ตอนที่ 198-1 เพียงแค่ต้องการทำให้พวกเขาสิ้นหวัง

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

“จ้าวเกิงเถียนคนไม่ตายดีผู้นี้ เขามีสิทธิ์อะไรมาขับลูกสาวข้า ข้าจะไปคิดบัญชีเขา” มารดาแซ่เหอฟังคำร้องของลูกสาวจบ ใกล้จะระเบิดขึ้นมาแล้ว บ่นพึมพำ “ลืมบุญคุณ ครอบครัวอกตัญญู น้องรองเจ้าเป็นขุนนางครอบครัวเขาได้ผลประโยชน์ไปตั้งเท่าไร หากไม่ใช่ว่ามีเจ้า ครอบครัวเขาจะมีชีวิตเช่นทุกวันนี้ได้หรือ ไม่รู้จักขุดดินเก็บตัวอยู่ในมุม ตอนนี้เห็นครอบครัวพวกเราลำบากก็หักหลังทรยศทันที ใจร้ายใจดำ ขอให้ฟ้าผ่าตาย” คำสาปแช่งของมารดาแซ่เหอคล่องแคล่วยิ่งนัก 

 

 

เหอต้านิวกุมหน้าร้องไห้มาโดยตลอด “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าไม่อยากถูกขับ ข้าคิดถึงจินเป่า ข้าคิดถึงลูกสาวคนโตลูกสาวคนรอง ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านแม่ท่านรีบคิดหาทางให้ข้าที” นางร้องไห้จนน้ำตาน้ำมูกไหล ในใจเสียใจอย่างถึงที่สุด เสียใจที่ตนกุมหัวใจลูกๆ ทั้งสามไว้ไม่อยู่ มิเช่นนั้นพวกแก่หนังเหนียวสองคนนั้นจะกล้าขับนางได้อย่างไร 

 

 

“ร้องๆๆ เจ้ายังมีหน้ามาร้องอีก ปกติเจ้าเก่งนักมิใช่หรือ วิ่งจนตรอกกลับมาเช่นนี้เสียแล้ว” มารดาแซ่เหอมองบุตรสาวที่ร้องไห้ไม่หยุดในใจก็เริ่มหงุดหงิด “เคยบอกเจ้าแล้วว่า อย่าเอาแต่วิ่งไปนู่นไปนี่ทั้งวัน ต้องกุมหัวใจผู้ชายของเจ้าให้อยู่ แต่เจ้าก็ดันไม่ฟัง เจ้า เจ้า เจ้าจะให้ข้าพูดอะไรดี” นางแสดงท่าทางเจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ 

 

 

“ไม่ใช่เป็นเพราะน้องรองทั้งหมดหรือไร!” เหอต้านิวยังคงร้องความไม่เป็นธรรม “ปกติก็ดีๆ อยู่ เกิงเถียนเชื่อฟังข้าตลอด คนแก่หนังเหนียวสองคนนั้นก็ไม่กล้าหาเรื่องข้า ไม่ใช่เพราะว่าน้องรองเข้าคุก เกิง 

 

 

เถียนจึงรังเกียจที่ครอบครัวเราประพฤติตัวไม่เหมาะสม บอกว่าข้าเลี้ยงลูกแย่ ท่านแม่ เป็นเพราะน้องรองพาข้าซวย ท่านต้องช่วยข้านะ!” 

 

 

“เจ้า ข้าจะตีลูกอกตัญญูเช่นเจ้าให้ตาย คนนอกพูดก็ช่าง แต่นั่นคือน้องชายแท้ๆ ของเจ้า เจ้าไม่รักเขาแล้วยังโทษว่าเขาพาเจ้าซวย ก่อนหน้านี้เจ้าอาศัยอำนาจของเขารับผลประโยชน์เหตุใดถึงไม่พูดเล่า” มารดาแซ่เหอโมโหจนเจ็บใจ มองบุตรสาวออกแรงทุบหลังหลายครา 

 

 

เหอต้านิวหลบไปพลางร้องโอดโอยไปพลาง “เดิมก็เป็นน้องรองที่พาข้าซวย ท่านแม่ ข้าไม่สน ท่านต้องคิดหาทางให้ข้า ข้าไม่อาจออกจากตระกูลจ้าวได้ ไม่อาจจากจินเป่าได้ ข้าต้องการเกิงเถียนของพวกเรา” สูญเสียไปแล้วถึงได้รู้ว่าเสียใจ เกิงเถียนดียิ่งนัก หน้าตาครบเครื่อง ทั้งยังขยัน มีความสามารถ ดีกับนาง นางจะไปหาผู้ชายที่ดีเช่นนี้ได้ที่ไหนอีก 

 

 

“เจ้าเกลียดแม่กับน้องชายเจ้ามิใช่หรือ คิดหาทางเอง แม่ไม่สนแล้ว” มารดาแซ่เหอเองก็เดือดดาล นางถูกบุตรสาวคนนี้ทำให้โมโหจริงๆ นางหวังเสี่ยวชุ่ยเฉลียวฉลาดมาทั้งชีวิต เหตุใดถึงได้มีบุตรสาวไร้ประโยชน์ที่เอาแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับคนในบ้านเล่า ลูกชายลูกสาวต่างก็เป็นหนี้ นี่มันลูกชายลูกสาวที่ไหน เห็นชัดๆ ว่าเป็นผีทวงเวร 

 

 

“ท่านแม่ ท่านโปรดระงับโทสะ น้องสาวกำลังเสียใจ อาจจะพูดจาไม่มีสติ ท่านอย่าได้ต่อปากต่อคำกับนางเลย” สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหอรีบพยุงแม่สามีไปนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ส่งสายตาให้เหอต้านิว “ต้านิว เจ้าดูสิว่าเจ้าทำท่านแม่พวกเราโกรธแล้ว ท่านแม่รักเจ้าที่สุด ยังไม่เข้ามาขอโทษท่านแม่อีก” 

 

 

เหอต้านิวกลับเชื่อฟังสะใภ้ใหญ่ผู้นี้อย่างยิ่ง เดินเข้าไปดึงแขนเสื้อแม่นางตามคำบอก กล่าว “ท่านแม่ ท่านแม่ เป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย” 

 

 

มารดาแซ่เหอพเยิดหน้า แม้ว่าสีหน้าจะเรียบเฉย แต่ในใจกลับอ่อนลงแล้ว สะใภ้แซ่เหอช่วยพูดดีๆ อีกสองสามประโยค มารดาแซ่เหอก็เผยรอยยิ้มออกมา “พอแล้ว ในเมื่อกลับมาแล้วก็พักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยให้พี่ชายพี่สะใภ้เจ้ากลับไปเป็นเพื่อนเจ้า” ปากบอกว่าไม่สน แต่จะไม่สนได้หรือ ต่อให้บุตรสาวจะทำให้ตนผิดหวังก็ยังเป็นเลือดเนื้อจากร่างกายนางอยู่ดี 

 

 

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด วันนี้อับจนหนทางแล้วจริงๆ 

 

 

วันรุ่งขึ้น บุตรคนโตแซ่เหอสองสามีภรรยาก็ไปยังเรือนเล็กตระกูลจ้าวพร้อมเหอต้านิว ตอนที่ไปไปอย่างมีความสุข ตอนที่กลับร่ำไห้กลับมา ในใจมารดาแซ่เหอก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที “เป็นอะไรไป ตระกูลจ้าวไม่ยอมรับหรือ หรือว่าตระกูลจ้าวจะตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลพวกเรา” ให้เกียรติไม่รับเกียรติจริงๆ เดี๋ยวข้าจะจัดการตระกูลเขาเสียให้ราบคาบ 

 

 

“ตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวหนีไปแล้ว เกิงเถียนหนีไปแล้ว จินเป่าหนีไปแล้ว ลูกสาวคนโตลูกสาวคนรองก็หนีไปแล้ว พวกเขาทิ้งข้าไว้คนเดียว” เหอต้านิวร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง จบแล้ว จบแล้ว เกิงเถียนไม่ต้องการนางแล้วจริงๆ นางกลายเป็นสตรีที่ถูกสามีทิ้งแล้ว 

 

 

“หนีหรือ หนีไปไหน” มารดาแซ่เหอไม่เข้าใจเล็กน้อย รีบไต่ถาม 

 

 

บุตรคนโตตระกูลเหอรีบกล่าวอธิบาย “ท่านแม่ ตอนที่พวกข้าไปเรือนเล็กหลังนั้นของตระกูลจ้าวก็เปลี่ยนคนอยู่แล้ว บอกว่าจ้าวเกิงเถียนพาพ่อแม่กับลูกๆ กลับชนบทตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” 

 

 

คราวนี้มารดาแซ่เหอตะลึงงันแล้ว ตระกูลจ้าวกลับชนบทแล้วบุตรสาวจะทำอย่างไรเล่า เห็นบุตรสาวที่ร้องไห้ไม่หยุดกับลูกชายคนโตและภรรยาที่นิ่งเงียบไม่พูด มารดาแซ่เหอก็คิดอะไรไม่ออกเป็นครั้งแรก 

 

 

ที่แท้แล้วตระกูลจ้าวก็ตัดสินใจจะกลับสู่จงมาก่อนแล้ว อย่างไรเสียนั่นก็คือบ้านเก่า แม้ว่าเมืองอวิ๋นโจวจะเจริญรุ่งเรือง แต่อย่างไรเสียก็เป็นที่แปลกถิ่น! บิดามารดาตระกูลจ้าวอายุมากแล้วก็ยิ่งหวังว่าจะกลับไปตายที่บ้านเกิดเมืองนอนได้ จ้าวเกิงเถียนเป็นลูกกตัญญู ก่อนหน้านี้ห่วงแต่บ้านฝั่งภรรยาของเขา ตอนนี้ขับภรรยาแล้ว เขาก็เตรียมตัวจะพาพ่อแม่และลูกๆ กลับบ้านเกิด กลัวว่าตระกูลเหอรู้แล้วจะมารบเร้า จึงรอให้เหอต้านิวไปก่อน พวกเขาจึงหอบข้าวหอบของออกเดินทางทันที 

 

 

 เหอเทียนเสียงนั่งอยู่ในห้องหนังสือนอกของตระกูลปลัดอำเภอด้วยใจที่ร้อนดังไฟสุม มีเด็กรับใช้เข้ามาเปลี่ยนชา เขาถามขึ้นอีกครั้ง “คุณชายของเจ้าจะกลับมาเมื่อไรกันแน่” ตอนนี้เขาไหนเลยจะมีอารมณ์ดื่มชา 

 

 

เด็กรับใช้มีสีหน้าลำบากใจ “คุณชายใหญ่เหอท่านอย่าได้ทำให้บ่าวลำบากใจเลย เรื่องของนาย บ่าวไหนเลยจะทราบ” เติมชาเสร็จแล้วเขาก็ถอยออกไปทันที พูดในใจ คุณชายใหญ่เหอผู้นี้เป็นคนอ่านสถานการณ์ไม่ออก คุณชายไม่ได้ออกจากจวน อยู่ในเรือนดีๆ อยู่เลย เพียงแค่ไม่อยากเจอเขาก็เท่านั้นเอง 

 

 

ผ่านไปอีกกว่าครึ่งชั่วยาม ชั่วพริบตาก็กำลังจะตกบ่ายแล้ว จ้าวชิ่งคุณชายใหญ่ตระกูลปลัดอำเภอสหายคนสนิทของตนยังคงไม่เห็นเงา เด็กรับใช้ยังคงพูดประโยคเดิมคือ ไม่รู้ 

 

 

เหอเทียนเสียงไหนเลยจะดูพิรุธไม่ออก ไม่อยู่บ้านที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าไม่อยากเจอตนก็เท่านั้นเอง เขาทั้งโมโหทั้งจนปัญญา 

 

 

           เมื่อก่อนตอนที่ท่านอารองยังไม่เข้าคุก เหอเทียนเสียงสนิทกับหลานชายปลัดอำเภอผู้นี้อย่างยิ่ง เขามักจะเชิญตนมาดื่มสุราแต่งกลอนในบ้านบ่อยๆ ปลัดอำเภอจ้าวอัธยาศัยดีต่อตนอย่างถึงที่สุด ชื่นชมลูกชายเพื่อนไม่หยุดปาก แต่ตอนนี้เล่า ตนมาขอพบถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะช่วยหรือไม่ก่อน แต่ปล่อยให้ตนรออยู่ในห้องหนังสือด้านนอก ไม่ให้พบแม้แต่หน้า สังคมไร้น้ำใจยิ่งนัก 

 

 

เหอเทียนเสียงออกจากบ้านปลัดอำเภอด้วยความเศร้าโศก เมื่อเขาออกไปจ้าวชิ่งก็ได้ข่าวแล้วจึงถอนหายใจยาวออกมาอย่างอดไม่ได้ เบื้องลึกในใจก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยจริงๆ แต่ช่วยไม่ได้ต่างหาก พ่อเขาเคยเตือนเขาแล้ว เรื่องนายอำเภอเหอนี้มีลับลมคมใน ไม่อนุญาตให้เขาเจอคนของตระกูลเหออีก มิเช่นนั้นจะตัดขาเขาทิ้งเสีย จ้าวชิ่งกลัวพ่อเขาที่สุด อีกทั้งต่อให้เจอหน้าเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำให้ลำบากใจ ไม่สู้หลบหน้าไปเสียดีกว่า 

 

 

เหอเทียนเสียงวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกอีกสองวัน ท้ายที่สุดยังคงเป็นคุณชายตระกูลพัศดีสวี่ที่ทนดูไม่ได้จึงบอกความจริงแก่เขา “น้องเทียนเสียง เห็นแก่มิตรภาพเมื่อก่อนของพวกเราข้าจะบอกความจริงแก่เจ้าให้ เจ้าเองก็อย่าได้ตำหนิพวกเราที่ถือตัวเลย อันที่จริงเรื่องนี้พวกเรายื่นมือเข้าไปไม่ได้ อย่าว่าแต่พวกเราเลย ต่อให้เป็นพ่อข้าและคนอื่นๆ ก็ยังไม่ได้ พ่อข้าบอกข้าว่า คดีของอาเจ้าเป็นคดีที่ใต้เท้าข้าหลวงประจำจังหวัดจัดการเอง เป็นคดีที่มีหลักฐานมัดตัวนานแล้ว อีกทั้งยังคล้ายกับว่าเบื้องบน…” เขาใช้นิ้วชี้ขึ้นฟ้า “ตระกูลเจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองความคิดอีกเลย ของที่มีค่าในบ้านก็เก็บไว้ให้ดี ใช้ชีวิตที่ดีต่อไปเถอะ” 

 

 

เหอเทียนเสียงได้ยินดังนั้นร่างทั้งร่างก็มึนงง เขาเดินยังไม่รู้ว่าตนเดินออกมาจากบ้านพัศดีสวี่ได้อย่างไร ในใจมีเพียงความคิดเดียว ท่านอารองจบแล้ว ตระกูลเหอจบแล้ว! 

 

 

“ไปแล้วหรือ” พัศดีสวี่มองลูกชายที่เดินเข้ามาถามเสียงเรียบ 

 

 

คุณชายสวี่พยักหน้า “ไปแล้วขอรับ” บนใบหน้าเต็มไปด้วยความท้อใจ เมื่อก่อนเหอเทียนเสียงเป็นคนที่มีอิสระทำอะไรตามอำเภอใจ ตอนนี้วิ่งหาความช่วยเหลือไปทั่ว ร่างทั้งร่างก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา 

 

 

พัศดีสวี่ไหนเลยจะไม่เข้าใจความคิดในใจลูกชาย แค่นเสียงหนึ่งคราแล้วกล่าว “แกว่งเท้าหาเสี้ยน เรื่องนี้ของตระกูลเหอไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสร้างขึ้นเองหรือ เจ้ารู้จักเหอเทียนเสียงมานานเพียงนี้ เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงฮูหยินนายอำเภอเหอบ้างหรือไม่ หากไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องนี้ พวกเราไหนเลยจะรู้ว่าฮูหยินนายอำเภอเหอเป็นสตรีสูงศักดิ์ของจวนโหว เห็นเขายกย่องเชิดชูอี๋เหนียงเช่นนี้ ยังคิดว่าฮูหยินภรรยาเอกตระกูลเขาเป็นหญิงชนบทไม่มีความรู้เสียอีก เหอจังหมิงคนผู้นี้ก็เป็นคนเขลา มีของที่ดีเพียงนี้ไม่รู้จักใช้ประโยชน์ ขอเพียงแค่ประจบประแจงบ้านภรรยาให้ดี เขาแบ่งเศษเงินเศษทองให้เจ้าก็สบายแล้ว หากเป็นคนอื่นก็คงจะยกย่องฮูหยิน ใครจะเหมือนตระกูลเขา ทรมานนางจนเกือบตาย เหอะๆ คิดไปเองว่าตระกูลสูงส่งเหล่านั้นทำอะไรไม่ได้! เขาขยับนิ้วนิดเดียวครอบครัวเจ้าก็พังทลายได้แล้ว” 

 

 

สีหน้าพัศดีสวี่เหยียดหยามทั้งใบหน้า เห็นลูกชายคล้ายเข้าใจอะไรขึ้นมาก็กล่าวต่อ “กับภรรยา ต้องรักใคร่ซึ่งกันและกัน การสมรสเป็นการตกลงปลงใจกันทั้งสองฝ่าย ต่อให้ในใจจะไม่ชอบ ไม่ว่าอย่างไรภรรยาเอกก็ต้องให้ความเคารพ โปรดปรานอนุภรรยาทอดทิ้งภรรยาเอก นั่นคือลางร้ายทำลายครอบครัว เจ้าเองก็โตแล้ว อีกสามเดือนคุณหนูตระกูลหลิ่วจะมาที่บ้าน เจ้าก็เตรียมใจให้ดี คนไม่กี่คนข้างกายนั้นก็ส่งไปที่หมู่บ้านให้หมด ไม่อาจทำให้ภรรยาขุ่นเคืองใจได้ ถ้าหากเจ้า…พ่อเจ้าไม่ได้ใจดีเหมือนตระกูลเหอเช่นนั้นนะ!” 

 

 

ชั่วขณะคุณชายสวี่ก็หวาดกลัวในใจ “ขอรับ ลูกเข้าใจแล้ว ลูกขอบคุณท่านพ่อที่ชี้แนะ” แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรคนโตของภรรยาเอกในบ้าน แต่หลังจากเขาก็ยังมีน้องชายสองคนและน้องชายบุตรอนุภรรยาอีกสองคน พ่อเขาไม่ขาดแคลนลูกชาย หากเขาทำผิด พ่อเขาก็สามารถไล่เขาออกไปได้ทันที 

 

 

เหอเทียนเสียงกลับมาถึงบ้านด้วยสติที่หลุดลอย พบหน้าแม่เขา สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหอก็ตกใจ “เป็นอะไร เป็นอะไรไป” 

 

 

“จบแล้ว ท่านอารองจบแล้ว ตระกูลเหอจบแล้ว ข้าก็จบแล้วเช่นกัน” ดวงตาเหอเทียนเสียงนิ่งงัน ปากบ่นพึมพำ 

 

 

สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหอร้อนใจแล้ว ลูกถูกอะไรเข้าสิงมา ปีศาจหรือ มิหนำซ้ำยังพูดว่าน้องสามีไม่มีทางช่วยเหลือแล้ว นางดึงลูกชายเข้าห้องทันที “อะไรจบ เสียงเกอเอ๋อร์เจ้าค่อยๆ พูด” 

 

 

เหอเทียนเสียงเพิ่งจะได้สติกลับมา บอกข่าวที่สืบได้ สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหอไม่สบายใจแล้ว นางยังหวังว่าน้องสามีจะออกมาเสวยสุขต่อได้ ตอนนี้น้องสามีออกมาไม่ได้แล้ว ร้านค้ากับของมีค่าในบ้านก็ไม่มีแล้ว ชีวิตหลังจากนี้จะทำอย่างไรเล่า 

 

 

“เสียงเกอเอ๋อร์ เจ้ารีบเอาข่าวไปบอกท่านปู่ท่านย่าเจ้า” สะใภ้ใหญ่ตระกูเหอได้สติกลับมาก็ออกคำสั่งทันที เหอเทียนเสียงพยักหน้าวิ่งไปที่เรือนของปู่ย่าเขาแล้ว