาขุมกำลังเอาไว้ ไม่คิดจะไปสอดเรื่องของเหยียนเฉียวหลัว

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในสระสวรรค์พวกเขาถูกดูดพละกำลังไปมาก สถานการณ์มิได้น่ารื่นรมย์เท่าใด

 

 

เหยียนเฉียวหลัวกลับเป็นฝ่ายยื่นกิ่งมะกอกมาให้ [1] พวกเขาก่อน

 

 

นางเดินมาถึงข้างกายอิ๋งฉี พลางคลี่ยิ้มให้ “คุณชายฉี องค์หญิงเช่นข้ารู้ดีว่าท่านต้องการสิ่งใด วางใจเถอะ แคว้นต้าเหยียนของข้าจะไม่ไปแย่งชิงกับท่านอย่างแน่นอน”

 

 

“คิดว่าท่านเองก็คงจะรู้อยู่แล้ว ความทะเยอทะยานของผู้นำแคว้นโจวนั้นปิดไม่มิดอีกต่อไป แคว้นต้าฉินในตอนนี้ถือเป็นแคว้นเข้มแข็งอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ขอเพียงแคว้นฉินออกมายืนหยัดต่อต้านแคว้นโจว แคว้นต้าโจวย่อมไม่มีทางผงาดขึ้นมาเหนือแผ่นดินนี้ได้”

 

 

“ท่านเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้แคว้นฉินทรงให้ความสำคัญที่สุด คำพูดของท่าน เชื่อว่าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นจะต้องทรงใส่พระทัยรับฟังอย่างแน่นอน”

 

 

เหยียนเฉียวหลัวคลี่ยิ้มงามปานบุปผา “หากว่าคุณชายฉีมิได้รังเกียจล่ะก็ การค้นหาครั้งนี้พวกเราสามารถร่วมมือกันได้ สระสวรรค์มีอันตรายอยู่มากมาย หากแคว้นต้าเหยียนของข้าและต้าฉินของท่านร่วมมือกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันจะไม่ดีกว่าหรือ?”

 

 

คำพูดนี้ของเหยียนเฉียวหลัวน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง อิ๋งฉีในตอนนี้พึ่งจะถูกตู๋กูเจวี๋ยต่อยตีไปรอบหนึ่ง ใบหน้าบวมเป่งเป็นหัวหมูไปครึ่งซีก

 

 

เขาหันไปมองดูรอบทิศทาง ก็ยังคงไม่เห็นจีเฉวียน

 

 

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เผชิญไปในทะเลสาบเมื่อครู่ ตอนนี้ในใจของเขาก็ยังคงหวาดผวาอยู่ไม่หาย

 

 

หากว่าไม่ได้ยันต์คุ้มภัยแผ่นนั้น….เกรงว่าเขาคงต้องกลายเป็นศพแห้งตายคาทะเลสาบไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

คนที่ช่วยเขาเอาไว้ ….ก็คือแม่นางน้อยน่ารักที่อยู่ข้างกายจีเฉวียน

 

 

เขายิ่งต้องถือว่าตนเองติดค้างในบุญคุณช่วยชีวิตของจีเฉวียน

 

 

แต่ว่าตอนนี้จีเฉวียนกลับไม่ยอมปรากฏตัว นี่จึงค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก

 

 

“คุณชายฉี ร่วมมือกับพวกเรารับรองว่ามีแต่ได้ไม่มีเสีย ท่านไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดให้นานไป” เหยียนเฉียวหลัวพูดต่อไป “ข้าช่วยเหลือผู้คนไปมากมาย ก็เพื่อความสงบสุขโดยรวมของแผ่นดิน ทุกสิ่งที่ข้าทำลงไปนั้นก็เพื่อทุกชีวิตในใต้หล้า ท่านสามารถวางใจได้เลย ข้าน่ะเป็นคนดีจริงๆ นะ”

 

 

ขุนนางอวี้ซื่อตู๋กูเจวี๋ยรับฟังอยู่ด้านข้างยังต้องกรอกตาขาว

 

 

หากมิใช่เพราะว่าหลงเซียวรั้งเขาเอาไว้ คาดว่าตอนนี้เขาคงต้องหลุดปากพ่นออกไปเกินพันคำแล้ว

 

 

“คุณชาย…ตอนนี้หากร่วมมือกับต้าเหยียน ก็ไม่เลวนัก” นักพรตแคว้นต้าฉินรายล้อมอยู่รอบตัวอิ๋งฉี หัวหน้านักพรตก็กระซิบลงที่ข้างหูของเขา

 

 

เหล่านักพรตที่มาจาภูเขาฮว่าชิ่งซาน แต่ละคนล้วนเข้มแข็งเกินใคร คาดว่าจะต้องสามารถกำราบสิ่งที่อยู่ใต้น้ำนั่นได้แน่

 

 

เรื่องต่อไปภายหลังนั้น วันหลังก็ค่อยว่ากัน การร่วมมือเฉพาะหน้าในตอนนี้เป็นเรื่องไม่เลว อย่างน้อยๆ แคว้นต้าเหยียนก็สัญญาแล้วว่าจะไม่แย่งชิงยาอายุวัฒนะกับพวกเขา

 

 

เมื่อถูกเหล่านักพรตคะยั้นคะยอมากเข้า อิ๋งฉีจึงยอมพยักหน้าในที่สุด

 

 

พอเห็นว่าตนเองสามารถชักจูงกระทั่งอิ๋งฉีได้ อารมณ์ของเหยียนเฉียวหลัวก็ยิ่งดีกว่าเดิม นางรู้สึกว่าสระสวรรค์ก็คือเวทีของตนเอง เพียงแค่พูดๆ แสดงๆ นิดๆ หน่อยๆ ผู้คนทั้งหมดก็ยอมสยบให้แล้ว

 

 

เหยียนเฉียวหลัวมิได้ลืมข้อสำคัญไป เมื่ออิ๋งฉีรับปากจะร่วมมือกับนาง นางก็กล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่อยู่ใต้น้ำนั้น ท่านอาจารย์ของข้าได้ทำการตรวจสอบสถานการณ์ดูแล้ว ยังต้องการเครื่องสังเวยอีกจำนวนหนึ่ง”

 

 

พูดแล้วนางก็หันมามองพวกตู๋กูเจวี๋ยทั้งสามคน “เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจในการร่วมมือกัน ขอคุณชายฉีสั่งให้คนของท่านโยนพวกต้าโจวทั้งสามคนนี้ลงไปในทะเลสาบ รอให้ปีศาจในทะเลสาบนั่นกินอิ่มแล้ว พวกเราก็ค่อยลงไป ทีนี้ก็จะไม่มีอันตรายแล้ว”

 

 

ผู้คนทั้งหลายค่อยฉุกคิดขึ้นมาได้ ที่แท้พวกคนที่หล่นลงไปก่อนหน้านี้ก็ถูกปีศาจนั่นจับกินเป็นเครื่องสังเวยนั่นเอง

 

 

หากยึดถือตามที่องค์หญิงแคว้นเหยียนพูดมาล่ะก็ ขอเพียงได้กินอีกสามคน ปีศาจนั่นก็จะกินอิ่มแล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ต้องตาย แต่ยังสามารถได้รับส่วนแบ่งขุมทรัพย์ส่วนหนึ่งอีกด้วย

 

 

สายตาของผู้คนทั้งหลายพลันเกิดความโลภขึ้นมา “ขอคุณชายฉีโยนทั้งสามคนลงไป”

 

 

อย่างไรทั้งสามคนนี้ก็คือคนของแคว้นต้าโจว จะตายก็ตายไปเถอะ!

 

 

ฮ่องเต้แคว้นต้าโจวโฉดชั่วถึงเพียงนั้น คนในแคว้นของเขาก็สมควรจะต้องตายไปด้วย!

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยอยากจะถ่มน้ำลายทับคนพวกนี้ให้ตายๆ ไปซะ

 

 

อิ๋งฉีขมวดหัวคิ้วแนบแน่น เขาอึดอัดลำบากใจมากจริงๆ

 

 

สามคนนี้….มีความสัมพันธ์กับจีเฉวียนอย่างแนบแน่น

 

 

“คุณชายฉี ท่านจิตใจดีเกินไปแล้ว หากว่าท่านไม่อาจตัดใจลงมือ มิสู้ให้เหล่านักพรตใต้บัญชาของท่านลงมือก็แล้วกัน”

 

 

ใบหน้าของเหยียนเฉียวหลัวเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม นางส่งสายตาสื่อความหมายให้กับหัวหน้านักพรตแคว้นฉิน

 

 

นักพรตผู้นั้นย่อมเป็นคนที่รู้จักสถานการณ์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญหนักหนาเพียงไร

 

 

อย่างไรผู้ที่สูญเสียก็ไม่ใช่แคว้นฉินของพวกเขา คนของแคว้นต้าโจวตายไปสามคนถือเป็นอะไรได้

 

 

ไม่รอให้อิ๋งฉีออกคำสั่ง นักพรตที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นก็ส่งเสียงออกมาสองคำ นำนักพรตคนอื่นๆ พุ่งเข้าใส่พวกตู๋กูเจวี๋ยทั้งสามคน

 

 

ต่อให้หลงเซียวแข็งแกร่งกว่านี้ ก็เป็นเพียงคนเดียวที่มีวรยุทธ

 

 

เมื่อถูกเหล่านักพรตจำนวนมากรายล้อมเอาไว้ เขาก็ได้แต่ปกป้องตนเอง แต่ไม่อาจจะปกป้องตู๋กูเจวี๋ยและหยวนเฟยได้

 

 

ทั้งสองคนถูกจับตัวไปอยู่ต่อหน้าเหยียนเฉียวหลัวในทันที ทั้งยังถูกเตะบังคับให้คุกเข่าลงไปต่อหน้านาง

 

 

เหยียนเฉียวหลัวยิ้มอย่างยินดี นางย่อตัวลงมา บิดเนื้อคนทั้งสองอย่างหนักหน่วงอยู่หลายครั้ง ก็หัวเราะใส่หน้ากล่าวว่า “อ้ายย่าห์ ทั้งสองท่านสามารถได้รับเกียรติเป็นเครื่องสังเวยให้กับแผ่นดินทั้งหมด นี่ก็ถือเป็นบุญของพวกท่านแล้ว ใช่ไหม?”

 

 

พูดแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืน ยกเท้าขึ้นมา ถีบพวกเขาลงไปในทะเลสาบ

 

 

 

 

——

 

 

[1] 抛出了橄榄枝: กิ่งมะกอกเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ หมายถึง ขอสงบศึก ผูกมิตรกัน

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

ไรท์: ไม่น้าาา! …ทำไมอิ๋งฉีถึงทำอย่างงี้ ฉีฉีทำไมถึงไปเออออกับเค้าง่ายๆ ฉีฉีควรจะเป็นคนดีศรีอยุธยา ทำเพื่อชาติ เพื่อพี่น้องไม่ใช่หรือ! ส่วนหนึ่งของความชอบเรื่องนี้ก็คือ ในความไร้สาระ มันกลับมีมุมที่สมจริงอยู่ แต่ละตัวละครไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนมีด้านที่ติดลบด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์จะเปิดช่องให้ใครได้ตัดสินใจหรือแสดงอะไรออกมา ขอคารวะม่อจ้งเหลียน (-ผู้แต่ง) 3จอก

 

 

ตอนต่อไป “นี่คือสิ่งที่เจ้าปรารถนาหรือ?”