บทที่ 2220+2221

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2220 ปีนี้ฝ่าบาทเนี่ยนโม่อายุเท่าใด?

เขาเล่าเรื่องที่กู้ซีจิ่วฝากฝังให้เขาช่วยตามหาคนเมื่อหลายปีนั้นออกมาอย่างย่อๆ รอบหนึ่ง

ข้อมูลจากปากคำของเขามีมากมายเหนือธรรมดา กู้ซีจิ่วฟังแล้วมึนงงหัวหมุนอยู่บ้าง

โลกนั้นอะไรกัน เป็นคนที่ถือกำเนิดเติบโตขึ้นในดินแดนเบื้องบนมิใช่หรือ? ด้วยเหตุนี้ เธอจึงถามออกไปเช่นนี้

อวิ๋นเยียนหลีนวดหว่างคิ้ว ในที่สุดก็เริ่มอธิบายให้เธอฟังอีกครั้งว่าเธอคือเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ใหม่ที่มาจากโลกเบื้องล่าง รวมถึงความสัมพันธ์เหล่านั้นระหว่างดินแดนเบื้องบนกับโลกเบื้องล่าง

น้ำเสียงของอวิ๋นเยียนหลีอ่อนโยนยิ่ง ขับขานน่าฟัง แม้ว่าคำพูดจะไม่มากมาย แต่กลับเป็นระเบียบชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่ง

เมื่อแว่วเข้าหูกู้ซีจิ่วแล้วเสมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่านับครั้งไม่ถ้วน…

เธอรู้สึกว่ามือเท้าของตนเย็นเฉียบอยู่บ้าง!

เธอไม่เชื่อถือใครง่ายๆ แต่สัญชาตญาณของเธอสัมผัสได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้มิได้โป้ปด!

เธอเงียบงันอยู่เนิ่นนาน ถึงได้เอ่ยถามอีกประโยคหนึ่ง

“ตี้ฝูอีผู้นั้น…ฝ่าบาทเนี่ยนโม่น่ะเป็นคนที่ไหน? เป็นคนที่โบยบินขึ้นมาจากโลกเบื้องล่างเหมือนกันไหม?”

อวิ๋นเยียนหลีส่ายหน้า

“ไม่ใช่แน่นอน เขาเป็นโอรสแห่งมหาเทพและจอมมารของดินแดนเบื้องบน เป็นชาวดินแดนเบื้องบนขนานแท้ ในวันเกิดครบหนึ่งขวบของเขาเมื่อปีนั้น เจ้ายังไปมอบของขวัญวันเกิดให้อยู่เลย”

‘แกรก!’

กิ่งไม้ที่กู้ซีจิ่วถืออยู่ในมือร่วงลงพื้น

“อะไรนะ? ว…วันเกิดครบหนึ่งขวบรึ?”

“ใช่แล้ว เขาเป็นบุตรแห่งเทพมาร งานเลี้ยงครบขวบปีย่อมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นที่สุด บุคคลมีหน้ามีตาของดินแดนเบื้องบนต่างเข้าร่วมแทบทั้งสิ้น ยามนั้นเจ้ามีฐานะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ และคล้ายว่าจะมีวาสนาได้พบหน้าบิดามารดาเขาอยู่สามสี่ครั้ง ดังนั้นจึงไปร่วมงาน มอบของขวัญวันเกิดให้เขาด้วย”

ในสมองกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังหึ่งๆ รู้สึกว่าแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

“ข้า…ข้ามอบอะไรให้เขา?”

“ได้ยินว่าเป็นกำไลมังกรแก้ววงหนึ่ง”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

ที่แท้กำไลบนข้อมือของตี้ฝูอีก็มีที่มาเช่นนี้!

ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะหลอกลวงเธอบอกว่าเป็นของหมั้นหมายระหว่างเขาและเธอ…

ทำให้เธอนึกไปว่าเขาคือคู่รักตั้งแต่เยาว์ของเธอ…

เหมยเขียวม้าไม้ไผ่บ้านเขาสิ! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอโตกว่าเขามากมิใช่หรือ?! ถึงขั้นที่เป็นผู้อาวุโสของเขาได้ด้วยซ้ำ!

“ข้า…เจ้ารู้ไหมว่าข้าอายุเท่าไหร่? กี่พันปี?”

กู้ซีจิ่วนึกคลางแคลงในอายุขัยของตัวเองขึ้นมาแล้ว

“สองร้อย…”

อวิ๋นเยียนหลีบอกอายุคร่าวๆ ของเธอ นี่ตรงตามที่ตี้ฝูอีบอก

ไม่น่าเชื่อว่าตนจะเลิศล้ำถึงเพียงนี้! เพิ่งอายุกว่าสองร้อยปีก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว…คุณสมบัติเช่นนี้คาดว่าละเมิดสวรรค์แล้วกระมัง?!

“แล้ว…ปีนี้ฝ่าบาทเนี่ยนโม่อายุเท่าใด?”

“ปีนี้น่าจะเจ็ดขวบแล้ว”

“อะไรนะ?! เจ้าลืมพูดเลขศูนย์ไปอีกตัวหรือเปล่า? เจ็ดสิบปีใช่ไหม? เจ้าบอกไว้มิใช่หรือว่าตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนวรยุทธ์ของเขาบรรลุขั้นจินเซียนแล้ว?”

กู้ซีจิ่วแย้งกลับทันที ไม่เชื่อเด็ดขาด!

เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบจะบำเพ็ญถึงขั้นจินเซียนได้อย่างไร?

ที่สำคัญคือ เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบจะเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?!

รูปลักษณ์ของเขามองแล้วยังดูโตกว่าเธอด้วยซ้ำ! เหมือนคนอายุราวยี่สิบปี…

“ซีจิ่ว ไม่ผิดหรอก เขาเป็นบุตรแห่งเทพมาร ร่างกายย่อมแตกต่างกับชาวเซียนธรรมดา ซ้ำยังเป็นยอดอัจฉริยะที่พบเห็นได้ยากยิ่ง อายุเจ็ดขวบฝึกฝนจนบรรลุขั้นจินเซียนแล้วก็ไม่แปลกนะ”

กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าเส้นหนึ่งผ่าลงกลางกบาล เอ่ยโพล่งออกมา

“แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ!”

ซ้ำยังประกอบกิจฉันท์สามีภรรยากับเธอแล้ว…

อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจ

“ซีจิ่ว ข้าบอกแล้วไง เขาแตกต่างกับชาวเซียนทั่วไป เขาเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่สามขวบแล้ว…อะไรกัน? เขาไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้กับเจ้าเลยหรือ?”

กู้ซีจิ่วค่อนข้างงุนงงแล้ว สีหน้าซีดเซียวอย่างยิ่ง

ตี้ฝูอีไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย ถึงขั้นที่ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่กัน…

ไหนเลยจะคาดคิดว่าเขายังเด็กถึงเพียงนี้!

————————————————————————————-

บทที่ 2221 ปลุกความทรงจำ 1

นี่นับเป็นอะไร? แม่เฒ่ากินเด็กหรือ?!

แม้แต่มือไม้ของกู้ซีจิ่วก็เย็นเฉียบแล้ว! เธอไม่คิดว่ายามที่ตนอยู่ดินแดนเบื้องบนจะหมั้นหมายกับเด็กน้อยเจ็ดขวบคนหนึ่ง…

แต่ว่า ตี้ฝูอีกลับบอกว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา…

เธอจิกฝ่ามือตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองสงบสติลง

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ผลเลย! อย่าว่าแต่สงบสติเลย แม้แต่หายใจเธอก็ค่อนข้างลำบากแล้ว หัวใจจมดิ่งลงไปราวจมลงสู่เหวลึกมองไม่เห็นก้นเหว

เธอหลับตาลงนิดๆ สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยถามอีกประโยค

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักฝ่าบาทเนี่ยนโม่ดีพอสมควร เช่นนั้นเขาใช่ว่า…ใช่ว่ายังมีอีกตัวตนหนึ่งหรือไม่? ยกตัวอย่างเช่นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอันใดทำนองนั้น…”

อวิ๋นเยียนหลีเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินนะ ได้ยินเพียงว่ายามที่เขาท่องอยู่ด้านนอกจะเรียกขานตนว่าคุณชายฝูอี อย่างไรก็ตาม ที่ดินแดนเบื้องบนไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามีตำแหน่งทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ที่โลกเบื้องล่างอาจจะมีก็ได้นะ”

เกิดเสียงดัง

‘แคร่ก!’

หินเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่กู้ซีจิ่วหยิบขึ้นมาโดยไม่ใส่ใจถูกเธอบีบจนแตกกระจาย มีสะเก็ดบางส่วนทิ่มฝ่ามือเธอเข้า มีโลหิตซึมออกมา…

อวิ๋นเยียนหลีสะดุ้งโหยง

“เป็นอะไรไหม?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ปาสะเก็ดหินเปื้อนเลือดในมือทิ้ง

“ไม่เป็นไร…”

“เจ้าบาดเจ็บนี่!”

อวิ๋นเยียนหลีคิดจะทำความสะอาดให้เธอ

หัวใจกู้ซีจิ่วสับสนว้าวุ่น ไม่ได้เชื่อคำพูดที่อวิ๋นเยียนหลีบอกเธอไปเสียทั้งหมด ค่อนข้างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งยิ่งนัก

อย่างไรเสียสำหรับตัวเธอในตอนนี้ ก็ไม่รู้จักเขาเลย นับว่าเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก

ถึงแม้คนผู้นี้จะกระตือรือร้นต่อเธอยิ่งนัก คำพูดคำจาบางอย่างก็ค่อนข้างเข้าเค้า

จิตใจมนุษย์ไม่อาจคาดคะเนได้ ใครจะรู้ได้ว่าเขามาหลอกลวงเธอเพราะมีจุดประสงค์อันใดแอบแฝงหรือเปล่า?

เธอจะต้องหาตี้ฝูอีให้เจอแล้วเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ…

กู้ซีจิ่วว้าวุ่นใจยิ่งนัก แต่ยามที่อวิ๋นเยียนหลีกุมมือเธอ เธอยังคงหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ

อวิ๋นเยียนหลีชะงักไปแวบหนึ่ง เงยหน้ามองเธอ

“ซีจิ่ว เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”

แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ ทว่าไม่ปฏิเสธ

“ใช่!”

อวิ๋นเยียนหลีดูคาดไม่ถึงว่าเธอจะซื่อตรงถึงเพียงนี้ ผงะไปเล็กน้อย ยิ้มขื่น

“ก็ถูกแล้ว ถึงอย่างไรยามนี้เจ้าก็ไม่มีความทรงจำในอดีต จดจำเรื่องระหว่างพวกเราไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องห่วงนะ รอได้พบฝ่าบาทเนี่ยนโม่แล้ว พวกเราสามคนประจันหน้ากันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นความจริง”

กู้ซีจิ่วเม้มปาก จัดการบาดแผลที่ฝ่ามือตน ในใจว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม

อวิ๋นเยียนหลีไม่กลัวการเผชิญหน้า หรือว่าทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง?

ไม่สนแล้ว! รอให้เจอตี้ฝูอีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

อวิ่นเยียนหลีลุกขึ้นมา

“พวกเราไปกันเถอะ!”

กู้ซีจิ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองชั่วขณะ

“ไป?”

“เจ้าจะไปหาเขามิใช่หรือ? ข้าจะไปหากับเจ้าด้วย! มีของใช้ส่วนตัวของเขาไหม?”

“มี!”

กู้ซีจิ่วหยิบแถบแพรผูกผมเส้นหนึ่งที่ตี้ฝูอีเคยใช้ออกมา

แพรผูกผมเส้นนี้ตี้ฝูอีลืมไว้บนเตียงของเธอเมื่อคืนนี้ เนื่องจากต่อมาแยกห้องกัน เธอจึงเก็บมาด้วย นึกไม่ถึงว่ายามนี้จะได้เอามาใช้ประโยชน์

บนแพรมีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้ละม้ายสมุนไพรจากร่างของตี้ฝูอีอยู่จางๆ อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่รอช้า ใช้เข็มแทงนิ้วทันที ใช้โลหิตเป็นสื่อ วาดยันต์อาคม จากนั้นก็พับให้เป็นรูปผีเสื้อ ดีดนิ้วคราหนึ่ง ผีเสื้อตัวนั้นพลันมีชีวิตขึ้นมา

ขยับปีกคราหนึ่ง เกาะนิ่งอยู่เหนือแถบแพรเส้นนั้น

จากนั้นก็บินขึ้นมา วนเวียนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่ง จากนั้นบินไปยังทิศทางหนึ่ง

เมื่อมองไปยังทิศทางที่โผบินแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นทางกลับเมือง…

กู้ซีจิ่วตะลึง

หรือว่าเขาจะกลับเมืองแล้ว?!

ไวขนาดนี้เชียว! เพิ่งผ่านไปวันเดียวเอง…

แต่ทำไมเขาถึงไม่รับยันต์ถ่ายทอดเสียงล่ะ?

กู้ซีจิ่วทะยานตามผีเสื้อโลหิตตัวนั้นไป พลางหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาติดต่อหาอีกครั้ง

ผลคือยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเช่นเดิม

————————————————–