ตอนที่ 95 ต่อแถวเข้าสุขา / ตอนที่ 96-1 เจ้าอยากได้ร่างกายข้าหรือไม่

 

ตอนที่ 95 ต่อแถวเข้าสุขา

 

 

“จั่วอี้อ๋อง ไม่ดีแล้ว” นายทหารคนผู้หนึ่งวิ่งเขาค่ายทหารมาด้วยความร้อนรน

 

 

ยามนี้ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง

 

 

เบื้องหน้าเซียวชินเพิ่งจัดวางอาหารของวันนี้ เขามองทหารวิ่งเข้ามาเบื้องหน้าอย่างรีบร้อน ใบหน้าเผยความตื่นตระหนกเพียงชั่ววูบ แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว “อะไรไม่ดีแล้ว เจ้ารีบเอ่ยมา”

 

 

นายทหารรีบตอบกลับ “ข้าวสารพวกนั้น คือข้าวสารเหล่านั้น หลังจากคนของพวกเรากินแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างก็ท้องเสียกันหมด หลังจากหมอประจำค่ายตรวจอาการก็บอกว่ากินของผิดสำแดง แต่รายละเอียดคืออะไร ท่านหมอก็บอกไม่ได้”

 

 

 “อะไรนะ” เซียวชินทะลึ่งกายขึ้นอย่างไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ข้าวสารพวกนั้นข้าตรวจสอบแล้ว ไม่มีพิษ ทั้งไม่มีผงยาถ่าย จะเกิดปัญหาขึ้นได้อย่างไร”

 

 

นายทหารเองก็อึ้งไป “ข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่ทราบ”

 

 

นายทหารเอ่ยคำพูดนี้ สีหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยวแล้ว

 

 

เขาหน้าตาบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง ภายใต้สายตาเย็นเฉียบของเซียวชิน สีหน้าเปลี่ยนไปเจ็บปวดราวไม่อยากมีชีวิตต่อ รีบมองเซียวชินด้วยความทรมาน กล่าวว่า “จั่วอี้อ๋อง ขอโทษด้วย ข้าน้อยมิได้เจตนา”

 

 

 “หืม?” เซียวชินกำลังจะถามว่าเหตุใดถึงเอ่ยเช่นนี้

 

 

เสียงดังขึ้น “ปู๊ด…”

 

 

นายทหารผายลมออกมาแล้ว…

 

 

เสียงดัง ชัดและลากยาว อีกทั้งยังเหม็นมาก

 

 

สีหน้าเซียวชินในเวลานี้ว่างเปล่า 

 

 

นายทหารเองก็กระอักกระอ่วนใจ อึดอัด รู้สึกว่าตนผิดสมควรตาย ไม่รู้สมควรทำอย่างไรดี

 

 

เขาท่าทางกระบิดกระเบี้ยว กุมก้นของตนกระโดดขึ้นมา “จั่วอี้อ๋อง ข้าน้อยหาได้เจตนา ข้าน้อยก็กินข้าวเช่นกัน ข้าน้อยอดทนอาการถ่ายท้อง เพื่อมารายงานท่าน ข้าน้อยต้องไปสุขาแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อน”

 

 

เมื่อเอ่ยจบ นายทหารไม่ทันรอให้เซียวชินอนุญาตก็จากไป

 

 

เขากุมก้นตัวเอง รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปด้านนอก หวาดกลัวว่าหากตัวเองช้าไปสักน้อย ความกระอักกระอ่วนจะไม่หยุดอยู่แค่ที่นี่

 

 

กลิ่นผายลมของเขา ฟุ้งติดอยู่ในกระโจมอยู่นานก็ไม่หายไป

 

 

อีกทั้งตอนที่เขาวิ่งออกไปด้านด้านนอก ยามถึงหน้าประตู ยังมีเสียง “ปู๊ด” ดังขึ้นอีกครั้ง ก๊าซที่มีกลิ่นนั้นกระจายฟุ้งไปทั่วกระโจมอีกครั้ง

 

 

นายทหารขัดเขินโมโหจนเกือบตาย หากมิใช่ตัวเองเป็นบุรุษอกสามศอก คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ใต้เท้าเสมือนมีกงล้อติดไฟ พุ่งทะยานไปอย่างว่องไว

 

 

เซียวชินสีหน้าเหม่อลอยอยู่ในกระโจมครู่ใหญ่ มองอาหารบนโต๊ะตนทีหนึ่ง เขาใช้เข็มเงินจิ้มลงไปเพื่อทดสอบพิษ

 

 

เข็มเงินทิ่มลงไป ยามเอาออกมาก็ยังคงสีเงิน

 

 

ไม่มีพิษจริงๆ

 

 

แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นมาจนถึงบัดนี้ ทหารทั้งหลายแสดงออกว่าหลังจากกินข้าวแล้ว ถึงเริ่มถ่ายท้อง เขาย่อมไม่กล้าเสี่ยงกิน

 

 

เซียวชินสีหน้าเย็นชา เดินออกจากกระโจม

 

 

หลังจากออกไปแล้วก็เห็นคนต่อแถวเรียงแถวกันอยู่ในค่ายยาวเหยียด ทหารหลายหมื่น มีสีหน้าเจ็บปวดเช่นเดียวกันยืนเรียงแถวยาวหน้าห้องสุขาไม่กี่ห้อง

 

 

อีกทั้งยังมีเสียงดังขึ้นเป็นระยะ เป็นเสียงของบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง

 

 

ทว่าทุกคนล้วนไม่มีอารมณ์สนใจการผายลมหมู่ว่าน่าเวทนาเพียงไหน พวกเขาต่างหวังว่าสหายคนหน้าจะเข้าห้องสุขาโดยไว ให้พวกเขาเข้าไปได้แล้ว พวกเขาจวนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

 

 

นายหทารที่ปลดทุกข์เรียบร้อยวิ่งออกจากสุขา นายทหารอีกคนก็รีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่นายทหารเพิ่งเสร็จธุระก้าวออกออกมาจากสุขาเมื่อครู่ ยามนี้สีหน้าสับสนอีกแล้ว ยังคิดกลับเข้าไปใหม่…

 

 

หน้าห้องสุขา ทหารเคาะประตูเร่งรัดอย่างเอาเป็นเอาตาย “เร็วเข้า เร็วหน่อย ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

 

 

สีหน้าเซียวชินไม่น่ามองเป็นอย่างมาก 

 

 

ในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าม้าดังแทรกผ่านความมืดมิด ทัพใหญ่ของเยี่ยเม่ยเข้าล้อมไว้แล้ว

 

 

เหล่าทหารที่กำลังจะเข้าสุขา รีบหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี รีบร้อนร้องให้รับข้าศึก แต่ละคนต่างหยิบยกอาวุธ สะกดกลั้นอาการที่ไม่อาจควบคุมได้ สีหน้าเศร้าสลด เตรียมตัวต้านศึกไว้ด้วยน้ำตา

 

 

กองหน้าของทหารสองทัพ เยี่ยเม่ยเผชิญหน้ากับเซียวชิน

 

 

เซียวชินสีหน้าคล้ำ เยี่ยเม่ยใบหน้าเย็นเยือก

 

 

           เซียวชินโมโหจนไม่สนอะไรอีกแล้ว มีแต่สายตาเย็นเยือก จ้องมองเยี่ยเม่ย “ตอนนี้ข้าแทบอยากฆ่าเจ้าทิ้งซะ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยอธิบายหน่อย ในข้าวสารไม่มีพิษชัดๆ หลังจากพวกทหารกินแล้ว ไฉนถึงเป็นเช่นนี้”

 

 

 

 

ตอนที่ 96-1 เจ้าอยากได้ร่างกายข้าหรือไม่

 

 

เซียวชินเอ่ยคำนี้ออกมา ก็เท่ากับถามแทนใจของคนทั้งหมด

 

 

ความจริงเหล่าทหารของราชสำนักเป่ยเฉิน ก็สงสัยในเรื่องนี้มานาน แม่ทัพที่ติดตามเยี่ยเม่ยมาในครั้งนี้ ก็มีอยู่หลายนาย นอกเสียจากหลูเซียงฮั่วแล้ว คนอื่นต่างไม่รู้ว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

เยี่ยเม่ยมองเซียวชินด้วยสายตาเย็นชา เลิกคิ้วสูงด้วยความเย็นชา ถามว่า “อยากรู้จริงหรือ”

 

 

เซียวชินยังไม่เอ่ยอะไร เหล่าทหารต้ามั่วทั้งหมดก็ทนไม่ไหวสบตากันไปมา มองหน้าสหายของตนอยู่หลายครั้ง จากนั้นค่อยหันมองเยี่ยเม่ย สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

จากนั้น…

 

 

 “ปู๊ด”

 

 

 “ป๊าดดด…”

 

 

เวลานี้มีทหารต้ามั่วสองนาย ไม่อาจสะกดกลั้นผายลมได้อีก

 

 

           หลังจากเอ่ยจบแล้ว ทั่วทั้งสนามรบก็เงียบสงบลงไปชั่วครู่

 

 

ยามนี้สีหน้าเซียวชินว่างเปล่าไปหลายวินาที…

 

 

พูดตามตรงแล้ว ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน สถานการณ์ตึงเครียด ไอสังหารเข้มข้น เป็นช่วงเวลาที่ไม่อาจละสายตาได้

 

 

จู่ๆ ทหารทั้งหลายพลันผายลม ทั้งยังเสียงดังขนาดนี้ ย่อมกลบเสียงของเซียวชิน ดึงดูดสายตาทุกคน

 

 

ความจริงเรื่องนี้ไม่ร้ายแรงนัก ?

 

 

เซียวชินหันกลับไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า สายตามองนายทหารสองคนนั้น นายทหารสองคนก็มีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ ความจริงพวกเขาทรมานมาก อึดอัดใจยิ่ง พูดไปตามตรงแล้ว หากมิใช่เพราะทหารศัตรูอยู่ที่นี่ พวกเขายังคิดทำศึกกันที่ไหนเล่า…

 

 

ความปรารถนาเดียวของพวกเขาก็คือ เข้าห้องสุขา

 

 

อยากจะร้องไห้ฟูมฟามยิ่งนัก

 

 

….

 

 

ในยามที่เซียวชินหันกลับมามอง ทหารคนอื่นๆของต้ามั่วล้วนมีสีหน้าเคารพ แววตาแวววาว มอง เซียวชินอย่างจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึม คล้ายกับกำลังจะเข้าร่วมพระราชพิธีศพขององค์ราชา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาทนไหว พวกเขาไม่ผายลมแน่

 

 

ในที่สุดริมฝีปากนอกหน้ากากของเซียวชินก็คลี่ยิ้มชื่นชมออกมา ถึงรอยยิ้มนั้นจะดูฝืนทนไปบ้าง ทว่าความจริงยินดีจากใจ ดีใจที่ทหารในมือตนจำนวนมากยังรู้ว่า ในสถานยการณ์เช่นนี้ผายลมออกมาเป็นการกระทำที่ไม่เคร่งครัดเลย 

 

 

เป็นความผิดพลาด

 

 

จากนั้นยามที่ เซียวชินหันหน้ากลับไปมองพวกเยี่ยเม่ยอีกครั้งหนึ่ง ด้านหลังของเขาพลันเกิดเสียงดังตลบขึ้น…

 

 

 “ปู๊ด”

 

 

 “ปู๊ด”

 

 

 “ปู๊ด”

 

 

ในค่ำคืนอันเงียบสงบ ทำให้เสียงดังมากขึ้นเป็นพิเศษ

 

 

คล้ายกับดอกไม้ไฟดังขึ้นในยามราตรี มีความพิเศษ แปลกประหลาด และน่าสนใจ ทำให้เซียวชินพูดไม่ออกว่าสุดท้ายจะเอาอย่างไร รู้สึกคล้ายไม่อาจใช้ภาษาบรรยายออกมาได้

 

 

ทุกข์ใจ

 

 

เหล่าทหารของเป่ยเฉินตะลึงอยู่นาน หลังจากอดทนอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ล้วนระเบิดหัวเราะออกมา

 

 

 “ฮ่าๆๆ”

 

 

 “ไอ้หยา มารดามันเถอะ น่าขำจนตายแล้ว”

 

 

 “นี่มันศึกปะทะกลิ่น ฮ่าๆๆ”

 

 

 “ข้าเป็นทหารมายี่สิบปีแล้ว ครั้งแรกที่เจอศึกเช่นนี้ ฮ่าๆ”

 

 

หลูเซียงฮั่วเองก็ทนไม่ไหว มองเงาหลังเยี่ยเม่ย เขาเพียงอยากบอกว่า แผนการนี้…ล้ำเลิศมาก ยามนี้ข้าศึกไร้อานุภาพไปแล้ว ทั้งยังจะถ่ายท้องแล้วยังถูกบีบให้รับศึก ซ้ำยังมีเสียงพวกนั้น…

 

 

นี่มากพอให้ทหารศัตรูเสียหน้าหมดสิ้นตั้งแต่ยังไม่เปิดศึก

 

 

รอยยิ้มชื่นชมที่ริมฝีปากเซียวชินพลันแข็งขืน ไม่น่ามองมากกว่าเสียยิ่งกว่ายามร้องไห้อีก ยังดีที่มีหน้ากากใบหนึ่งปิดบังไว้ ไม่เช่นนั้น เซียวชินรู้สึกว่าเขาไม่มีหน้าไปพบคนอีก

 

 

ยามนี้เขาตระหนักแล้วว่า ตนเองสวมหน้ากากออกท่องยุทธภพ นอกจากช่วยปกปิดฐานะแล้ว ยังช่วยปิดบังความอึดอัดใจ ช่วยรักษาหน้าอีกด้วย

 

 

เวลานี้เขาไม่คิดหันกลับไปมองทหารของตนด้านหลังอีกแล้ว ตอนนี้ก็พยายามทำความเข้าใจพวกเขา บอกตัวเองว่า เหล่าทหารไม่คิดผายลมเลยสักน้อย ไม่อยากทำเรื่องน่าละอาย พวกเขาก็แค่ทนไม่ไหว ไม่อาจทำอะไรได้

 

 

อืม ตอนนี้ต่อให้ไม่เข้าใจก็ไม่มีวิธีแก้ไขอื่นอีก

 

 

เยี่ยเม่ยใช้สายตาเย็นเยียบมองคนของต้ามั่วผายลม จากนั้นปรายตามองคนของเป่ยเฉินที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด แล้วค่อยจ้องมองเซียวชิน ใบหน้าไร้อารมณ์

 

 

เซียวชินไม่พูดอะไรชั่วคราว เขาหน้าดำคร่ำเครียด รอทหารของเป่ยเฉินหยุดหัวเราะ

 

 

ผ่านไปสักพัก…

 

 

ในที่สุดเหล่าทหารที่กระจายกำลังอยู่หลังเยี่ยเม่ยก็หยุดหัวเราะแล้ว

 

 

เซียวชินมองเยี่ยเม่ย สายตาเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง แผดเสียงดัง “ข้าอยาก…”

 

 

 “ปู๊ด…”

 

 

นายทหารต้ามั่วผู้หนึ่งพลันกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว

 

 

ในยามที่เซียวชินกำลังจะเอ่ยวาจา จู่ๆ เขาก็ปลดปล่อยตัวเอง ทำให้เซียวชินพูดได้แค่ครึ่งคำก็ชะงักไป สีหน้าว่างเปล่า ไม่เอ่ยวาจา

 

 

 “ฮี่ๆ…” ทางฝั่งเป่ยเฉินก็มีทหารเริ่มหัวเราะออกมาอีก

 

 

แต่ทหารกลุ่มนี้พยายามควบคุม ไม่ปล่อยเสียงหัวเราะดังออกมา มีจำนวนไม่น้อยขบริมฝีปาก พยายามกลั้นเอาไว้ เพราะพวกเขาก็ไม่อยาก…ไม่อยู่ในระเบียบ