ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
บทที่****161: เพลงสวาทอันเร่าร้อน
“เด็กน้อย ข้าขอถาม เหตุใดเจ้าจึงใช้ดาบเทวะเหมันต์ของหานปิงเอ๋อ?” ภรรยาจ้าวสำนักเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
เมื่อได้ยินคำถามเจ้าอ้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมมองฉุ่ยจิ้งและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ ท่านถามนางเถิด ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งบอกให้ข้าทำเช่นนั้น!”
เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในหัวของนางตอนนี้คิดว่าเจ้าอ้วนอาจจะกำลังแก้แค้นนางเรื่องผลไม้วิญญาณอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นนางจึงกล่าวออกมาอย่างขมขื่น “ศิษย์พี่ ข้าเพียงใช้เคล็ดวิชาการทำนายและรู้ว่าท่านสามารถใช้มันได้ ส่วนเหตุผลอย่างอื่นข้าไม่รู้อีกแล้ว!”
“แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน?” เจ้าอ้วนตอบกลับ “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้ารู้มากกว่าเจ้า?”
เมื่อได้ยินว่าเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้นก็ถือว่าไม่ผิด วิธีฝึกฝนของฉุ่ยจิ้งนั้นสามารถทำนายได้กว้างมาก ดังนั้นนางจึงต้องอ่านตำรามากมาย กล่าวได้ว่าคนที่มีความรู้มากที่สุดในสำนักเสวียนเทียนคือฉุ่ยจิ้งและอาจารย์ของนาง ถ้าหากพวกเขาไม่รู้อะไร แล้วคนอย่างเจ้าอ้วนจะมีสิทธิ์รู้งั้นหรือ?
พอจ้าวสำนักและภรรยาได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองพลันขุ่นเคืองเพราะต้องการทราบเรื่องราวเป็นอย่างมาก แต่แล้วเจ้าอ้วนกับฉุ่ยจิ้งไม่ตอบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เลยสักนิด ทว่าทั้งสองก็ไม่คล้ายโกหก พวกเขาจำต้องเลิกสนใจเรื่องนี้ไปและพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นยู่เฟิงกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าแทน
หงหยิงไม่ทราบเรื่องราวจึงนิ่งเฉย แต่กับฉุ่ยจิ้งและเจ้าอ้วนกลับร่วมมือกันโกหกอย่างโจ่งแจ้ง แม้พวกเขาจะยืนยันหนักแน่น แต่คิดว่าบุคคลระดับจ้าวสำนักและภรรยาคือผู้ใด? ชัดเจนว่าพวกเขาทราบถึงสิ่งซุกซ่อนในคำพูดเหล่านั้นจากประสบการณ์ชีวิตอันยาวนาน
จ้าวสำนักสงสัยฉุ่ยจิ้งมากที่สุด เป็นเพราะนางมีความสามารถที่จะเอาชนะยู่เฟิงมากที่สุด แม้ว่าหานปิงเอ๋อจะครอบครองดาบเทวะเหมันต์แต่ก็ไม่อาจเอาชนะยู่เฟิงได้ มีเพียงฉุ่ยจิ้งเท่านั้นที่สามารถทำนายสิ่งต่าง ๆ และใช้วิธีซุ่มโจมตีเพื่อให้เขาตายตกไป
อย่างไรแล้วฉุ่ยจิ้งปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่านางไม่ได้ซุ่มโจมตียู่เฟิง แต่ประเด็นสำคัญคือนางกล่าวว่าไม่รู้ใครที่กอบโกยสมบัติของยู่เฟิงไป เรื่องนี้น่าสงสัยที่สุด ฉุ่ยจิ้งนั้นไม่เหมือนผู้ใด แม้ว่าคนอื่นจะกล่าวออกมาว่าไม่รู้มันก็ไม่แปลก แต่กับผู้ที่สามารถทำนายหรือล่วงรู้อนาคตและจุดอ่อนของผู้อื่นได้ จะไม่ทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
แม้ว่านางจะไม่รู้ แต่สิ่งที่นางต้องทำคือยกมือขึ้นแล้วทำนายซะ แต่แล้วนางเอาแต่ตอบว่าไม่รู้อย่างหนักแน่นถึงสามครั้ง! ชัดเจนว่ามันคือข้ออ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางรู้บางสิ่งแต่ทว่านางไม่ต้องการที่จะพูดมันออกมา
ถ้าหากว่าเป็นผู้อื่น จ้าวสำนักคงจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล่อลวงหรือทรมานจนกว่านางจะยอมบอกความจริง แต่ทว่านี่คือฉุ่ยจิ้ง พวกเขาไม่สามารถวุ่นวายกับนางมากเกินไป เช่นนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงคิดว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าอยู่ในมือของนางและนางไม่ยินยอมที่จะส่งมันให้กับสำนัก
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เหมาะสม แต่มันคงไม่ดีถ้าหากพวกเขาทั้งสองกล่าวอะไรออกไปเพราะต้องยำเกรงอาจารย์ของนางด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ถ้าหากจะซักถามนางต่อ
เมื่อเจ้าอ้วนออกจากลานไป เขาไม่ได้กลับไปยังที่พักของตนเองทันที แต่เขาตรงไปที่ลานของศิษย์นอกและค้นหาเจ้าลิงภายในถ้ำของหุบเขานภา
พวกเขาตื่นเต้นมากที่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานานหลายปี เจ้าอ้วนโยนขวดให้เจ้าลิงอย่างไม่ใส่ใจนักพร้อมกล่าวว่า “ทำไม เจ้าไม่รู้จักข้างั้นหรือ?”
“เจ้ากำลังพ่นเรื่องไร้สาระอะไรอยู่!” เจ้าลิงตอบกลับอย่างขุ่นเคือง “พี่น้องอ้วน เจ้ากลับมาแล้ว เจ้าได้ผ่านช่วงเวลาของการต่อสู้ที่น่าประทับใจมาใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่านาวายักษ์ของสำนักเราแทบจะถูกทำลาย!”
“ใช่!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินถึงสิบคนและผู้ฝึกตนระดับจินตันสามสิบคนจากสำนักชอบธรรมและสำนักปีศาจ พวกเขาต่อสู้กันอย่างรุนแรง! ฉากเลือดปรากฏเต็มท้องฟ้าและพื้นดิน! เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหลายพันลี้! แม้แต่นาวายักษ์ยังไม่อาจรับการโจมตีเหล่านั้นได้ไหว แต่สมบัติของเราถือว่าดีกว่าผู้อื่นจึงสามารถกลับมาได้ แต่นาวายักษ์ลำหนึ่งของเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจนั้นแทบจะกลายเป็นฝุ่น สำหรับหอเฉวียนจี้ได้รับความเสียหายหนักมากจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีกต่อไป!”
“โอ้ แล้วพี่น้องอ้วนสบายดีหรือไม่?” เจ้าลิงรีบถามไถ่อย่างห่วงใย
“ข้าไม่เป็นไร เหล่าอาวุโสต่างปกป้องพวกเรา จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ!” เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมถามต่อ “แล้วชีวิตเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าสบายดี!” เจ้าลิงรีบตอบ “การฝึกฝนของข้าก้าวหน้าไปมากและในตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะรังแกข้าอีกแล้ว และบางครั้งข้าก็คิดถึงเจ้ามากด้วย!”
“ฮ่าฮ่า วิเศษ เมื่อไหร่ที่เจ้าเข้าสู่ศิษย์ชั้นใน เราสามารถอยู่ด้วยกันได้!” เจ้าอ้วนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์ชั้นใน?” เมื่อเจ้าลิงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างขื่นขม “พี่น้องอ้วน อย่ายกยอข้าเช่นนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของข้าแม้ว่าจะมีหินจิตวิญญาณที่เจ้าให้ไว้ แต่ข้าคงจะต้องใช้เวลาสักสองถึงสามทศวรรษเพื่อเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ!”
“ไร้สาระ!” เจ้าอ้วนยิ้มพร้อมยกขวดไวน์ของเขาขึ้นมาและกล่าวว่า “ดื่ม!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เจ้าลิงยกขวดไวน์เพื่อดื่มเช่นกัน
จากนั้นเขาหยิบกล่องหยกสีทองออกมามอบให้กับเจ้าลิง เขาคว้ามันอย่างรวดเร็วพร้อมถามอย่างสงสัยว่า “พี่น้องอ้วนนี่คือสิ่งใด?”
“เจ้ายังจะถามอีกหรือ? ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งไปที่ไหนมา?” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างขื่นขม
“ว่าอะไร?” เจ้าลิงไม่ใช่คนโง่ ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขาเข้าใจทุกอย่างพร้อมตอบกลับอย่างรวดเร็ว “อย่าบอกข้านะว่ามันคือผลไม้วิญญาณ?”
“ใช่แล้ว ขีดจำกัดของมันอยู่ที่สามผล เส้นลมปราณของเจ้าจะขยายเพิ่มขึ้นสามในสิบหลังจากที่กินมัน ความเร็วของการฝึกฝนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ตราบใดที่เจ้ายังไม่ละทิ้งการฝึกฝน เจ้าจะเข้าสู่ระดับปฐมภูมิภายในสิบปี!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างสนับสนุน
“จะเป็นไปได้งั้นหรือ?” เมื่อเจ้าลิงได้ยินเช่นนั้น น้ำตาของเขาไหลอาบทั้งสองแก้มและรีบกล่าวว่า “พี่น้องอ้วน สิ่งนี้มีค่ามากเกินไป ข้าไม่สามารถรับมันไว้ได้ ถ้าหากข้ารับมันไว้แล้วเจ้าล่ะ?”
“เหอะ!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกหงุดหงิดทันที “เจ้ามองข้าต่ำเกินไป! ข้ามีสิ่งเหล่านี้อีกมากมาย!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบเอากล่องหยกสีทองทั้งหกออกมาและกล่าวกับเจ้าลิง “ดูเสีย ทำไมข้าจะมีไม่พอ ข้ายังมีเหลือเฟือที่จะแบ่งมันให้กับศิษย์พี่หานอีกด้วย!”
“พี่น้องอ้วน…..” เมื่อเจ้าลิงเห็นเช่นนั้น เขาไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก น้ำตาของเขาเอ่อนองอีกครั้ง ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือนี่ไม่ใช่ผลไม้ธรรมดา มันเป็นสิ่งที่เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายยอมต่อสู้เพื่อมัน เหล่าผู้ฝึกตนปีศาจและชอบธรรมสร้างสงครามเพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณ กล่าวได้ว่ากล่องหยกสีทองทั้งสามนี้ไม่ได้แสดงถึงคุณค่าของมันเท่านั้น แต่แสดงถึงความคิดและความยากลำบากที่เจ้าอ้วนได้พบเจอกว่าจะได้พวกมันมาอีกด้วย
เจ้าอ้วนเข้าใจว่าเจ้าลิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาตบบ่าเจ้าลิงเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย ไม่ต้องกล่าวอะไรให้มากความ ดื่มเถอะ!”
“ดื่ม!” เมื่อเจ้าลิงได้ยินเช่นนั้น เขารีบเก็บกล่องหยกทันที พร้อมกล่าวว่า “พี่น้องอ้วน ข้ามีขนมปังให้เจ้า!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขายกขวดไวน์ดื่มจนหมดเพียงครั้งเดียว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนยกขวดไวน์เช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งสองกินดื่มด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เข้าสู่ยามราตรีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ผลลัพธ์ของวันนี้ก็คือเจ้าลิงไม่สามารถเอาชนะเจ้าอ้วนได้ เขาเมามายและนอนเป็นสุกรติดโคลนอยู่บนพื้น เจ้าอ้วนมองภาพนั้นพร้อมหัวเราะเบา ๆ เขาหยิบกระเป๋ามิติของเจ้าลิงพร้อมทั้งใส่หินจิตวิญญาณจำนวนมากไว้ และยังมีน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าพร้อมยาอายุวัฒนะบางส่วนสำหรับการฝึกฝนของเจ้าลิง
หลังจากที่เจ้าอ้วนเดินออกมา เขาจัดการขยะมากมายในมิติลึกลับของตนเองเพื่อให้มันย่อยสลาย หลังจากนั้นเขาจึงเดินทางกลับไปยังลานม่านหมอกของตนเอง
ร่างกายของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยกลิ่นของสุรา เขามองเห็นหญิงสาวสวมชุดขาวรอเขาอยู่ที่หน้าลาน จากการมองเพียงครั้งเดียวเขารู้ได้ทันทีว่านางคือหานหลิงเฟิง
ในขณะนั้นอารมณ์ของเจ้าอ้วนสูบฉีดขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้มองใบหน้าของหานหลิงเฟิงที่เขาหลงใหลมานาน ความปรารถนาของเขาระเบิดออกทันที
โดยไม่ต้องกล่าวสิ่งใด เขาอุ้มนางพร้อมวิ่งเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
“คนบ้า!” หานหลิงเฟิงตกใจพร้อมตะโกนถามเจ้าอ้วนอย่างทำอะไรไม่ได้ “เจ้าอ้วน เจ้าคิดทำอะไร?”
“ทำให้เจ้าดูว่าข้ารักเจ้ามากขนาดไหน!” ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขาฉีกเสื้อผ้าของนางออกทั้งหมด
“อา” ในขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้น นางค้นพบว่าตนเองพ่ายแพ้ต่อเจ้าอ้วนอีกครั้ง แม้ว่านางกับเจ้าอ้วนจะทำเช่นนี้หลายครั้ง แต่ทว่านางยังคงไม่คุ้นเคยกับมันสักที หลังจากนั้นนางจึงกล่าวออกมาอย่างอับอาย “เจ้าอ้วน เจ้าดื่มมางั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าดื่ม แต่มันไม่ส่งผลกระทบกับความแข็งแกร่งของข้าแม้สักนิด!” ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขาฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขากล่าวกับหานหลิงเฟิงพร้อมยกนางขึ้น “ศิษย์พี่ มาเถิด! ข้าจะทำให้เจ้าสำลักความสุขจนตาย!” ในขณะที่เขาพูดกล่าวออกมา เขาไม่สนใจสิ่งที่นางคัดค้านพร้อมทั้งพุ่งเข้าหานางทันที
“อา!” หานหลิงเฟิงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในช่วงเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นกลายเป็นความสุขเข้ามาแทนที่ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางกล่าวออกมาเบา ๆ “เจ้าอ้วน ข้าแทบถูกเจ้าฆ่าตายเพราะสำลักความสุข!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางกำลังผ่อนคลายอยู่และอนุญาตให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ
“ฮี่ฮี่ งั้นเรามาตายด้วยกัน!” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมดำเนินการต่อไป ในขณะนั้นทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกามอารมณ์พร้อมทั้งความสุขสันต์
หลังจากที่ผ่านชั่วโมงของการต่อสู้ที่หนักหน่วง เจ้าอ้วนรู้สึกพอใจอย่างมาก สำหรับหานหลิงเฟิง นางไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย แขนและขาทุกส่วนล้วนแต่ไร้เรี่ยวแรง
“แม่นกน้อยของข้า เจ้ารู้สึกดีหรือไม่?” แม้ว่าเจ้าอ้วนจะรู้สึกพึงพอใจแล้วแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปกอดนาง