บทที่ 356 ใครหึงกัน

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 356

ใครหึงกัน

เสี่ยวหงกัดฟันแน่นและจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายดุดัน เธอจะไม่กังวลได้ยังไง?! นั่นผู้ชายที่เธอชอบนะ แต่เขาไม่แม้จะชายตามามองเธอเลยด้วยซ้ำ

เธอเพียงแค่รู้ชื่อเขาจากองค์หหญิงว่าชื่อ เฟิงจือหลิง

ช่างเพราะเหลือเกิน แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวได้แล้ว แต่ทำไมเขาถึงใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นขนาดนั้น แต่ผู้หญิงคนนี้ก็สวยมากจริงๆ

สายตาของเสี่ยวหงแวบประกายเย็นชา เธอจะต้องให้องค์หญิงช่วยจัดการผู้หญิงคนนี้ให้ได้

เมื่อมองไปที่ท่าทางของผู้หญิงคนนี้ นางนี่ช่างไม่อายสายตาคนอื่นบ้างเลย นางต้องไม่ใช่ผู้หญิงดีแน่ๆ บางทีนางอาจจะมาจากที่อื่น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้สวยขนาดนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเสี่ยวหงก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่โรแมนติกจริงๆ

ถ้าเป็นเธอ เธอเองก็คงยอมรับด้วยความเต็มใจ

เสี่ยวหงสูดหายใจเข้าลึกๆและถือว่าเฟิงจือหลิงเป็นผู้ชายของเธอแล้ว

มู่หรงเป็นคนที่ความรู้สึกไวจึงรับรู้ได้ถึงผู้หญิงฝั่งตรงข้ามสองคนที่กำลังจ้องมาที่เธออยู่

ในหัวใจ เธออดที่จะรู้สึกกดดันขึ้นมาอีกไม่ได้!

“จำได้ไหมว่าวันนี้เราเจอกันด้วย? อีกอย่างวันนี้ข้าเองก็หยาบคายไปหน่อยด้วย” องค์หญิงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม พยายามที่จะหาเรื่องคุย

“เกี๊ยวหยกนี่ก็อร่อยมากเลยนะ กันเยอะๆนะ” เฟิงจือหลิงไม่สนใจคำพูดเมื่อกี้ขององค์หญิง

เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพูดกับเขาอยู่

มุมปากขององค์หญิงเบ้เล็กน้อย “ว่าไงล่ะ?”

เวลาผ่านไปสักพักแต่ก็ยังไม่ได้ยินคำตอบรับ สายตาขององค์หญิงจริงแวบประกายเย็นชาขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยเห็นเหตุการณ์จึงหัวเราะออกมา

ตอนนี้สีหน้าขององค์หญิงเครียดขึ้นไปอีก

“เฟิงจือหลิง ไม่ได้ยินหรือไง? บ้าจริง ไม่เห็นเหรอว่าองค์หญิงกำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ ตรงนี้ก็มีผู้หญิงคนอื่นนั่งอยู่ด้วยเหมือนกันนะ”

จำไว้นะว่านางกล้าที่จะหัวเราะเยาะเธอแบบนี้ กลับไปเธอจะต้องตอบแทนให้อย่างสาสมเลย

องค์จักรพรรดิสั่งเธอไว้ว่าอย่าทำให้ท่านลอร์ดของเมืองไม่พอใจแต่ไม่ได้บอกว่าห้ามยุ่งกับคนในบ้านของท่านลอร์ดนิ

“มีอะไร?” เฟิงจือหลิงเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่องค์หญิงที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นสายตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที

“ท่านมาจากไหนกันเหรอ?” องค์หญิงไม่สนใจสายตาของเขาและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

หลินหยางที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเฝ้ามองทั้งหมดนี้อย่างสนใจ

ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจจริงๆ องค์หญิงต้องการอะไรกันแน่? หรือนางจะหลงเสน่ห์พี่เฟิงเข้าให้แล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินหยางก็แอบชำเลืองตาไปมอง มู่หรงเสวี่ยอย่างระวัง

สายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ทำให้มู่หรงมองอย่างไม่พอใจ ทันใดนั้นเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะก็เตะไปที่หลินหยางเข้าอย่างจัง

“โอ๊ย!” หลินหยางสูดหายใจ

นังผู้หญิงใจมาร! บ้าจริง แค้นนี้ต้องชำระ

หวังซื่อไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นหรอก ตราบใดที่พวกนางไม่มาสนใจพี่หลินของเธอ ผู้หญิงทุกคนจะต้องหลบไปให้พ้นทางเธอ

เฟิงจือหลิงมองไปที่องค์หญิงด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดออกมา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยล่ะ?” หลังจากนั้นเขาก็หันมาค่อยๆเช็ดมุมปากให้มู่หรงอย่างระวัง

เธอไม่เคยถูกใครเมินและไม่เคยโกรธใครเท่าคนที่อยู่ตรงหน้ามาก่อนเลย

“นายท่าน เอาเป็นว่าเรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม?” องค์หญิงยังไม่ยอมแพ้

“ไม่จำเป็น!” เขาไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ

องค์หญิงโกรธมากจนเธอถึงกับต้องหันกลับไปมองที่หลินหยางที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ “เพราะคนในบ้านของท่านลอร์ดแห่งเมืองมีแต่คนมากความสามารถจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะขวางโลกและอวดดีแบบนี้” ในน้ำเสียงมีความประชดประชันออกมาด้วย

“พี่เฟิงไม่ใช่คนของบ้านข้า เขาเป็นเพียงเพื่อนข้าที่มาค้างด้วยสองวัน” หลินหยางพูดเสียงเรียบแต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอเล่นผิดคนซะแล้ว

ไม่ใช่คนของบ้านท่านลอร์ดงั้นเหรอ?! เป็นไปได้ยังไง?

องค์หญิงแวบความคิดมากมายขึ้นมาในหัว คิดพิจารณาถึงตัวตนของเฟิงจือหลิง แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออกซะที แต่คนท่าทางแบบเฟิงจือหลิงไม่น่าที่จะหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลยนินา อีกอย่างท่านลอร์ดก็ให้เกียรติเขามากด้วย เฟิงจือหลิงเป็นใครกันแน่นะ? เขาถึงขนาดกล้าที่จะตอกหน้าเธอตรงๆด้วยซ้ำ

องค์หญิงไม่ไช่คนโง่ แน่นอนว่าเธอไม่ทำอะไรผลีผลาม

เสี่ยวหงที่อยู่อีกด้านเห็นได้อย่างชัดเจนและรู้สึกเป็นกังวล ทำไมองค์หญิงถึงยังไม่พูดเรื่องแต่งงานอีกล่ะ?! ถึงแม้ เสี่ยวหงจะเป็นคนที่โด่งดังอยู่สักหน่อยแต่เธอก็ไม่ค่อยที่จะสงบนิ่งเท่ากับองค์หญิง

เธออดไม่ได้ที่จะดึงไปที่แขนเสื้อขององค์หญิงเบาๆ การกระทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมากซึ่งพอจะนึกภาพได้เลยว่าองค์หญิงจะรู้สึกเสียหน้ามากแค่ไหน

องค์หญิงเงยหน้าขึ้นมามอง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไม่พอใจเสี่ยวหง ทำไมถึงเป็นคนที่โง่ขนาดนี้นะ?! เธอมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชา

หัวใจของเสี่ยวหงสะท้านขึ้นมาทันที เธอรีบปล่อยมือ นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงมองเธอด้วยสายตาแบบนี้

เธอรีบลงไปคุกเข่า ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย พร้อมทั้งอยู่ในท่าที่เงียบสงบ

“ลุกขึ้น” องค์หญิงพูดเสียงเบา

“ท่านลอร์ด ข้าไม่ทราบว่าเพื่อนของท่านแต่งงานหรือยัง?” องค์หญิงถามออกมาเสียงเรียบ

หลินหยางสนใจขึ้นมาทันที ฮ่าฮ่าฮ่า มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ หรือว่าองค์หญิงจะชอบพี่เฟิงเข้าแล้วจริงๆ?

ทันทีที่คำถามนี้ดังออกมา ขนาดเฟิงจือหลิงและ มู่หรงเสวี่ยเองก็ยังมองมาที่องค์หญิงด้วย

“ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้มีความหมายอื่นใด เพียงแค่ว่าหน้าตาที่หล่อเหลาแบบท่านนี้คงจะได้ใจของสาวสวยมากมายแน่ๆ” องค์หญิงพูดออกมาเสียงเรียบ แล้วจึงหันมามองเสี่ยวหงที่อยู่ข้างๆแล้วพูดต่อ “ข้ามีสาวใช้คนสนิท นางเป็นสาวใช้อันดับหนึ่งที่ร่ำเรียนเรื่องบทกลอนและเสียงเพลงมากมาย วันนี้บังเอิญได้เจอท่านและรู้สึกว่าเหมาะสม เอาเป็นว่าข้าขอยกนางให้ท่านดีไหม?”

เสี่ยวหงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที สิ่งที่องค์หญิงพูดออกไป เขาจะคิดยังไงกับเธอนะ?!

ถึงแม้เธอจะเพิ่งเคยเจอคนทั้งสามแต่ก็พูดออกไปตรงๆว่าเธออยากจะยกนางให้กับเขา องค์หญิงพูดออกไปโดยที่คิดพิจารณาแล้ว

ผู้ชายน่ะเหรอ?! ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไงที่จะมีภรรยาสามคนและสนมอีกสี่?!

อีกอย่าง ก็แค่ได้ผู้หญิงสวยเพิ่มมาอีกคน จะมีอะไรให้ต้องเสีย มีสาวสวยมาคอยดูแลเป็นเรื่องดีจะตาย

น่าเสียดายที่เฟิงจือหลิงไม่ใช่ผู้ทั่วไป เขารีบมองไปที่ มู่หรงทันที “มู่เทียน ข้าไม่เอานะ ผู้หญิงคนอื่นต่างก็น่ารังเกียจ ข้าไม่แตะต้องหรอก”

มู่หรงมองไปที่เขา เธอไม่เคยสงสัยในตัวเฟิงจือหลิงเลย เธอรู้ดีว่าเฟิงจือหลิงเป็นคนแบบไหน แล้วจึงมองไปที่ปฏิกิริยาของสาวใช้ที่อยู่ตรงข้าม เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชอบเฟิงจือหลิงของเธอ

น่ารังเกียจงั้นเหรอ?!

เสี่ยวหงนึกถึงคำพูดของเฟิงจือหลิงในหัวแล้วสีหน้าก็ซีดเผือดทันที สีหน้าขององค์หญิงเองก็ไม่สู้ดีเท่าไรเหมือนกัน ที่ เฟิงจือหลิงพูดออกมามันหมายความว่ายังไง?!

“ท่านเฟิงพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ท่านทำลายเกียรติของสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แบบนี้ท่านจะอธิบายยังไง ไม่งั้นนางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงกัน?” องค์หญิงพูดออกมาอย่างเย็นชา

“ท่านลอร์ดเองก็เหมือนกัน ท่านบอกเองนิว่าเขาเป็นแขกของท่าน ท่านเป็นลอร์ดของเมืองก็น่าที่จะให้ความยุติธรรมหน่อยหรือเปล่า?” องค์หญิงพูดต่อ

เธอไม่เข้าใจเลย ก็แค่ผู้หญิงเพิ่มมาอีกแค่คนเดียวเอง จำเป็นต้องฉีกหน้าเธอด้วยงั้นเหรอ?!

เสี่ยวหงถึงกับน้ำตาร่วง

ใบหน้าเล็กที่อ่อนหวานกลายเป็นดูน่าสงสารขึ้นมาทันที ทำให้ยิ่งดูอ่อนแอมากขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจจะมองเลย!

“ถ้าอยู่ไม่ได้งั้นก็ตายซะ!” เฟิงจือหลิงพูดออกมาอย่างเย็นชาจนขนาดองค์หญิงเองก็ยังสำลักและตัวสั่นด้วยความโกรธ

“ท่านลอร์ด ท่านจะว่ายังไง?” องค์หญิงฉลาด ตอนนี้เธอไม่มองเฟิงจือหลิงแล้ว เขามันหัวรั้น ดื้อด้าน

“เรื่องนี้เหรอ?” หลินหยางขมวดคิ้ว

ทุกสายตาต่างก็หันมาที่เขาทันที

มู่หรงเสวี่ยจ้องมาที่เขาด้วยสายตาดุดัน สีหน้าของ เฟิงจือหลิงยังนิ่งสงบแต่ใต้โต๊ะกลับจับมือมู่หรงอยู่เงียบๆ

ในชีวิตนี้เขาต้องการเธอเพียงคนเดียว

“มันเป็นเรื่องของพี่เฟิง ข้าทำอะไรไม่ได้หรอก” หลังจากพูดจบหลินหยางก็ถอนหายใจออกมา

เมื่อเขาพูดจบองค์หญิงก็ลุกขึ้น สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วเดินออกไป

เสี่ยวหงมองไปที่เฟิงจือหลิงแล้วจึงรีบเดินตามออกไป

มู่หรงหันมามองที่เฟิงจือหลิง “เห็นไหม เจ้าทำให้สาวงามโกรธเลยนะ!”

สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ถ้าไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ เขาก็คงจะแนบชิดเธออย่างลึกซึ้งไปแล้วแน่ๆ

“มู่เทียน ข้ารักเพียงแค่เจ้านะ” ดังนั้นเขาจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นอีก

“ข้าอยากจะบ้าตาย ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลินหยางตบไปที่โต๊ะพร้อมหัวเราะเสียงดัง

มู่หรงหยิบถ้วยน้ำบนโต๊ะและสาดไป!

“บ้าเอ๊ย เจ้านี่เป็นผู้หญิงที่เหลือเกินจริงๆ!” หลินหยางหยุดหัวเราะและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มู่หรงเผยรอยยิ้มแสยะ “ข้าว่าสติเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไรเลยว่าจะช่วยดึงสติให้น่ะ”

“พี่หลินเป็นอะไรหรือเปล่า? ” หวังซื่อรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำที่หน้าของหลินหยาง

“ถ้าเจ้าหึงก็อย่าเอามาลงที่คนอื่นสิ!” หลินหยางพูด

“ใครหึงกัน?” มู่หรงเสวี่ยหน้าแดงระเรื่อไปด้วยความโกรธ

สายตาของเฟิงจือหลิงเต็มไปด้วยความรักใคร่ ในตอนนี้มู่หรงยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

มู่หรงสะบัดมือออกจากเฟิงจือหลิง “ข้าไม่อยากกินแล้ว!” แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไป

เสี่ยวฉิงเองก็ลุกขึ้นด้วยแต่หลินหยางห้ามเธอไว้ก่อน “คนมีคู่เขาทะเลาะกัน เจ้าตามไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ นั่งลงแล้วกินต่อเถอะ”

เสี่ยวฉิงนิ่ง แต่เมื่อมองไปที่เฟิงจือหลิงที่วิ่งตามนางไป เธอจึงนั่งลงอย่างใจเย็น

“มู่เทียน เจ้าโกรธมากเลยงั้นเหรอ?”

“อืม!” มู่หรงเสวี่ยพ่นลมออกมาหลายครั้งพร้อมทั้งเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก

“มู่เทียน ข้ารักเจ้านะ จะมีเพียงแค่เจ้าไปตลอดชีวิต” เฟิงจือหลิงรีบตามมาพร้อมทั้งพูดด้วยความกังวล

“อย่าโกรธเลยนะ” เฟิงจือหลิงพูดออกมาด้วยความอ่อนโยน

อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยไม่ได้โกรธหรอก เธอเพียงแค่รู้สึกอาย

“ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว พูดบ่อยๆไม่อายบ้างเหรอ!” มู่หรงมองเขาตาขวาง

ริมฝีปากบางของเฟิงจือหลิงยกขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะกอดไปที่มู่หรงอันเป็นที่รักอยู่ตรงหน้า “มู่เทียน ข้ารักเจ้า”

มู่หรงพูดออกมาอย่างเขินๆ “ข้าบอกว่ารู้แล้วไง ไม่ต้องพูดบ่อยๆก็ได้ น่าอายจะตาย”

ท่าทางเขินอายของเธอทำให้หัวใจเขาพองโต และตรงเข้าจู่โจมริมฝีปากบางซึ่งดึงดูดสายตามากมาย

มู่หรงเสวี่ยตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง “โอ๊ย นี่มันข้างนอกนะ”