ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
บทที่ 162: การล่าค่าหัวของสำนักปีศาจ
“ช่างรู้สึกคล้ายอยู่ในขุมนรก แต่ข้ากลับสุขยิ่งนัก อันที่จริงเจ้าเกือบสังหารข้าไปแล้วด้วยซ้ำ!” หานหลิงเฟิงกล่าวอย่างอ่อนแรง “เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด? ที่ผ่านมาข้าเพียงได้พักหายใจชั่วครู่เท่านั้น แทบทำเอาข้ารู้สึกคล้ายจะตายตกจริงเสียให้ได้ อีกทั้งยังไร้เรี่ยวแรงจะขยับร่างกาย!”
“เหอะเหอะ นั่นเพราะว่าข้ามีพลังของพยัคฆ์และมังกรยังไงล่ะ!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างร่าเริง
“ถ้าหากมันเกิดขึ้นอีก ข้าคิดว่าคงจะรับมันไม่ไหว!” หานหลิงเฟิงตอบกลับ “อย่างไรแล้วหากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้ สักวันข้าคงต้องตายตกไปแน่!”
เจ้าอ้วนเริ่มหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ฟังว่านางทรมานมากเพียงใด แต่ทว่าเพื่อนร่วมเตียงที่ดีอย่างเช่นหานหลิงเฟิงนั้นไม่ได้พบเจอได้โดยง่าย เขาจึงรีบกล่าวออกไปว่า “ย่อมได้ ภายหน้าข้าจะอ่อนโยนให้มากกว่านี้ตกลงไหม มาดูสิ่งที่ข้าเตรียมมาให้เจ้าวันนี้ดีกว่า!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เจ้าอ้วนหยิบเอากล่องหยกสีทองออกมาพร้อมกับส่งให้นาง ทันทีที่หานหลิงเฟิงเห็นมัน ดวงตาของนางสว่างสดใสพร้อมกับเอื้อมมือออกไป แต่หลังจากที่นางยกแขนได้เพียงครึ่งหนึ่ง มันก็อ่อนปวกเปียกและทิ้งตัวลงสู่เตียงอีกครั้ง
เจ้าอ้วนรู้สึกผิดเล็กน้อยภายในหัวใจของเขาเมื่อเห็นว่าเขาทำให้หญิงสาวระดับเซียนเทียนขั้นแปดต้องมีสภาพเช่นไร สำหรับหานหลิงเฟิงนางเริ่มจ้องเจ้าอ้วนอย่างขุ่นเคืองและโศกเศร้าไปพร้อมกัน “ดูสิ เจ้าทำให้ข้ามีสภาพเช่นนี้!”
“ก็ได้ ความผิดข้าเอง ความผิดข้า!” เจ้าอ้วนขอโทษพลางยิ้มกว้างพร้อมส่งกล่องหยกสีทองให้กับนาง จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างภูมิใจ “ผลไม้วิญญาณสามผลมันเพียงพอสำหรับการขยายเส้นลมปราณของเจ้าแล้ว อีกทั้งความเร็วในการฝึกฝนของเจ้าจะเพิ่มมากขึ้นถึงสามในสิบ นี่คือสมบัติที่ข้าไปเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มันมา!”
“เจ้าคิดว่าข้าเชื่อคำโกหกของเจ้างั้นหรือ?” หานหลิงเฟิงเม้มปากพร้อมกล่าวอย่างมีอารมณ์ “ในหัวใจของเจ้า ข้าคงอยู่ในลำดับที่สี่! เจ้ามีทั้งศิษย์น้องหงหยิง ศิษย์พี่ฉุ่ยจิ้ง และพี่น้องลิง ทุกคนล้วนแต่สำคัญมากกว่าข้า แน่นอนว่าทุกคนจะต้องได้รับผลไม้วิญญาณสามชิ้น กล่าวก็คือเจ้าต้องเก็บเกี่ยวสมบัติเหล่านี้อย่างหนักเพื่อพวกเขาเหล่านั้นด้วย ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่?”
“อา… เอ่อ…” เจ้าอ้วนไม่เคยคาดคิดว่าหานหลิงเฟิงจะคาดเดาได้แม่นยำเช่นนี้จนเขาเริ่มรู้สึกกระดาก
“เหอะเหอะ…” เมื่อมองเห็นท่าทีของเขา หานหลิงเฟิงรู้ได้ทันทีว่านางกล่าวถูก นางจึงกล่าวเสริมอีก “แต่ข้าพอใจแล้วที่อย่างน้อยเจ้ายังคิดถึงข้าอยู่บ้าง ข้าจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปแล้วกัน!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางพยายามที่จะลุกขึ้นพร้อมถามอย่างจริงจัง “มีผลไม้วิญญาณเพียงสามสิบผลเท่านั้นในรอบนี้ เจ้าได้รับมันมามากเท่าใดกัน?”
“เหอะ ประมานหนึ่งในสาม!” เจ้าอ้วนหัวเราะออกมาพร้อมกล่าว “นี่เป็นเพราะข้าไม่ได้ออกไปไล่ล่าอย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าข้าได้ทุ่มเทอย่างจริงจัง แน่นอนว่าต้องได้สักครึ่งหนึ่ง!”
“สวรรค์ นี่เจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? แล้วคนอื่นไม่ทำร้ายเจ้างั้นหรือ?” หานหลิงเฟิงตกใจ
“ใครกันจะทำร้ายข้าได้?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างมีอารมณ์ “ภายในหุบเขานั้น ยกเว้นตัวข้า ทุกคนล้วนแต่เป็นคนแปลกหน้า แม้แต่บุคคลที่มาจากสำนักเดียวกันก็ด้วย! การต่อสู้ที่นั่นรุนแรงอย่างมาก! อีกทั้งในครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงคือมีผู้รอดชีวิตเพียงสามสิบคนจากหนึ่งร้อย! เป็นผู้ฝึกตนชอบธรรมทั้งหมดที่รอด ทางด้านผู้ฝึกตนปีศาจตายตกไปจนหมดสิ้น”
“น่าเวทนาเพียงนั้น?” หานหลิงเฟิงตอบกลับ “แล้วสำนักปีศาจปล่อยผ่านเรื่องนี้งั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ พวกเขาโกรธจัดและเริ่มเปิดฉากการต่อสู้กับเราที่ด้านนอก การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมาก มีการใช้งานสมบัติวิเศษยักษ์ และมีผู้ฝึกตนระดับจินตันตายในสนามรบห้าคน!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ “นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก!”
“แล้วเช่นนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่งั้นหรือ?” หานหลิงเฟิงถามกลับ
“แน่นอนว่ามันใหญ่มาก!” เจ้าอ้วนกล่าวเสริม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าผู้ฝึกตนปีศาจจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน พวกเขาอาจวางแผนที่จะรอเวลาแก้แค้นผู้ฝึกตนชอบธรรม แต่พวกมันคงไม่โง่งมถึงขนาดบุกเข้ามาโจมตีในสำนัก แต่ข้าคิดว่าคงจะใช้การซุ่มโจมตีในขณะที่ผู้ฝึกตนชอบธรรมอยู่นอกสำนักมากกว่า ในเวลานี้ไม่ควรออกจากสำนักเด็ดขาด ฝากให้เจ้าเตือนเจ้าลิงด้วย ในวันนี้ข้าเพิ่งไปดื่มกับเขามาแต่กลับลืมเรื่องนี้ไปสนิท!”
“ตกลง ไม่ต้องห่วง แน่นอนว่าเราจะไม่ออกไปด้านนอกเพื่อแสวงหาความตาย!” หานหลิงเฟิงพยักหน้าพร้อมตอบรับ
“ประเสริฐ!” เจ้าอ้วนกล่าวเสริม “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเข้าสู่การเก็บตัวฝึกฝนและจะกลับออกมาเมื่อเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ เจ้าควรจะกินมันให้เร็วที่สุดเมื่อเจ้ากลับไป! ให้เร็วที่สุด!”
“อา ข้าเข้าใจแล้ว!” หานหลิงเฟิงพยักหน้า จากนั้นนางสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกล่าวว่า “อืม คล้ายชีวิตและจิตวิญญาณข้ากำลังกลับมารวมตัวกันแล้ว!”
เมื่อมองเห็นส่วนที่โค้งเว้าของนาง เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะส่งมือของเขาออกไปลูบไล้ หานหลิงเฟิงปัดมือของเขาทิ้งอย่างรวดเร็วพร้อมกับสวมเสื้อผ้าทันที จากนั้นนางเริ่มวิ่งดังเช่นกวางที่กลัวพยัคฆ์ พร้อมกันนั้นนางไม่ลืมที่จะตำหนิเขา “เจ้าคนโรคจิต!”
เจ้าอ้วนไม่รู้ว่าเขาจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลังจากที่เขาส่งหานหลิงเฟิงกลับไป เจ้าอ้วนทำการชำระล้างร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่มิติลึกลับเพื่อฝึกฝน
ก่อนที่เขาจะเริ่มการฝึกฝน เขามีสองสิ่งที่ต้องทำ อันดับแรกคือซ่อมดาบแห่งธาตุทั้งห้า แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่มีความสามารถที่จะซ่อมแซมสมบัติวิเศษขั้นสูงนี้ได้ แต่เขามีทาสทั้งเก้าผู้แข็งแกร่ง ผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้าคนสามารถซ่อมมันได้
เนื่องจากพวกนางสืบทอดความสามารถของร่างกาย การซ่อมดาบเพียงเท่านี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก ในขณะที่เจ้าอ้วนถามพวกนาง สิ่งเดียวที่พวกนางต้องการคือวัสดุ
ภายในมิติลึกลับของเจ้าอ้วนนั้นเต็มไปด้วยวัสดุและเขามีทุกอย่างอยู่ในที่แห่งนี้ เขาโบกมือพร้อมส่งดาบให้กับพวกนาง จากนั้นเขาอนุญาตให้พวกนางใช้วัสดุทุกอย่างที่ต้องการได้อย่างอิสระ ขอเพียงแค่ซ่อมแซมดาบได้ เจ้าอ้วนไม่สนใจว่าจะต้องใช้วัสดุมากมายขนาดไหน
ผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้าคนรู้สึกร่าเริงทันที พวกนางไม่เพียงแต่สัญญาว่าจะซ่อมแซมดาบให้ดีแต่นางยังสัญญาอีกด้วยว่าจะดูแลมันให้ดีที่สุด
ในตอนนี้เจ้าอ้วนตระหนักถึงความจริงที่หญิงงามทั้งเก้าสามารถใช้สมบัติวิเศษได้ ดูจากวิธีก่อนหน้าที่เจ้านายคนเก่าของพวกนางใช้ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ ดาบแห่งธาตุทั้งห้าจะช่วยให้กำลังรบของพวกนางแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้พวกนางยังมีความสามารถฝึกฝนสมบัติวิเศษได้อีกด้วย ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างพวกนางสามารถทำให้สมบัติวิเศษมีความรู้สึกได้และพัฒนาเป็นสมบัติวิญญาณ!
ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น แน่นอนว่าเขารู้สึกดีมาก แน่นอนว่าเขาไม่เหมาะกับการฝึกฝนดาบและไม่คิดที่จะฝึกฝนมันด้วย แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการใช้ดาบแห่งธาตุทั้งห้า แต่เขาก็ไม่สามารถดึงพลังของมันออกมาได้เต็มที่ เดิมทีเขามีความคิดที่จะละทิ้งสมบัติชิ้นนี้ แต่ในตอนนี้เขามีทางเลือกใหม่แล้วนั่นคือมอบมันให้กับผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้าคนนี้!
ไม่เพียงแต่พวกนางจะชื่นชอบมัน แต่ยังสามารถพัฒนามันให้กลายเป็นสมบัติวิญญาณได้อีกด้วย ในท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าจะเพิ่มมากขึ้น กล่าวก็คือการยิงหินครั้งเดียวได้นกถึงสามตัว!
หลังจากที่เขามอบงานให้กับผู้ฝึกตนประเภทดาบเรียบร้อย เขาคิดถึงนักบวชทั้งสี่คน ในตอนนี้เขาไม่มีสมบัติวิเศษอยู่ในมือ แต่เขามีกองวัสดุมากมายและคงไร้ประโยชน์ถ้าอยู่ในมือคนอย่างเขา เหตุใดเขาจึงไม่มอบวัสดุเหล่านี้ให้พวกนางปรับแต่งอุปกรณ์ของตนเองกันเล่า?
ทุกคนตื่นเต้นมากจากข้อเสนอของเจ้าอ้วน เดิมทีพวกนางอยากจะสร้างสมบัติของตนเองอยู่แล้วหลังจากเห็นกองวัสดุมากมายที่อยู่ในนี้ แต่ที่พวกนางหาได้กล่าวอันใดเพราะเกรงว่าเจ้าอ้วนจะไม่พอใจ แต่ในตอนนี้เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเองจึงทำให้พวกนางยินดีเป็นอย่างมาก จากนั้นทั้งหมดเริ่มให้รางวัลกับเจ้าอ้วนด้วยการสนองอารมณ์ทางเพศอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้าอ้วนไม่คิดสูญเสียเวลากับเรื่องราวตรงนี้เพราะว่าเขาจะต้องไปจัดการผลไม้วิญญาณและเตรียมการเก็บตัวฝึกฝน
หลังจากที่ส่งมอบวัสดุทั้งหมดให้กับพวกนางแล้ว เจ้าอ้วนเข้าสู่สถานที่เงียบสงบพร้อมจัดการผลไม้วิญญาณและเริ่มการฝึกฝนทันที
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ภายในเทือกเขาเลือดแห่งหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่าจะเป็นไปเช่นที่เจ้าอ้วนคาดคิดไว้ เหล่าศิษย์ชั้นสูงของสำนักปีศาจถูกสังหารจนหมดสิ้น ผู้ฝึกตนปีศาจได้สูญเสียเหล่าอัจฉริยะของสำนักไป นั่นทำให้สำนักของพวกเขาขาดแคลนศิษย์ที่มีอนาคต ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นอย่างท่วมท้น
เดิมทีผู้ฝึกตนปีศาจเป็นพวกหัวรุนแรงและไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด หลังจากที่พวกเขาต้องทนกับความเสียใจอยู่สักพัก พวกเขาทั้งหมดเริ่มคิดที่จะแก้แค้น เหล่าผู้ฝึกตนชอบธรรมที่ชอบเดินทางออกจากสำนักจะถูกซุ่มโจมตี มีผู้ฝึกตนได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งสำนักเสวียนเทียนสูญเสียศิษย์ไปมากกว่าสิบคน
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนชอบธรรมย่อมปกป้องตนเองเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาถูกซุ่มโจมตี พวกเขาย่อมดำเนินการตอบโต้ ภายใต้เทือกเขาอันกว้างใหญ่มีการต่อสู้เล็กน้อยตลอดเวลาระหว่างผู้ฝึกตนชอบธรรมกับผู้ฝึกตนปีศาจ
เพียงเพราะว่าทั้งสองฝ่ายไม่คิดที่จะโจมตีสำนักโดยตรง การต่อสู้ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นในป่า แม้ไม่ใช่การต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่จำนวนผู้ที่ต้องตายตกไปก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน มักจะจบด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต แม้แต่สำนักที่เป็นกลางยังไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้นี้ได้
หลังจับกุมตัวผู้ฝึกตนในสำนักฝ่ายตรงข้ามได้ ผู้ฝึกตนปีศาจจึงได้ทราบถึงเรื่องราวภายในหุบเขาล่าผลไม้วิญญาณ พวกเขาตอนนี้กำลังเพ่งเล็งเหล่าศิษย์ระดับเซียนเทียนเป็นพิเศษ
บุคคลแรกที่เป็นเป้าหมายคือฉุ่ยจิ้ง แต่เรื่องนี้ออกจะยากลำบากแล้ว เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรของนางนั้นแข็งแกร่ง มันไม่เพียงส่องสว่างภายในหุบเขา แต่นางกลับเป็นกุญแจสำคัญในการสู้รบภายนอกอีกด้วย ความเก่งกาจของนางมีมากเกินไป ซึ่งนั่นทำให้ผู้ฝึกตนปีศาจทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะเกลียดชังนาง
และยังมีอีกผู้หนึ่งนอกจากฉุ่ยจิ้ง ไม่ใช่ทั้งหานปิงเอ๋อ เจ้าอ้วน หรือว่าหงหยิง แต่เป็นผู้น่าเวทนาอย่างดาบเทวะไร้ผู้ต้าน
เห็นได้ชัดเจนว่าตำแหน่งที่สองของเขาได้มาเพราะเขาคือคนที่สังหารยู่เฟิง แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริงก็คือความจริง เพื่อให้ได้ตัวของดาบเทวะไร้ผู้ต้าน สำนักพันปีศาจยอมมอบรางวัลเป็นสมบัติวิเศษขั้นเจ็ด และสำหรับฉุ่ยจิ้งรางวัลคือสมบัติวิเศษขั้นเก้า! นับว่าเพียงพอให้เหล่าผู้ฝึกตนระดับจินตันออกมาเคลื่อนไหว
ลำดับที่สาม สี่ และห้านั้นคือหานปิงเอ๋อ หงหยิง และเจ้าอ้วนตามลำดับ สองคนก่อนหน้ายังมีเหตุผลพอรับฟัง แต่สำหรับลำดับที่ห้าคนอ้วนนามว่าซ่งจงกลับติดอันดับกับผู้อื่นด้วย อีกทั้งระดับของเขายังสูงกว่าเหล่าศิษย์ชั้นสูงของสำนักอื่น นั่นทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกโง่งม เขาเป็นเพียงใครคนหนึ่งที่ไร้ชื่อเสียงแต่กลับสร้างปัญหาใหญ่ให้กับสำนักพันปีศาจได้ นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก