บทที่ 519 กวาดล้างกองกำลังของเว่ยหมิงเฉิน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 519 กวาดล้างกองกำลังของเว่ยหมิงเฉิน

 

 

ในถ้ำลึกแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมือง

 

 

ม่านพลังล่องหนได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นกำแพงอำพรางสายตาผู้คน

 

 

มันเป็นกำแพงที่ซ่อนเร้นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งเมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็ต้องกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ร่างกายสั่นสะท้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

 

 

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

 

 

ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

 

การลงมือในครั้งนี้ ไม่ได้พึ่งพิงแต่เพียงพลังของฝ่ายปีศาจอย่างนางเท่านั้น

 

 

แต่ยังพึ่งพิงเทพเจ้าของจักรวรรดิจี้กวงอีกด้วย

 

 

เป้าหมายการโจมตีในครั้งนี้คือยึดครองพื้นที่ซึ่งเคยเป็นดินแดนของเทพีกระบี่มาเป็นของพวกนางให้ได้

 

 

นี่เป็นแผนการที่ถูกวางอย่างรัดกุมและจัดเตรียมทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบที่สุด

 

 

แต่สุดท้ายก็กลายเป็นฝ่ายพวกนางเองที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่เทพีกระบี่

 

 

หรือนี่จะเป็นคำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฝ่ายปีศาจจะไม่สามารถเอาชนะเทพีกระบี่ได้ตลอดไป?

 

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจนัก

 

 

นางปีศาจยกมือปาดเลือดออกจากมุมปาก ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความแค้นที่แน่นอก

 

 

เทพีกระบี่ไม่ควรส่งพลังมาช่วยเหลือได้เช่นนี้

 

 

นางไม่สมควรติดต่อโลกมนุษย์ได้เช่นนี้

 

 

แต่ในความเป็นจริง นอกจากเทพีกระบี่จะส่งพลังมาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินได้ทันเวลาแล้ว ยังถึงกับแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาอีกด้วย

 

 

เกิดอะไรขึ้นบนดินแดนทวยเทพกันแน่?

 

 

ไหนพวกเทพวิหคซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำจักรวรรดิจี้กวงสัญญาเอาไว้แล้วไงล่ะ ว่าจะจัดการเผด็จศึกเทพีกระบี่ให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด จนการตรวจสอบวิหารผ่านพ้นไป

 

 

หรือว่าการโจมตีของกองทัพเทพวิหคจะล้มเหลว?

 

 

หากเป็นเช่นนั้น…

 

 

ใบหน้าของนางปีศาจผู้ลึกลับบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชัง

 

 

นางรีบลุกขึ้นและเดินออกมาจากถ้ำอย่างรวดเร็ว

 

 

“เมืองหยุนเมิ่งเป็นสถานที่แปลกประหลาดพิสดารเกินไป เราไม่ควรอยู่นานมากกว่านี้อีกแล้ว”

 

 

นางปีศาจกำลังจะลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

 

“ปีศาจร้าย เจ้าจะหนีไปที่ใด?”

 

 

พลัน เสียงคำรามก้องกังวานมาจากเหนือศีรษะ

 

 

ปรากฏว่าเป็นรูปปั้นหินยักษ์ของเทพีกระบี่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

 

 

ดวงตาของรูปปั้นเปล่งแสงสว่างเรืองรอง มันมีลักษณะทรงกลมเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก พลังที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้มวลอากาศปั่นป่วน ปีกกระบี่บนแผ่นหลังแม้จะทำมาจากก้อนหิน แต่มันกลับสามารถกระพือพัดได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากปีกกระบี่ของจริง…

 

 

นางปีศาจถึงกับตกตะลึง

 

 

“อยากจะฆ่าข้าหรือ? คงไม่ง่ายดายขนาดนั้น”

 

 

นางปีศาจหัวเราะเยาะ กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

 

 

ก่อนที่เลือดสีแดงดำพวกนั้นพลันลอยตัวในอากาศอย่างแปลกประหลาด

 

 

แล้วนางปีศาจก็ยื่นมือออกไปใช้นิ้ววาดหยดเลือดเหล่านั้นให้กลายเป็นรูปทรงมังกรและงูคู่หนึ่ง ราวกับว่านางมีนิ้วมือเป็นพู่กันศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถเสกสิ่งใดก็ได้ตามความปรารถนาด้วยหยดเลือดของตนเอง

 

 

นี่คือวิชาเวทมนตร์ที่สืบต่อกันมาหลายพันปี ไม่มีผู้ใดจะสามารถใช้งานวิชานี้ได้นอกจากพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น

 

 

เมื่อโคจรพลังปราณปีศาจใส่เข้าไป มังกรและงูคู่นั้นก็ยิ่งระเบิดพลังออกมารุนแรงมากกว่าเดิม

 

 

บัดนี้ นางปีศาจก็กำลังระเบิดลำแสงสีดำแดงออกมาจากร่างกายเช่นกัน

 

 

มวลพลังพวยพุ่งออกไปรอบทิศทาง

 

 

ดวงตาของรูปปั้นหินในอากาศแตกกระจาย

 

 

แล้วนางปีศาจก็อาศัยจังหวะนั้นบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหนีหายไปด้วยความรวดเร็วยิ่ง

 

 

รูปปั้นหินยักษ์ของเทพีกระบี่พยายามจะบินตามไป กระบี่หินในมือเงื้อขึ้นสูง ก่อนจะตวัดวูบส่งพลังลมปราณกระบี่ไล่หลังไปยังทิศทางที่นางปีศาจบินหายไป

 

 

นี่คือการโจมตีที่มีพลังรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิต

 

 

หากนางปีศาจกระทบถูกพลังลมปราณกระบี่สายนี้ก็จะต้องดับดิ้นอย่างแน่นอน

 

 

แต่น่าเสียดายที่เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายครอบคลุมทั่วบริเวณ พลังลมปราณสีดำแดงสลายหายไปในอากาศ บัดนี้ บนท้องฟ้าก็หลงเหลือแต่เพียงรูปปั้นหินที่ลอยตัวอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

 

 

รูปปั้นหินของเทพีกระบี่บินไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในหุบเขาแห่งนี้ มันกวาดสายตามองโดยรอบ ก่อนที่สุดท้ายลำแสงที่แผ่ออกมาจากร่างกายจะเริ่มหม่นหมองลง

 

 

“ข้าตามนางปีศาจตนนั้นไปไม่ทัน”

 

 

ในโทรศัพท์มือถือของหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามเข้ามาว่า “นางปีศาจที่เล่นงานเจ้า นอกจากมีพลังแข็งแกร่งแล้ว ยังมีจิตใจกล้าหาญอย่างน่าเหลือเชื่อ เกรงว่าถ้ามันกลายเป็นศัตรูของน้องชายในอนาคต เจ้าก็คงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว”

 

 

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาในทันใด

 

 

เขาลอยตัวไปบินวนอยู่เหนือลานหินหน้าวิหาร

 

 

ด้านล่างมีแต่กองเลือดเนืองนองอยู่เต็มไปหมด

 

 

คุณชายเหลียนซานค่อยๆ คลานขึ้นมาจากหลุมหนึ่งบนพื้นดินด้วยสีหน้าหมดหวัง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…”

 

 

“จงรอรับการลงทัณฑ์จากข้าเสียดีๆ เถิด”

 

 

หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ก้มหน้ามองลงไปที่คุณชายจอมเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเว่ยหมิงเฉิน

 

 

“ฮ่าฮ่า นี่หรือคือเทพเจ้า? แน่ใจนะว่าเจ้าคือเทพเจ้าตัวจริง?” คุณชายเหลียนซานเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโต้ตอบกลับมา “เทพเจ้านับเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในอีกเขตแดนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดหรือว่าตนเองสูงส่งกว่าพวกข้าหรือมนุษย์คนอื่นๆ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรจะมาลงทัณฑ์ข้าไม่ทราบ”

 

 

หืม?

 

 

ไอ้เจ้าคุณชายคนนี้มันยังไม่ยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ แฮะ

 

 

หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

 

แต่สิ่งที่คุณชายเหลียนซานพูดออกมาก็มีเหตุผล

 

 

หากเปลี่ยนเป็นพูดที่อื่น ในสถานการณ์อื่น หลินเป่ยเฉินก็คงจะต้องนึกชอบใจในตัวคุณชายคนนี้มากแน่ๆ

 

 

แต่น่าเสียดายที่หมอนี่เป็นศัตรูกับเขา…

 

 

ดังนั้นจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!

 

 

หลินเป่ยเฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

 

 

วูบ!

 

 

กระบี่ทั้งหนึ่งร้อยเล่มที่บินวนอยู่รอบกายของหลินเป่ยเฉินพลันเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าและหันปลายกระบี่พุ่งตรงลงไปที่หน้าอกของคุณชายเหลียนซานตรงเป็นจุดเดียว ซึ่งสภาพในขณะนี้ คุณชายเหลียนซานไม่สามารถป้องกันตนเองได้อีกแล้ว

 

 

“ฮ่าๆๆๆ…”

 

 

คุณชายเหลียนซานระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียสติและพึมพำว่า “ไม่ว่าจะทำภารกิจสำเร็จหรือล้มเหลว อย่างไรสักวันหนึ่ง เราก็คงต้องตายอยู่ดี… ฮ่าๆๆๆ ทำไมมันถึงได้เหนื่อยอย่างนี้ ช่างน่าเศร้านัก ขอเพียงแค่… น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน…”

 

 

เสียงพูดแผ่วเบาลงเรื่อยๆ สุดท้าย คุณชายเหลียนซานก็ถอนหายใจออกมาและตายไปอย่างสงบ

 

 

ค่ายอาคมทุกอย่างที่เขาสร้างเอาไว้สูญสลายหายไปในทันที

 

 

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินกลับมามีความเยือกเย็น

 

 

ในเมื่อเป็นศัตรูกับเขาก็ต้องตาย

 

 

นี่ไม่ใช่การลงทัณฑ์จากเทพีกระบี่

 

 

แต่มันเป็นการตัดสินใจจากเขาเอง

 

 

โดยเฉพาะกับบุคคลที่อันตรายอย่างคุณชายเหลียนซาน หากรอดชีวิตกลับไปช่วยวางแผนให้แก่เว่ยหมิงเฉินได้มากกว่านี้ ไม่ทราบเลยว่าจะมีแผนร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตอีกเท่าไหร่?

 

 

สุดท้ายการต่อสู้ก็จบสิ้นลงจริงๆ สักที

 

 

“พวกทหารผู้ทรยศทั้งหลาย พวกเจ้าจะหนีไปไหน?”

 

 

หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วเมือง คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปเหมือนพายุหมุน กวาดผ่านไปทั่วภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมือง

 

 

กลุ่มนายทหารจากแคว้นซินจินตั้งค่ายพักอยู่ที่บริเวณเชิงเขา

 

 

ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ทุกคนหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี

 

 

บริเวณเชิงเขานอกจากจะมีค่ายพักแรมของทหารกลุ่มนี้แล้ว ก็ยังมีชาวเมืองหยุนเมิ่งกลุ่มหนึ่งและมือกระบี่จากต่างถิ่นอีกหลายสิบคน พวกเขายังไม่รับทราบผลการตรวจสอบ ได้ยินเพียงเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนยอดเขา จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

เพราะสัญญาณการถ่ายทอดสดถูกตัดจบไปนานแล้ว

 

 

พวกเขาไม่ได้รับทราบข่าวใดๆ เลย

 

 

แต่เมื่อมีเสียงคำรามเช่นนี้ดังออกมา ทุกคนก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์การตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้าจบลงในรูปแบบใด

 

 

ตุบ!

 

 

กลุ่มนายทหารรีบคุกเข่าลงกับพื้นดินด้วยความร้อนรน

 

 

“ท่านเทพีได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”

 

 

“กราบเรียนท่านเทพี พวกเราผิดไปแล้ว…”

 

 

“ฮื่อ… ข้าน้อยทำผิดมหันต์ ข้าน้อยสมควรตาย แต่ท่านเทพีได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย…”

 

 

นายทหารกลุ่มใหญ่โขกศีรษะกับพื้นดินและขอร้องอ้อนวอนให้เทพีกระบี่ไว้ชีวิต

 

 

พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงนายทหารเท่านั้น

 

 

แต่ยังเป็นมือกระบี่อีกด้วย

 

 

มือกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี

 

 

นายทหารทุกคนในกองทัพล้วนแล้วแต่เป็นมือกระบี่

 

 

และมือกระบี่ ย่อมมีเทพีกระบี่เป็นเทพเจ้าประจำใจ

 

 

เหตุผลที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองหยุนเมิ่งนั้น ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้า เพราะว่านายทหารเหล่านี้เชื่ออย่างหมดใจว่าวิหารเมืองหยุนเมิ่งเป็นผู้ทรยศและนำชื่อของเทพีกระบี่ไปแอบอ้างเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ทั้งหมดที่พวกเขาทำลงไป ก็เพื่อจะปกป้องชื่อเสียงของเทพีกระบี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

 

 

แต่บัดนี้ ทุกคนตาสว่างแล้ว

 

 

พวกเขารู้ตัวแล้วว่าตนเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์

 

 

บรรดานายทหารจึงร้องไห้ออกมาด้วยความขมขื่น

 

 

ในหัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเศร้าโศก

 

 

เมื่อค่ายอาคมที่คุณชายเหลียนซานสร้างเอาไว้สลายหายไป พวกเขาก็เห็นหลินเป่ยเฉินกำลังลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าเสมือนเป็นเทพเจ้า เด็กหนุ่มมีความสง่างามและดูน่าเกรงขาม แตกต่างไปจากข้อมูลที่พวกเขาได้รับทราบมาก่อนหน้านี้เหมือนคนละคน

 

 

“หรือว่า…”

 

 

“วิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งผ่านการตรวจสอบและสามารถอัญเชิญเทพเจ้าได้สำเร็จ?”

 

 

“พวกเรารีบถอนกำลัง รีบกลับออกไปจากภูเขาลูกนี้ อย่าได้ลบหลู่เทพีกระบี่อีกเด็ดขาด”

 

 

บัดนี้ ไม่มีแม่ทัพหรือขุนพลใหญ่คอยสั่งงานพวกเขาอีกแล้ว เหล่านายทหารจึงรีบถอนกำลังกลับออกไปจากภูเขาด้วยความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“นี่มันพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีกระบี่”

 

 

“หลินเป่ยเฉินเป็นร่างทรงเทพเจ้า เทพีกระบี่กำลังเข้าสิงร่างของเขาอยู่ใช่หรือไม่?”

 

 

“ผิดไปแล้ว พวกเราผิดไปแล้วขอรับ”

 

 

เจ้าหน้าที่ยศนายกองคนหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้นดินและโขกศีรษะคำนับหลินเป่ยเฉินห้าครั้งซ้อน

 

 

สำหรับนายทหารของจักรวรรดิเป่ยไห่ พวกเขามีความศรัทธาต่อเทพีกระบี่ถึงขั้นฝังลึกลงไปในกระดูกดำ เรียกได้ว่าเป็นความศรัทธาที่ถูกปลูกฝังอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกเลยด้วยซ้ำ

 

 

เหล่ามือกระบี่จากต่างถิ่นที่เฝ้ารอผลการตรวจสอบถึงกับตกตะลึงกันไปหมด

 

 

เหตุการณ์จะจบเพียงเท่านี้หรือ?

 

 

วิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งสามารถรอดพ้นหายนะได้อย่างปาฏิหาริย์

 

 

ดูเหมือนว่าหลินเป่ยเฉินที่เป็นร่างทรงเทพเจ้าจะเป็นผู้พลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง

 

 

นั่นหมายความว่าเจ้าเด็กคนนี้กำลังจะมีชื่อเสียงโด่งดังอีกแล้วสิ?

 

 

บัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนจากฝ่ายเหนือหรือฝ่ายใต้ ทุกคนต่างก็กำลังคิดเป็นอย่างเดียวกัน

 

 

มือกระบี่จากต่างถิ่นเหล่านั้นคุกเข่าลงกับพื้นดินและประสานมือคำนับพร้อมกับสวดภาวนา

 

 

ส่วนบนขั้นบันไดหินหน้าวิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งในขณะนี้

 

 

“น่าเสียดายนัก…” เฒ่าทะเลถอนหายใจออกมาและส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

 

องค์หญิงแห่งท้องทะเลกล่าวว่า “เราจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่าฝ่ายวิหารจะชนะหรือแพ้ ก็ไม่ส่งผลต่อแผนการของเรา ท่านรีบไปเตรียมตัวเถิด… ข้าอยากจะบอกลาเขาสักหน่อย”