ตอนที่ 262 รูอุโมงค์ โดย Ink Stone_Fantasy
มือซ้ายถือเข็มทิศมือขวาถือพลั่ว เยี่ยเทียนมาถึงรูอุโมงค์ที่โจวเซี่ยวเทียนใช้เข้าไป เพราะกลัวคนเจอเข้า นี่เป็นรูอุโมงค์ขนาดเล็ก ที่อยู่หลังเนินเขา ด้านบนพรางตาไว้ด้วยโคลนและกิ่งไม้
เอาเข็มทิศย้ายจากบริเวณปากกระเป๋าไปยังภายในเสื้อ เยี่ยเทียนใช้พลั่วขุดโคลนที่ปิดปากรูอุโมงค์ออก รอประมาณห้าถึงหกนาที ดูว่าอากาศภายในมีการไหลเวียนพอประมาณแล้ว เยี่ยเทียนก็เอาหัวเข้าไป และเคลื่อนลำตัวและขาตามเข้าไป
รูอุโมงค์นี้หากมองจากภายนอกดูไม่ใหญ่มาก แต่ก็เพียงพอกับขนาดของไหล่เยี่ยเทียนให้เข้าไปได้ แต่ภายในกลับมีที่ว่างเพิ่มอีก ด้านข้างของรูอุโมงค์ใช้ดินโคลนทำทั้งสองข้างแต่ดูแล้วไม่มีโอกาสเกิดการถล่ม
“งานด้านไหนก็ไม่ง่ายทั้งนั้น ดูท่าเมื่อก่อนตัวเองจะมีอคติกับคนขโมยสุสานมากเกินไปซะแล้ว!”
หากไม่ได้เจอกับตัวเองเหมือนตอนนี้ เยี่ยเทียนก็รู้สึกว่าเป็นโจรขโมยสุสานนี่ก็ไม่ง่าย ไม่เพียงแต่ใช้สมอง ยังต้องใช้พละกำลังดัวย อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง รูอุโมงค์ที่ยาวเกือบสิบห้าเมตรนี้ก็ยากมากแล้ว
ใช้แขนขาร่วมกันในการพาตัวเองเคลื่อนที่มาสิบกว่าเมตรแล้วนั้น เยี่ยเทียนก็มาถึงด้านหนึ่งของสุสาน กำแพงอิฐสีดำก็บดบังทางของเขาไว้ โคลนบนกำแพงที่ติดอยู่ก็ถูกทำความสะอาดซะเอี่ยม อิฐที่ก่อซ้อนกันเป็นระเบียบปรากฏต่อหน้าเยี่ยเทียน
ไฟฉายหัวกบซึ่งค่อนข้างสว่างไปหน่อย เยี่ยเทียนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ก็มองว่านี่น่าจะเป็นมุมโค้งของสุสาน
พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างจะใหญ่หน่อย สามารถรองรับคนนั่งยองๆ สองคนได้ ที่อิฐมุมหนึ่ง มีกระดูกศรีษะตกกระจายเกลื่อนอยู่ ไม่รู้ว่าตายมานานเท่าไหร่แล้ว กะโหลกถูกดินโคลนกัดจนเป็นสีออกเหลือง
“คนตายเพราะความโลภ นกตายเพราะอาหาร” เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนหรือนานกว่านั้น ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้เหลือเพียงกระดูกที่โดดเดี่ยวนี้
บนอิฐที่มีการเคลื่อนย้ายไม่นานมานี้ มีอิฐหายไปหนึ่งอัน ตำแหน่งที่ว่างนั้นมีเข็มทิศของโจวเซี่ยวเทียนยัดอยู่ เข็มทิศเดิมที่แวววาว ในเวลานี้ความแวววาวนั้นหายไป ถึงแม้จะอยู่ใต้แสงไฟ
เยี่ยเทียนไม่ได้รีบร้อนหยิบเข็มทิศออกมา แต่กลับคุกเข่าลงบนพื้น ใช้พลังธาตุรับรู้ถึงพลังพิฆาตที่ปล่อยออกมาไม่หยุด
“ค่ายกลพลังพิฆาตที่กำลังหมุนเวียนอยู่ มีผู้สูงส่งคอยบงการ และความอาฆาตมาตรร้ายรุนแรง ในสุสานแห่งนี้ จะต้องมีคนตายมาก่อน!”
เยี่ยเทียนที่นั่งลงบนพื้น ร่างกายกระตุกให้เปลือกตาสองข้างเปิดออก ในตอนที่พลังของเขาสัมผัสกับอิฐนั้น พลังพิฆาตด้านหลังที่มีความเข้มข้นกลับจู่โจมเข้ามา อยากจะกลืนกินพลังของเยี่ยเทียน
พลังพิฆาตเหมือนกับอากาศ มีดสั้นอู๋เหินไร้ร่างไร้ความคิด พลังที่มีการโจมตีแบบนี้ จะต้องมีคนใช้ค่ายกลนำทางแน่นอน และฝีมือสูงส่ง ทำให้พลังพิฆาตพวกนี้กลายเป็นพลังที่มีความคิดขึ้นมา
พลังพิฆาตนี้ไม่เพียงแต่ง่ายต่อการหลอมรวมกับพลังของอุโมงค์ แต่ยังสามารถไหลเข้าสู่คนที่เข้ามาในสุสาน สำหรับคนโมยขุดสุสาน ที่ไม่มีวิชาติดตัว พลังพิฆาตเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการรีดวิญญาณชีวิตเท่าไหร่นัก
“กระแสพลังที่เข้มข้นขนาดนี้ ถ้าสลายไปหมดก็อดเสียดายไม่ได้ เฮ้อ ถ้ารู้มาก่อนจะเอาโคมจูเชวี่ยมาด้วยแล้ว!”
สุสานแห่งนี้ถูกขโมยขุดอย่างน้อยสิบกว่าครั้ง ฮวงจุ้ยนั้นขาดแคลนไม่ครบ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะปิดบริเวณที่ถูกโจวเซี่ยวเทียนทำลายไปแล้วนั้น พลังพิฆาตนั้นก็จะเล็ดลอดออกมาวันยังค่ำ
ดังนั้นเยี่ยเทียนเตรียมที่จะเปลี่ยนฮวงจุ้ยของที่นี่ ทำให้พลังพิฆาตและพลังชี่ไหลออกจากสุสานพร้อมกัน แบบนี้ถึงจะรวบรวมอันตรายจากพลังพิฆาตไว้ด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายภายหลังได้อีก
แต่พลังพิฆาตก็จะถูกปล่อยทิ้งเปล่าๆ เยี่ยเทียนก็รู้สึกเสียดาย หากโคมจูเชวี่ยอยู่ล่ะก็ วางเอาไว้ที่นี่ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถดูดพลังพิฆาตเหล่านี้จนหมด กลายเป็นอาวุธวิเศษขึ้นมาก็ได้
ความคิดนี้ทำให้เยี่ยเทียนใจเต้น เขาเกิดความคิดที่จะกลับปักกิ่งไปเอาโคมจูเสวียมาที่นี่ ต้องรู้ก่อนว่าหาก กลายเป็นอาวุธวิเศษแล้ว ย่อมต้องมีค่ามากกว่าของมีค่าอื่นๆ รวมกันซะอีก
“ช่างเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย อย่าทำอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสียเลย…”
หลังจากประเมินอยู่ชั่วครู่แล้ว เยี่ยเทียนก็ยกเลิกความคิด หากในช่วงเวลานี้ สุสานถูกคนค้นพบ โคมจูเชวี่ยของเขาก็อย่าคิดว่าจะเอากลับมาได้เลย
“เอาออกมาเลี้ยงซะหน่อยก็ไม่เลว”
ถึงแม้โคมจูเชวี่ยจะไม่อยู่ข้างกาย แต่มีดสั้นอู๋เหินเดิมทีก็เหมือนกับพลังพิฆาตในสุสาน ดูดพลังพิฆาตเข้าไปบางส่วน เป็นประโยชน์กับมีดสั้นอู๋เหิน ไม่มากก็น้อย
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนก็หยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋า นำมาติดบนอิฐจากนั้นก็หยิบเข็มทิศที่ติดอยู่บนกำแพงอิฐออก
“ให้ตายเถอะ พลังพิฆาตรุนแรงมาก ยันต์นี้ทานได้มากสุดก็สองชั่วยาม!”
ยังไม่ทันได้ดูเข็มทิศของโจมเส้าเทียน เยี่ยเทียนก็รับรู้ได้ถึงกระแสพลังหยางที่เยือกเย็นพุ่งทะลุกำแพงออกมา ถูกยันต์เจิ้นเสียกั้นเอาไว้ได้ สีเลือดสดบนยันต์มองเห็นได้ว่ากำลังเจือจางลง
เยี่ยเทียนหยิบอิฐก้อนที่ตกลงบนพื้นขึ้นมา นำยัดกลับเข้าไปที่เดิมของมัน จากนั้นนำเอามีดสั้นอู๋เหิน ที่อยู่บนบ่าด้านซ้ายของเขาเสียบเข้าไปตรงช่องว่างของอิฐ เอื้อมมือไปหยิบยันต์แผ่นนั้นออกมา
ขาดจากการขวางกั้นของยันต์ เยี่ยเทียนพลันรู้สึกถึงกระแสพลังหยางเย็นยะเยือกที่เป็นพลังพิฆาต พุ่งทะลุกำแพงออกมาเต็มไปหมด เหมือนคลื่นจากทะเลที่ถาโถมเข้ามา ราวกับจะทำให้ตัวเองจมลงไป
แต่ว่าในเวลานี้เอง มีดสั้นอู๋เหิน ที่ถูกเสียบเอาไว้ที่ร่องอิฐ พลันส่งเสียงร้องที่ชัดแจ๋วขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ราวกลับกำลังร้องเพลง กระแสพลังที่พวยพุ่งราวกับคลื่นนั้นถูกมีดสั้นอู๋เหินดูดเข้าไปเกือบหมด
พลังพิฆาตที่ถูกกักเก็บมาเป็นพันปี ไม่ใช่ว่ามีดสั้นอู๋เหิน จะสามารถดูดเอามาได้หมดในเวลาอันสั้น ยังคงมีพลังพิฆาตจำนวนไม่น้อยที่ทะลุกำแพงออกมา ไหลเข้ามาที่มีดสั้นอู๋เหิน ทั้งสองกลายเป็นความสมดุลชั่วคราว
“ได้ผลจริงแหะ!”
หลังจากเห็นผลงานของมีดสั้นอู๋เหิน แล้ว ใบหน้าของเยี่ยเทียนแสดงความดีใจออกมา ให้มีดสั้นอู๋เหิน อยู่ที่นี่ช่วงเวลาหนึ่ง คุณสมบัติของมันจะได้รับการผลักดันให้สูงขึ้นไปอีก ไม่แน่ว่าอาจจะขึ้นไปถึงขั้น “อายุวัฒนะ” ก็เป็นได้
ที่เรียกว่า “อายุวัฒนะ” ไม่ได้หมายถึงวันเดือนปีที่เคลื่อนคล้อย แต่หมายถึงอาวุธโจมตีประเภทหนึ่งภายในฉีเหมิน เมื่ออาวุธที่สืบทอดมาถูกเลี้ยงจนพลังอยู่ในระดับสูง ก็จะทำให้เกิดความสามารถที่เป็นอายุวัฒนะนี้ได้
แต่อาวุธที่เป็นตำนานนี้ เยี่ยเทียนเพียงแต่เคยได้ยินมาเท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง อาวุธโจมตีนั้นมีอยู่น้อยมาก ก็คือมีดสั้นอู๋เหิน ด้ามนี้ นั่นก็มาจากวาสนาที่พอดีกันเยี่ยเทียนถึงได้มา
“เอาล่ะ สำเร็จหรือไม่ตอนเช้าก็จะต้องเอากลับไป!”
ถึงแม้จะอยากให้มีดสั้นอู๋เหิน อยู่ที่นี่หลายวันหน่อย แต่ระยะเวลากว่าจะเช้าก็ยังมีเวลาอีกห้าถึงหกชั่วโมง เยี่ยเทียนพยายามให้มีดสั้นอู๋เหิน ดูดพลังพิฆาตเยอะขึ้นอีกหน่อย หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เยี่ยเทียนก็หันหลังอยู่ภายในอุโมงค์ ปีนกลับออกไปทางเดิม
หลังจากยื่นหัวออกไปประเมินดูรอบทิศทาง เยี่ยเทียนก็ออกมาจากอุโมงค์ อาศัยความมืดพรางกาย ค่อยๆ เปิดประตูรถอย่างไร้เสียง
“เยี่ย…พี่เยี่ย” โจวเซี่ยวเทียนทีนั่งอยู่ด้านหน้า ถูกการเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนทำให้ตกใจขึ้น เกือบเอาไฟฉายในมือทำร้ายเยี่ยเทียนไปแล้ว
พูดตามตรง งานปล่อยเวลาไปแบบนี้ของโจวเซี่ยวเทียน ยากกว่าการที่เยี่ยเทียนลงไปข้างล่างเสียอีก
เยี่ยเทียนยุ่งอยู่ด้านล่าง ก็ไม่มีหัวไปคิดฟุ้งซ่านอะไรมาก แต่โจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ด้านบนไม่เหมือนกัน ด้านหนึ่งเป็นห่วงเยี่ยเทียน อีกด้านก็กลัวชาวบ้านผ่านมา จิตใจหวาดระแวงไปหมด
“เอ้า นี่เข็มทิศของนาย ดีที่ฉันมาเร็ว ไม่ได้เสียไปซะหมด เลี้ยงไว้ช่วงเวลาหนึ่งยังใช้ได้อีก!”
หลังจากเยี่ยเทียนขึ้นมาบนรถก็โยนเข็มทิศของโจวเซี่ยวเทียนไป ไม้แข็งที่ใช้ทำเข็มทิศวางไว้ที่นั่นเป็นเวลาสองวันเต็มๆ ด้านหลังของเข็มทิศก็เกิดรอยแตกขึ้นมา เห็นได้ว่าในสุสานนั้นพลังพิฆาตรุนแรงขนาดไหน
“ผมเลี้ยงอาวุธไม่เป็น…”
โจวเซี่ยวเทียนจับของต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่พ่อทิ้งไว้อย่างทะนุถนอม หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ถึงเพิ่งนึกเรื่องหลักที่มาวันนี้ได้ ถามกับเยียเทียนว่า “พี่เยี่ย ด้านล่างเป็นยังไงบ้างพลังพิฆาตหยางรั่วไหลออกมารึเปล่า”
เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “ไม่เป็นไร รอประมาณตีสามฉันจะลงไปที่สุสาน เปลี่ยนฮวงจุ้ยของสุสานแห่งนี้”
กว่าจะถึงตีสามก็อีกหลายชั่วโมง เยี่ยเทียนพูดจบก็นอนพักบนรถหลับไป โจวเซี่ยวเทียนไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ยังต้องนั่งถ่างตาคอยสังเกตุรอบข้างต่อไป
เมื่อถึงตีสาม เยี่ยเทียนก็ลืมตาขึ้นอย่างตรงเวลา ลุกขึ้นเปิดประตูรถเดินไปยังอุโมงค์สุสานนั้น
“พี่เยี่ย ไม่ได้เอาหน้ากากออกซิเจนไปด้วย ห้ามสูดอากาศในสุสานเข้าไป!” เห็นเยี่ยเทียนไม่ได้เอาหน้ากากออกซิเจนไปด้วย โจวเซี่ยวเทียนอดไม่ได้ต้องร้องเรียกเสียงกระซิบ
สุสานนี้ปิดมาเป็นเวลากว่าพันปี ด้านในไม่เพียงแต่มีพลังพิฆาตอยู่เท่านั้น ในอากาศกลับมีเชื้อโรคและอากาศที่เป็นพิษอื่นๆอีก เพราะฉะนั้นในตอนที่คนขุดหาของโบราณ จะเปิดสุสานมักจะรอให้อากาศไหลเวียนซักชั่วเวลาหนึ่งก่อนแล้วจึงเข้าไป
แต่กับโจรขุดสุสานนั้นไม่ได้มีพิธีรีตรองขนาดนั้น งานของพวกเขาเป็นงานหนักและเวลาน้อย หลายคนมักจะสวมหน้ากากออกซิเจนเข้าไปในสุสาน นี่ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ตอนนี้มีนวัตกรรมนี้ออกมาให้แก่พวกขุดสุสานได้ใช้
“ฉันไม่ใช้ของพวกนั้น!” เยี่ยเทียนโบกมือ โดยไม่ได้หันไปมองเดินตรงไปยังอุโมงค์สุสาน
แต่ครั้งนี้เยี่ยเทียนไม่ได้เข้าไปในอุโมงค์ แต่เดินตรงไปยังด้านข้างทางทิศใต้สุด อ้อมเนินเขาเล็กนั่นไปแล้ว ก็เอาพลั่วออกมาขุดบริเวณหนึ่งที่ดูไปก็เหมือนๆ กับบริเวณอื่น
โจวเซี่ยวเทียนตามหลังเยี่ยเทียนมา เห็นการกระทำของเยี่ยเทียนก็อดถามขึ้นอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “พี่เยี่ย นี่พี่กำลังคิดจะทำอะไรตอนนี้ก็ตีสี่แล้ว จะขุดอุโมงค์อีกก็ไม่ทันแล้วนะ”
งานขุดอุโมงค์เข้าไปในสุสานไม่ใช้งานง่ายๆ หากไปเจอสุสานที่ฝังเอาไว้ลึกมา ต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันจึงจะขุดเจอ
โจวเซี่ยวเทียนนับตั้งแต่ตัวเขาเองเข้าไปในรูอุโมงค์นั้นก็สามารถคำนวนได้ หากทำคนเดียวผนวกกับตอนนี้อากาศหนาวเหน็บ อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ จึงจะสามารถขุดเส้นทางเข้าไปได้
“ใครว่าฉันจะขุดอุโมงค์เข้าไป”
เยี่ยเทียนมองโจวเซี่ยวเทียนอย่างอารมณ์ไม่ดี แต่มือไม่ได้หยุด ในตอนที่เขาพูดจบ ด้านล่างของพลั่วก็เกิดเป็นรูอุโมงค์ดำๆ เล็กๆ ขึ้น
………………