บทที่ 355 หัวใจของสาวใช้องค์หญิง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 355

หัวใจของสาวใช้องค์หญิง

“โอ้ พวกเจ้าสองคน…” หลินหยางเลิกคิ้วและมองไปที่มือของเฟิงจือหลิง

เฟิงจือหลิงและมู่หรงเสวี่ยมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม

หวังซื่อเองก็สังเกตท่าทางของหลินหยาง หลังจากที่เห็นว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจอะไร สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม

มู่หรงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในหัวใจก็รู้สึกเข้าใจความรู้สึกของหวังซื่อและก็รู้ด้วยว่าทำไมนางถึงปฏิบัติกับเธอแบบนั้นก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหลินหยางไม่ได้ชอบนาง แล้วทำไมเธอต้องชอบด้วยล่ะ

โชคดีที่หลินหยางไม่ใช่ผู้ชายปลิ้นปล้อน ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาบอกหวังซื่ออย่างชัดเจน

“ไม่ต้องมาล้อพวกเราเลย อีกอย่างนะต่อไปเจ้าไม่ต้องเอาเทคนิคอะไรมาสอนเด็กน้อยนี่เลยนะ” มู่หรงมองไปที่เขาพร้อมพูดออกมาเสียงเรียบ

“พี่เฟิง เจ้าควรจะทิ้งผู้หญิงคนนี้ดีกว่านะ” หลินหยางพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่ล่ะ ข้าจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิต” เฟิงจือหลิงพูดอย่างมั่นใจ

“น่าเศร้าจริงๆ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว เจ้าสมควรที่จะถูกนางซ้อมไปจนตาย” หลินหยางพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจเท่าไร

“เอาละ เลิกคุยกันได้แล้วข้าจะไปที่ห้องวิจัย พวกเจ้าก็ทำอะไรที่อยากจะทำกันแล้วกัน” มู่หรงพูด

เสี่ยวฉิงเดินกลับไปที่วิลล่า ห้องวิจัยไม่ใช่ที่ที่สาวใช้จะเข้าไปได้

ถึงแม้เฟิงจือหลิงจะไม่อยากที่จะแยกจากเธอ แต่เขาก็เข้าใจว่ามู่เทียนอยากที่จะไปจากที่นี่มากแค่ไหน

“ข้าจะไปที่หอหวู่เต้าแล้วกัน” เฟิงจือหลิงพูด

หอหวู่เต้าคือสถานที่ที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพิเศษถูกฝึกกัน อยู่ที่นั่นเขาจะช่วยอะไรได้มากกว่า

“เดี๋ยวมู่หรง ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” ของล็อตแรกจะถูกเอามาใช้เพื่อตรวจสอบและเขาเองก็อยากที่จะไปดูด้วย

หวังซื่อเดินตามไปด้วยโดยไม่พูดอะไร

“ไม่ต้องตามข้ามา เจ้ากลับไปหาพี่ชายเจ้าเลย” หลินหยางหยุดก้าวเดินของหวังซื่อและพูดออกมา

หวังซื่อกัดริมฝีปาก ถึงแม้เธออยากที่จะตามไปด้วยแต่เธอก็กลัวว่าพี่หลินจะโกรธด้วยเหมือนกันจนถึงขนาดไล่เธอออกมาเหมือนกับคราวที่แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรและเฝ้ามองพี่หลินเดินจากไป แต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกโล่งใจที่ มู่หรงเสวี่ยคบกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว ตอนนี้เธอโล่งใจเรื่องมู่หรงเสวี่ยมากแล้ว

เมื่อเฟิงจือหลิงเดินมาถึงถนน ทันใดนั้นเขาก็เจอเข้ากับคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอเท่าไร

เขาเดินอ้อมไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง

“หยุด” ร่างขององค์หญิงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ข้างทาง

สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังนางร้องเรียกออกมา เฟิงจือหลิงไม่ได้หันหัวกลับมาแต่กลับรีบเดินต่อไปข้างหน้า

เสี่ยวหงเป็นสาวใช้คนโปรดที่อยู่ข้างกายองค์หญิงเสมอ ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครเมินเธอแบบนี้มาก่อน

เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากจนถึงขนาดรีบเดินไปขวางหน้าเฟิงจือหลิงทันที มือเธอกางออกเพื่อกั้นร่างของเขาไว้

“ข้าเรียก…” เจ้าก็ต้องหยุด ไม่ได้ยินข้าหรือไง?! เธอยังพูดสิ่งที่ต้องการไม่จบ เสี่ยวหงก็ต้องถึงกับตะลึง เมื่อกี้เฟิงจือหลิงเดินอ้อมเธอไป แถมเขายังรีบเดินเร็วขึ้นอีก ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ทันได้มองหน้ากันชัดๆเลยด้วยซ้ำ เธอไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจออะไรแบบนี้

ใบหน้าที่หล่อเหลา ทรงเสน่ห์ผสมเข้ากับนิสัยที่สง่างามและสดใสที่ดูเป็นเอกลักษณ์ซึ่งรวมแล้วเป็นผู้ชายที่ทรงเสน่ห์มาก

สีหน้าของเสี่ยวหงดูแห้งไปทันทีด้วยความอาย แม้แต่สายตาของเธอก็ดูสับสนเล็กน้อยแต่จังหวะหัวใจเธอกลับเต้นรัวอย่างไม่น่าเชื่อ

นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเธอรู้สึกถึงความรัก

เฟิงจือหลิงมองด้วยสายตาเย็นชาไปยังสาวใช้ร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า “ออกไปให้พ้นทาง” น้ำเสียงเย็นชาทำให้เสี่ยวหงได้สติขึ้นมาทันที เธอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังคิดเมื่อกี้แล้วจู่ๆก็รู้สึกอับอายขึ้นมาทันที

“นายท่าน ท่านเป็นแขกของตระกูลนี้งั้นเหรอ?” เขาจะต้องเป็นคนที่มากความสามารถแน่ๆ

“หลบไปให้พ้นทาง” เฟิงจือหลิงขมวดคิ้ว เขาเกลียดผู้หญิงที่บอบบางพวกนี้ แน่นอนว่ายกเว้นน้องสาวตัวน้อยของเขา

สีหน้าของเสี่ยวหงกลายเป็นซีดเผือดทันที เธอเห็นสายตาที่รังเกียจของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

คงจะเป็นเพราะน้ำเสียงที่แข็งกระด้างของเธอแน่ๆที่ทำให้เขาไม่พอใจ

“เสี่ยวหง” องค์หญิงเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวหงหายออกมานาน เธอจึงค่อยๆเดินมาดูว่าอะไรที่ทำให้เสี่ยวหงกล้าที่จะหายออกมานานขนาดนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อองค์หญิงเห็นหน้าตาของเฟิงจือหลิง เธอเองก็แวบประกายประหลาดใจออกมาด้วยเหมือนกัน

แต่เป็นเพราะเธอได้รับการเลี้ยงดูและได้รับการอบรมมาอย่างดี เธอจึงดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“นายท่านคนนี้เป็นใครกัน?” องค์หญิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ในสายตาของเฟิงจือหลิง ผู้หญิงพวกนี้ก็เหมือนกับสัตว์ที่ต่อให้จะสวยหรือน่าเกลียดก็ไม่ต่างอะไรกัน

เขามองคนทั้งสองด้วยสายตาเย็นชาแล้วจึงเดินผ่านไป

สีหน้าขององค์หญิงกระตุกเล็กน้อย

ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่บ้านของท่านลอร์ดของเมืองก็มีแต่คนมากมายที่กล้าพอจะไม่ไว้หน้าเธอเลย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพี่เตือนให้เธออดทน เธอก็คงจะกลับดินแดนสายลมไปแล้ว

“ไปหามาให้ได้ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร!” องค์หญิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เธอหวังว่าคนแบบนั้นคงจะไม่ใช่ที่ปรึกษาของหลินหยาง

“เจ้าค่ะองค์หญิง” เสี่ยวหงตอบรับ

มีเพียงในหัวใจเธอเท่านั้นที่จำร่างของชายรูปงามคนเมื่อกี้ได้

“เป็นอะไรของเจ้าเนี่ย?! ยังมีอะไรอีก?” องค์หญิงถามออกมาด้วยความสงสัย

เธอรีบตอบออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”

องค์หญิงรู้จักสาวใช้ของตัวเองดี เสี่ยวหงคอยรับใช้เธอมาตั้งแต่นางยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความคิดของเธอได้อย่างชัดเจน

“เจ้าชอบผู้ชายคนเมื่อกี้งั้นเหรอ?” องค์หญิงพูดสวนความคิดของเสี่ยวหงออกมาทันที

“เปล่านะเจ้าคะองค์หญิง ข้าเป็นแค่สาวใช้ต่ำต้อยจะไปคู่ควรกับนายท่านที่รูปงามขนาดนั้นได้ยังไงกันเจ้าคะ?” เสี่ยวหงพูดเรื่องชนชั้นขึ้นมาทันที

“เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงแห่งดินแดนสายลมนะ เจ้าไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา ตราบใดที่เจ้าชอบเขา ข้าจะหมั้นหมายเจ้าให้กับเขาเอง” องค์หญิงพูด

เสี่ยวหงไม่ใช่แค่สาวใช้ของเธอ ตอนเธอยังเด็กเสี่ยวหงเคยช่วยชีวิตเธอไว้ และเธอจำได้ไม่ลืม

ในตอนนั้นเธอซนมากจนวิ่งออกมานอกวังพร้อมกับสาวใช้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเจอเข้ากับพวกโจรและเกือบที่จะต้องตาย

ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหงที่เข้ามาขวางดาบไว้ตอนที่รอให้พวกทหารมาช่วย เธอก็เกรงว่าองค์หญิงอย่างเธอก็คงจะตายไปแล้ว

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนเธอจึงทำเป็นมองไม่เห็นนิสัยของเสี่ยวหง และถึงขนาดถึงขนาดว่านางทำร้ายสาวใช้คนอื่น เธอก็ยอม

ตอนนี้นางมีคนที่ต้องการ เธอก็ควรที่จะตอบแทนนาง

“องค์หญิงพูดจริงเหรอเจ้าคะ?” สาวใช้ถามออกมาอย่างมีความหวัง

เธอรู้ดีว่าองค์หญิงมีเมตตากับเธอมาก เมื่อคิดว่าผู้ชายแบบนั้นจะมาเป็นสามีของเธอ หัวใจของเธอก็พองโตด้วยความสุขแล้ว

“แน่นอนอยู่แล้ว” องค์หญิงพยักหน้า

“องค์หญิงข้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย” เสี่ยวหงกระทืบเท้าพร้อมพูดออกมาอย่างเขินอาย

“สืบให้รู้ตัวตนของเขาก่อนเถอะ” องค์หญิงพูดออกมาเสียงเบา

อย่างไรก็ตามพวกคนที่เข้าออกบ้านของท่านลอร์ดของเมืองล้วนแต่เป็นคนแปลกๆที่หลินหยางหามา ถ้าเสี่ยวหงได้กลายเป็นเมียเขา นี่ก็คงจะเป็นผลดีกับเธอด้วย บางทีเธออาจจะได้ข้อมูลจากวงในบ้าง

องค์หญิงคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็หัวเราะออกมา

เฟิงจือหลิงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้จึงไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้กลายเป็นเป้าหมายไปแล้ว

สองวันต่อมา

หลังจากที่ได้รับรายงานจากทหาร องค์หญิงก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

ระบุตัวตนไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับท่านลอร์ดของเมือง

เธอคิดว่าเขาจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจแน่ๆ ไม่งั้นจะไม่มีข้อมูลเลยได้ยังไง

“เป็นไงบ้างเจ้าคะองค์หญิง?” เสี่ยวหงถามออกมาอย่างพยายามอดทน

เธอไม่มีทางรู้เลยว่าองค์หญิงกับทหารคุยอะไรกัน

แต่องค์หญิงบอกเธอว่านางให้คนไปตรวจสอบเรื่องตัวตนของชายคนนั้นแล้ว

เธอจึงคิดว่านี่คือเรื่องดีพวกเขากำลังคุยกัน

องค์หญิงมองกลับมาและเหล่ตามาที่เธอ “ตราบใดที่เจ้าชอบ เจ้าก็ไม่มีอะไรต้องอาย”

“ข้าขอถามได้ไหมเจ้าคะว่ามันเรื่องอะไร?” ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ไร้มารยาท จึงถามออกมาด้วยความอาย

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้รู้” องค์หญิงพูดออกมาเสียงเรียบ

ในตอนเย็น

องค์หญิงที่มักจะปฏิเสธการร่วมโต๊ะกับท่านลอร์ดของเมืองและคนอื่นอยู่เสมอ แต่วันนี้กลับมาแปลก

หลินหยางรู้สึกแปลกๆอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

มู่หรงเสี่ยและคนอื่นๆก็ยิ่งไม่สนใจ มีเพียงหวังซื่อเท่านั้นที่สนใจเรื่องนี้

ผู้หญิงคนนี้ต่างจากมู่หรงเสวี่ย อย่างน้อยมู่หรงเสวี่ยก็มีเจ้าของไปแล้ว องค์หญิงที่มาจากดินแดนแห่งสายลมนี่หน้าไม่อายเลย ถึงเข้ามาอยู่ในบ้านของผู้ชายได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้

หวังซี่อก่นด่าอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน พร้อมทั้งมองหน้าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วย

“องค์หญิงมาถึงแล้ว”

คนที่ตะโกนออกมาคือผู้ดูแลที่อยู่ด้านหน้าขององค์หญิง

อย่างไรก็ตามไม่มีใครลุกขึ้นเพื่อทักทายเธอเลย อย่างมากหลินหยางก็เงยหน้าขึ้นมามองและพูดออกมาว่า “องค์หญิง เชิญนั่งสิ”

องค์หญิงนิ่งกว่าครั้งแรกๆ ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนของเธอ จึงไม่มีใครเคารพเธอ

เธอชินกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่สองสามวันแรกแล้ว เธอไม่รีบร้อน มันยังไม่สายเกินไปที่เธอจะแก้แค้น

ด้วยความดูแลของสาวใช้ องค์หญิงค่อยๆนั่งลงตรงข้ามกับเฟิงจือหลิงและมู่หรง

“ยินดีต้อนรับนะ บนโต้ะอาหารนี้ไม่มีกฎอะไร ทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากจะทำเลย” หลินหยางพูด

ก่อนหน้านี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนี้เพราะมู่หรงก็ไม่ได้สุภาพกับเขาเท่าไรและเฟิงจือหลิงเองก็เรียกเขาว่าพี่ด้วย

ส่วนหวังซื่อก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอเองไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความเคารพอะไร

“ขอบคุณมาก” องค์หญิงตอบรับเสียงเรียบ

ทันใดนั้นก็มีคนเอาถ้วยและตะเกียบทองคำมาเปลี่ยนให้องค์หญิง

ชุดอุปกรณ์การกินก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนทั้งหมด และเพราะนิสัยที่เป็นแบบนี้ของเธอจึงไม่มีใครพูดอะไร

แต่เสี่ยวหงหลังจากที่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้องค์หญิงนั่งเรียบร้อย เธอก็มองมาที่เฟิงจือหลิงด้วยสายตาหลงใหล

ถึงแม้องค์หญิงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทางของ เฟิงจือหลิงแต่ก็ไม่มากมายเท่ากับเสี่ยวหง

“มาเถอะ ลองชิมนี่หน่อย อร่อยมากเลยนะ” เฟิงจือหลิงตักอาหารให้มู่หรง ปล่อยให้เสี่ยวฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆทำตัวไม่ถูก

เสี่ยวหงกัดฟันพร้อมกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ในหัวใจเธอรู้สึกโกรธอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?!

อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่องค์หญิงและคนอื่นจะจำ มู่หรงเสวี่ยกับเฟิงจือหลิงไม่ได้ ยังไงซะวันแรกที่พวกเขาได้เจอกันก็ต่างจากวันนี้มาก

“เจ้าก็กินด้วยสิ” มู่หรงเองก็คีบหมูใส่ถ้วยให้เฟิงจือหลิงด้วยเหมือนกัน

ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นในสายตาซึ่งเสี่ยวหงเห็นอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้

เธออดไม่ได้ก็จะกระซิบเสียงเบา “องค์หญิง”

องค์หญิงหันหัวไปเล็กน้อยและตบเบาๆไปที่มือของ เสี่ยวหงเพื่อบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล