บทที่ 2222+2223

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2222 ปลุกความทรงจำ 2

หรือว่ายังไม่ได้เข้าเมือง เพียงแต่เขาอยู่ทางนั้นก็เท่านั้น?

….

เนื่องจากไม่มั่นใจว่าที่แท้แล้วตี้ฝูอีกลับเข้าเมืองหรือยัง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้ ทำได้เพียงติดตามผีเสื้อโลหิตตัวนั้นไป…

ตอนนี้ดึกดื่นแล้ว พงไพรยามรัตติกาลอันตรายอย่างยิ่ง สัตว์สารพัดชนิดคลุ้มคลั่งวิ่งพล่านไปทั่ว บางครั้งก็ไม่รู้ว่าผุดออกมาจากซอกหลืบรูใดพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างกะทันหัน

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า คืนนี้สัตว์ร้ายมากมายเป็นพิเศษ ดุร้ายเป็นพิเศษ ดวงตาแดงฉานเป็นพิเศษ แต่ละตัวพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาเสมือนบ้าคลั่งไปแล้ว

โชคดีที่วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วและอวิ๋นเยียนหลีล้วนยอดเยี่ยมทั้งคู่ ถึงแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ต้องชะลอการเดินทางลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็นับว่ากู้ซีจิ่วได้เห็นวรยุทธ์ที่แท้จริงของอวิ๋นเยียนหลีผู้นี้แล้ว วิชากระบี่ล้ำเลิศยิ่ง จุดด้อยเพียงข้อเดียวคือลงมือไม่เหี้ยมหาญพอ

คล้ายว่าเขาจะไม่เต็มใจเข่นฆ่าสังหารมากนัก ดังนั้นยามที่ถูกสัตว์ร้ายไล่ล่า ขอเพียงไม่คุกคามถึงชีวิตของเขาเข้าจริงๆ เขาก็จะไม่ลงมือสังหาร ส่วนมากทำให้ศัตรูสลบเหมือดไปก็นับว่าจบแล้ว…

กู้ซีจิ่วตวัดกระบี่คราหนึ่งทำให้งูเหลือมนิลตัวหนึ่งกระเด็นออกไป งูเหลือมตัวนี้ดุร้ายอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ต่อสู้อยู่กับอวิ๋นเยียนหลีมันเห็นว่าสู้เขาไม่ได้ จึงแกล้งสลบไป

และฉวยโอกาสยามที่อวิ๋นเยียนหลีต่อสู้อยู่กับกับวานรนิลตัวหนึ่ง พุ่งออกมาก่อปัญหาอีกครั้ง!

หากมิใช่กู้ซีจิ่วตาไว ออกกระบี่นี้ เกรงว่าอวิ๋นเยียนหลีคงถูกงูหลือมนิลตัวนี้กัดเข้าแล้ว

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองอวิ๋นเยียนหลีแวบหนึ่ง อวิ๋นเยียนหลีค่อนข้างประทับใจ กล่าวขอบคุณก่อนคราหนึ่ง ถึงได้ทอดถอนใจแล้วเอ่ยว่า

“สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียมกัน สัตว์ร้ายเหล่านี้เหมือนจะถูกจันทราชั่วร้ายนี้ควบคุมถึงได้บ้าคลั่งเช่นนี้ ข้าหักใจประหัตชีวิตของพวกมันไม่ลงจริงๆ…”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เธอซัดกระบี่ใส่วานรกลายพันธุ์ตัวหนึ่งที่แยกเขี้ยวกางเล็บกระโจนเข้ามา อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

คุณชายอวิ๋นเยียนหลีผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นคนสุภาพอ่อนโยนเท่านั้น จิตใจก็ยังดีงามถึงเพียงนี้…

มิเสียทีที่เป็นเซียนจากดินแดนเบื้องบน!

หรือว่าตอนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนตนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน?

กู้ซีจิ่วเหลือบมองซากสัตว์ที่ถูกเธอสังหารจนเกลื่อนพื้นแวบหนึ่ง ละอายอยู่บ้าง

นับตั้งแต่เธอลืมตาขึ้นบนโลกนี้ก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดแล้ว ต่อสู้กับสัตว์ร้ายสารพัดชนิด หัวใจถูกหล่อหลอมจนแกร่งกว่าเหล็กแล้ว ยามที่เข่นฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านี้เธอไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เธอราวกับหญิงขายเนื้อก็มิปาน…

ตี้ฝูอีกลับไม่ได้รับการหล่อหลอมจากโลกใบนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงยามจำเป็น เขายังลงมือได้เหี้ยมหาญกว่าเธอด้วยซ้ำ เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดจนทำให้เธอตกตะลึง!

ตี้ฝูอีอายุแค่เจ็ดขวบจริงๆ หรือ?

กู้ซีจิ่วรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่ตลอดเวลา

ต่อให้เขาเป็นบุตรแห่งเทพมาร สามขวบก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ประสบการณ์ของเขาน่าจะไม่โชกโชนเท่าไหร่กระมัง? เหตุใดความคิดจิตใจของเขาถึงเหมือนปาท่องโก๋แก่ที่คร่ำหวอดในยุทธภพมานานแล้วเล่า?

เธอใจลอยไปเล็กน้อย…

“ซีจิ่ว ระวัง!”

จู่ๆ อวิ๋นเยียนหลีก็พุ่งมากระชากเธออย่างแรง! ดึงเข้าสู่อ้อมแขน ร่างกายพลิกหมุนในทันใด…

กรงเล็บคมกริบสีดำข้างหนึ่งที่เดิมทีพุ่งพรวดเข้าใส่กู้ซีจิ่ว ผลคือไม่โดนตัวกู้ซีจิ่ว กลับเจาะเข้าไปในแผ่นหลัง     ของอวิ๋นเยียนหลี…

หากว่าโดนกรงเล็บนี้เจาะทะลวงเข้าจริงๆ กระดูกสันหลังของอวิ๋นเยียนหลีต้องหักแน่นอน ดีไม่ดีอวัยวะภายในอาจถูกกรงเล็บสีดำนั้นควานออกมาด้วย!

โชคดีที่กู้ซีจิ่วตอบสนองได้ทันกาล พาอวิ๋นเยียนหลีใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที หลบหนีกรงเล็บสีดำนั้น เคลื่อนย้ายไปโผล่ในจุดที่ห่างออกไปสามลี้

ถึงกระนั้น เสื้อผ้าด้านหลังของอวิ๋นเยียนหลีก็ยังถูกกรงเล็บสีดำนั้นเกี่ยวจนขาด บนหลังปรากฏบาดแผลลึกสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เลือดสดๆ ไหลหยดลงบนพื้น

“เจ้าอยากตายหรือไง?!”

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะตำหนิ

“ซีจิ่ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าบาดเจ็บเด็ดขาด!”

เสียงของอวิ๋นเยียนหลีไม่ดังแต่หนักแน่นยิ่ง

————————————————————————————-

บทที่ 2223 ปลุกความทรงจำ 3

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกพิษแล้ว ดวงหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีซีดเผือดอยู่แล้วยามนี้เริ่มเขียวจางๆ ริมฝีปากเริ่มคล้ำแล้ว

กู้ซีจิ่วพลันอบอุ่นใจนิดๆ หยิบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมาป้อนใส่ปากเขา

“กินเข้าไป!”

อวิ๋นเยียนหลีกลืนยาเม็ดนั้นเข้าไปโดยไม่กะพริบตา ถึงขั้นที่ไม่มองยานั้นสักแวบเลยด้วยซ้ำ เขาเชื่อใจเธอจริงๆ!

กู้ซีจิ่วละอายใจนิดๆ อวิ๋นเยียนหลีผู้นี้เชื่อถือตนถึงเพียงนี้ แต่เธอกลับระแวงเขาอยู่ตลอด…ยาที่เธอมอบให้เขาเป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีมอบให้เธอ ขจัดพิษได้นับร้อยชนิด ซ้ำยังเห็นผลชะงัดนักผ่านไปเพียงไม่กี่นาที พิษในตัวอวิ๋นเยียนหลีก็คลายแล้ว สถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้คือซอกเขาแห่งหนึ่ง ที่นี่นับว่าเงียบสงบเช่นกัน ไม่มีสัตว์บุกเข้ามาชั่วขณะ ถึงแม้จะขจัดพิษบนร่างอวิ๋นเยียนหลีไปแล้ว แต่โลหิตที่บาดแผลนั้นยังไหลไม่หยุด ต้องทำแผลเสียก่อน

บาดแผลอยู่บนหลัง เขาย่อมทำแผลให้ตัวเองไม่ได้ กู้ซีจิ่วมองแวบหนึ่ง ให้เขาถอดเสื้อออก เธอจะทำแผลให้เขา

อวิ๋นเยียนหลีขัดเขินอยู่บ้าง

“นี่…ถ้าต้องถอดเสื้อ ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าเสื่อมเสีย”

กู้ซีจิ่วหงุดหงิดแล้ว

“แค่ทำแผลเท่านั้น ถอด!”

บาดแผลของอวิ๋นเยียนหลีค่อนอยู่ใต้ไหล่ซ้าย เขาทำได้เพียงถอดเสื้อออกให้หมดทั้งชั้นนอกชั้นใน คล้องเอาไว้หลวมๆ เผยแผ่นหลังเปลือยเปล่าออกมา

อวิ๋นเยียนหลีเป็นบุรุษรูปงาม หน้าจรดหลังล้วนงดงามหมดจด

แต่ส่วนที่งดงามที่สุดของเขาก็คือแผ่นหลัง ลายกล้ามเรียบเนียน ผอมบางทว่าหนั่นแน่น ผิวพรรณกระจ่างดั่งหยก

เขานิสัยหัวโบราณ แม้แต่อาภรณ์ที่สวมใส่ก็มีกลิ่นอายการละซึ่งกิเลสโลกีย์เช่นกัน น้อยมากที่จะมีใครได้เห็นเรือนร่างเขา แต่พอได้เห็นแล้ว ล้วนจะหลงใหลในแผ่นหลังของเขา ถึงขั้นที่มีบางคนคลั่งไคล้ในสิ่งนี้ เต็มใจทำนู่นทำนี่เพื่อเขา…

อาภรณ์เปลื้องลงไปช้าๆ แผ่นหลังเรียบเนียนเผยออกมาทีละชุ่นๆ ถึงแม้อวิ๋นเยียนหลีจะมองไม่เห็นสีหน้าของกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านหลัง แต่ก็คล้ายว่าจะได้เห็นสายตาลุ่มหลงของนาง…

เขาสูงศักดิ์มาตั้งแต่กำเนิด ต่อให้เป็นท่าเปลื้องผ้าก็ทำได้สง่างามอย่างยิ่ง มีท่วงท่าของนายแบบมืออาชีพยิ่งนัก

“รีบหน่อย! พวกเราอยู่ในช่วงเร่งด่วนนะ ทำไมเจ้าถึงถอดเสื้อผ้าช้าขนาดนี้?”

สุ้มเสียงของกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านหลังดูหงุดหงิดอยู่บ้าง อวิ๋นเยียนหลีผงะเล็กน้อย เขาผิดหวังยิ่งนักที่ดวงตาอันทรงเสน่ห์กลับมืดบอดเสียได้ ในที่สุดการเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วขึ้นมาก เผยบาดแผลบนแผ่นหลังออกมาแล้ว

ปากแผลนั้นลึกยิ่ง อ้ากว้างเท่าปากเด็ก ถึงแม้จะสกัดจุดรอบๆ ไปแล้ว แต่ยังคงมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง

‘บาดแผลนี้ลึกเกินไปแล้ว สมควรต้องเย็บแผลสักหน่อย’

สิ่งที่แวบขึ้นมาพร้อมกับความคิดนี้ยังมีขั้นตอนเฉพาะยามที่เย็บแผลด้วย นิ้วมือของเธอขยับยักย้ายไปมาสองสามครา เข็มที่สอดด้ายไว้แล้วปรากฏขึ้นมา

เมือเห็นสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือ ตัวเธอก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรที่แดนอสุราแห่งนี้ ถึงได้รับบาดเจ็บหนักเพียงใดก็ไม่มีการเย็บแผล ส่วนใหญ่จะใช้ยาพอกแผลเอา…

เมื่อก่อนเธอมีทักษะเช่นนี้ด้วยกระมัง? ยามนี้ไม่เหมาะให้ใคร่ครวญดูอย่างละเอียด ดังนั้นความคิดนี้ผ่านเข้ามาในสมองเธอเพียงแวบเดียว ก็จากไปแล้ว

“เจ้าอดทนหน่อยนะ ข้าจะเย็บแผลให้เจ้า”

“…ได้!”

ไม่มียาชา ปลายเข็มแหลมคมทิ่มผ่านเนื้อหนังย่อมเจ็บปวดยิ่งนัก หน้าผากอวิ๋นเยียนหลีมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดพราย ทว่าฝืนทนไว้

ท้องนิ้วก้อยของเธอยังสากอยู่บ้าง ยามที่ปัดผ่านผิวเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะนำความกระสันซ่านมาให้เขาด้วย ทำให้เขาแทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดไปเลย

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ลุ่มหลงในแผ่นหลังของเขาเลย ความเร็วในการเดินเข็มคล่องแคล่วว่องไว ไม่มีความลังเลเลยสักนิด

แน่นอน นางไม่ได้ถามเลยว่าเขาเจ็บไหม… สายตาของอวิ๋นเยียนหลีมืดมนลงเล็กน้อย เหงื่อบนร่างเขาผุดออกมาเรื่อยๆ ไหลหยดลงไปปานไข่มุก

———————————-