บทที่ 520 ใครเป็นคนออกคำสั่งให้ฆ่า?!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 520 ใครเป็นคนออกคำสั่งให้ฆ่า?!

เมืองหยุนเมิ่งถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้า

ข่าวเรื่องการสังหารหมู่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์บนภูเขาได้กระจายไปถึงหูชาวเมืองทุกคนเรียบร้อยแล้ว

แต่เมื่อพวกเขามองเห็นว่าวิหารบนยอดเขายังคงตั้งตระหง่านเป็นปกติดี และยังมีหลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ กับกระบี่นับร้อยเล่มหมุนวนอยู่รอบกาย ความเศร้าหมองทั้งมวลก็พังทลายหายไป ความหวังปรากฏขึ้นมาในหัวใจของชาวเมืองอีกครั้ง ราวกับได้พบเจอแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด

ชาวเมืองพร้อมใจกันคุกเข่าสวดภาวนา

พวกเขาขอสาปแช่งกลุ่มนายทหารที่เข่นฆ่าสังหารผู้คนให้ตกนรกหมกไหม้

แต่สำหรับหลินเป่ยเฉินที่ลอยตัวอยู่ในอากาศนั้น คำสวดภาวนาของชาวเมืองกลายเป็นพลังที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย และเสียงการสวดมนต์ของชาวเมืองก็เหมือนกับจะดังขึ้นข้างใบหูของเขา

ดูเหมือนว่าชาวเมืองจำนวนหลายพันคนเหล่านี้ต่างก็มีความศรัทธาในตัวเขาหมดหัวใจ

นี่คือ…

ความรู้สึกตอนที่บรรดาเทพเจ้าต้องรับฟังคำภาวนาของผู้คนอย่างนั้นหรือ?

เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นและความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในน้ำเสียงของผู้สวดภาวนา

เพียงเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็รับทราบแล้วว่าต้องเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับชาวเมืองแน่ๆ

หรือจะมีการสังหารหมู่ชาวเมือง?

พลัน หัวใจของหลินเป่ยเฉินร้อนรุ่มดั่งไฟเผาด้วยความโกรธแค้น

นี่คือบาปที่ให้อภัยไม่ได้

วูบ!

เด็กหนุ่มเเหาะตรงไปที่บริเวณเชิงเขา ด้านหลังของเขามีลำแสงสีเงินลากเป็นทางยาว

กระบี่นับร้อยเล่มเหล่านั้นบินตามหลังไปราวกับเป็นข้าทาสผู้ซื่อสัตย์

หลินเป่ยเฉินลงมาถึงบริเวณเชิงเขา

และเขาได้เห็นกองไฟกองใหญ่

นายทหารหนุ่มผู้มีสีหน้าดุดันคนหนึ่งกำลังเตะถีบกลุ่มนายทหารด้วยกันเองที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างกองไฟ ดูเหมือนเขาจะออกคำสั่งให้นายทหารเหล่านั้นลากศพชาวเมืองโยนเข้าไปในกองไฟ เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน แต่ไม่มีใครปฏิบัติตามคำสั่งเลยสักคน…

เมื่อหลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงไปยืนในบริเวณนั้น นั่นก็ทำให้กลุ่มนายทหารหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

นายทหารหนุ่มผู้มีสีหน้าดุดันชักกระบี่ออกมาด้วยมือที่สั่นเทา เขาแผดเสียงคำรามและวิ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินเหมือนไม่กลัวตาย

แต่หลินเป่ยเฉินเพียงจ้องมองเท่านั้น

เจ้าหน้าที่หนุ่มก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ข้อมือหักงอผิดธรรมชาติ

กระบี่ในมือร่วงหล่นลงมาปักพื้นดินข้างตัวหลินเป่ยเฉิน

“ใครเป็นคนออกคำสั่งให้ฆ่าชาวบ้าน?”

หลินเป่ยเฉินถาม ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์

กลุ่มนายทหารที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างกองไฟ ไม่มีใครกล้าปริปาก

กองไฟที่ว่าร้อนแรงแล้ว ยังไม่ร้อนแรงเท่าสายตาของหลินเป่ยเฉินที่จ้องมองมา

“ใครเป็นคนออกคำสั่งให้ฆ่าชาวบ้าน?”

หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปยังนายทหารหนุ่มที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้านี่แหละเป็นคนออกคำสั่ง ข้ามีนามว่าฟานซือหยาง เจ้าคนแซ่หลิน โปรดจำชื่อของข้าไว้ให้ดี” เจ้าหน้าที่หนุ่มยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ “เจ้าสังหารคุณชายหนี่ฟู่กวง ผู้เป็นบุตรชายของท่านข้าหลวงใหญ่ แล้วทำไมข้าถึงจะแก้แค้นให้แก่นายน้อยของพวกเราไม่ได้? เหอเหอเหอ ถ้าข้าแข็งแกร่งมากพอ ข้าก็คงฆ่าเจ้าด้วยตัวเองไปแล้ว”

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของข้าหลวงใหญ่แห่งแคว้นซินจินอย่างนั้นสินะ?”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “งั้นเจ้าลงนรกไปรอต้อนรับเขาได้เลย อีกไม่นาน ท่านข้าหลวงใหญ่กำลังจะตามลงไปพบเจ้าหน้าที่นั่น”

พูดจบ

แขนขาของนายทหารหนุ่มก็หักงออย่างผิดรูปผิดร่าง

ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังชัดเจน

กระดูกสีขาวทิ่มแทงทะลุผิวหนัง

โลหิตสีแดงสดพุ่งกระฉูด

“อ๊าก…”

ฟานซือหยางส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะเงยหน้าหัวเราะใส่ท้องฟ้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฆ่าข้าเถิด ฆ่าข้าให้ตายไปซะ ถึงอย่างไรข้าก็ทำตามความประสงค์ของนายท่านได้สำเร็จแล้ว ข้าไม่นึกเสียใจเป็นอันขาด แต่โชคร้ายที่ข้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถฆ่าเจ้าได้ ต่อให้ข้าต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า แต่ก็นับว่าชีวิตของข้าคุ้มค่าแล้ว!”

ใบหน้าที่ดุดันมีเลือดไหลทะลักออกปากออกจมูก ดวงตาก้มมองกลับมาที่หลินเป่ยเฉินเขม็ง

“สุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์อย่างเจ้า น่าเสียดายที่รับใช้คนผิด โทษที่เจ้าจะได้รับในครั้งนี้… คือความตายสถานเดียว”

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

แล้วแขนขาของฟานซือหยางก็มีเปลวไฟลุกโชนสว่างไสว

“อ๊ากกกกก…”

นายทหารหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับส่งเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ จนสุดท้ายมันก็เป็นเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่องอีกต่อไป

หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้ากลุ่มนายทหารที่เหลืออยู่ จิตสังหารยังคงอัดแน่นอยู่ในหัวใจของเขา

แต่จะไม่มีการฆ่าฟันอีแล้ว

“ศพชาวบ้านพวกนี้ให้ดูแลรักษาเป็นอย่างดี และรอญาติของพวกเขามารับศพกลับไป”

หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง

กลุ่มนายทหารที่นั่งคุกเข่าส่งเสียงตอบรับโดยทันที

เด็กหนุ่มจึงได้ถามออกไปอีกครั้งว่า

“แล้วท่านข้าหลวงใหญ่แห่งแคว้นซินจินได้เดินทางมาด้วยหรือไม่?”

นายทหารคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาตอบว่า “กราบเรียนท่านเทพเจ้า บัดนี้ท่านขุนนางใหญ่เดินทางไปที่ภูเขาเสี่ยวซี…”

วูบ!

แล้วร่างของหลินเป่ยเฉินก็พุ่งเป็นลำแสงหายวับไปบนท้องฟ้า โดยที่มีขบวนกระบี่บินตามไปเป็นร้อยเล่ม ลำแสงของหลินเป่ยเฉินมุ่งตรงไปยังทิศทางของภูเขาเสี่ยวซี บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสว่างจากพลังศักดิ์สิทธิ์…

ณ ภูเขาเสี่ยวซี

“ขุดให้มันเร็วกว่านี้!”

นั่นคือข้อความที่เขียนอยู่บนกระดานชนวน ซึ่งแขวนอยู่กับลำคอของเจ้าหนูอากวง

ในมือของมันถือแส้หนังอยู่เส้นหนึ่ง

เพี๊ยะ!

แส้หนังตวัดฟาดลงไปที่ลำตัวของหนี่โมหยาน

“โอ๊ย…”

เสียงกรีดร้องเหมือนสัตว์โดนตีดังออกมาจากปากของหนี่โมหยาน แต่มันก็ช่วยเร่งให้ชายหนุ่มลงมือขุดดินได้รวดเร็วมากขึ้นจริงๆ

เจ้าหนูอสูรหางกุดบัดซบ

มันกินอะไรเข้าไปนะ?

นอกจากจะมีร่างกายสูงใหญ่และอ้วนพีแล้ว ยังสามารถอ่านออกเขียนได้และล่องหนได้เป็นครั้งคราวด้วย…

นี่คือสัตว์เลี้ยงที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน

บัดนี้ นายทหารหน่วยนักรบมังกรดำกว่า 600 นาย เปลี่ยนสภาพจากนักรบเดนตายกลายเป็นคนงานเหมืองในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วยาม จุดลมปราณของทุกคนโดนสกัด เสื้อผ้าและชุดเกราะถูกปลดเปลื้องออก ทุกคนสวมใส่เพียงกางเกงชั้นในและสายคาดหนัง ในมือถือตะกร้าสำหรับบรรจุแร่หินออกมาจากถ้ำใต้ดิน และขั้นตอนการขุดเหมืองทั้งหมดนี้ มีเจ้าหนูอากวงคอยกำกับอยู่ตลอดเวลา

เคยมีคนพยายามหลบหนีมาแล้ว

แต่สุดท้ายก็ต้องพลาดท่าเสียทีให้แก่เจ้าหนูผีตัวนี้ตลอด

บัดนี้ ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรชายคนที่สี่ของท่านข้าหลวงใหญ่ตอบคำถามของตนเองได้แล้ว

ไม่ใช่ว่าพวกเขาอ่อนหัดหรือประมาทมากเกินไป

แต่เป็นเพราะศัตรูของพวกเขาเจ้าเล่ห์มากเกินไปต่างหาก!!!