รูนแห่งเวลา โดย Ink Stone_Fantasy
กระทั่งสองคนออกไปแล้ว ไนติงเกลจึงพูดขึ้นมาว่า “ใช้เวลาครึ่งเดือนเหรอเพคะ? ไหนพระองค์บอกว่าพระองค์เพิ่งจะตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อสองวันก่อนไม่ใช่เหรอเพคะ?”
“ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดพวกนั้นน่า” โรแลนด์แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถ้าข้าไม่พูดแบบนี้ เจ้าคิดว่านางจะตอบตกลงทันทีเหรอ? ถ้าโลก้าไม่เห็นด้วย อย่างนั้นละครนี้ก็มีแต่ต้องให้โจนมาเป็นคนแสดงแทน แต่ตอนนี้โจนยังสื่อสารไม่ได้เลย มีแต่ตอนที่อยู่กับไลต์นิ่งกับเมซี่เท่านั้น นางถึงจะดูผ่อนคลายลง ถึงแม้จะมีเมย์คอยชี้แนะก็คงจะไม่มีประโยชน์ ดังนั้นข้าจึงต้องพูดแบบนี้ อีกฝ่ายถึงจะไม่กล้าปฏิเสธ…นี่มันเป็นหนึ่งในเทคนิคการเจรจาต่อรองนะ”
“ก็ได้ ถือว่าพระองค์ตรัสถูกต้องแล้วกันเพคะ…” ไนติงเกลเบะปากพร้อมกับพูดงึมงำออกมา “แต่ทำไมหม่อมฉันกลับรู้สึกว่านางไม่ได้รับปากเพราะเหตุผลนี้ล่ะเพคะ?”
“เอ่อ เจ้าว่าอะไรนะ?”
“เปล่าเพคะ ไม่มีอะไรเพคะ” เธอผิวปาก ก่อนจะเอาปลาแห้งใส่เข้าไปในปาก “แล้วเรื่องดินแดนทางใต้สุด ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงจริงๆ เหรอเพคะ?”
“โรแลนด์ยักไหล่ เขาไม่ได้ถามจี้อะไรไนติงเกลอีก “ถ้าเป็นช่วงก่อนที่จะทำการอพยพ บางทีมมันอาจจะถือเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์มันจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ถ้าพวกนั้นจะมาหาเรื่องมันก็สายไปเสียแล้ว จดหมายที่หัวหน้าเผ่าไวลด์เฟลมเขียนมาหาโลก้าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจุดนี้ ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะยืนอยู่ตรงหน้ากับประชาชน อย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับเผ่าอื่นๆ”
ที่ฟอลเลนดราก้อนกับท่าเรือเคลียร์วอเทอร์มีทหารใหม่ประจำการอยู่ที่ละ 500 คน แต่ว่าเขาไม่คิดจะใช้ทหารพวกนี้บุกเข้าไปในทะเลทราย ขอเพียงแจ้งไปทางไบรอันที่ยังเฝ้าอยู่ที่ดินแดนทางใต้สุด อีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าจะต้องจัดการยังไง
ช่วงเวลาที่จะพูดกล่อมกับแสดงพลังมันได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ถ้ามีคนอยากจะทำลายระเบียบละก็ เขาก็ยินดีที่จะให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสชาติของกำปั้นเหล็ก
เพียงแต่เรื่องเล็กๆ แบบนี้ไม่มีค่าพอที่จะให้เขาต้องไปสนใจอะไรมาก โรแลนด์หันความสนใจมาที่รูนแห่งเวลาอีกครั้ง
ตอนนี้เข้าสู่เดือนแห่งปีศาจมาได้ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน การทำงานภายในเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะเปลี่ยนจากการก่อสร้างมาเป็นการป้องกันเมือง ในจุดนี้เขาไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์อะไรมาก พวกชาวเมืองนั้นเตรียมพร้อมที่จะสู้กับสัตว์อสูรอยู่แล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือทั่วทั้งพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือกลับเงียบสงบ ไม่เพียงแต่จะไม่มีสัตว์อสูรพันธุ์ผสมขนาดใหญ่ แม้แต่สัตว์อสูรตัวเล็กๆ ก็แทบจะไม่เจอเลย
มีครั้งหนึ่งที่ไลต์นิ่งบินขึ้นไปถึงที่ราบสูงเฮอร์มีส แต่สถานการณ์ที่นั่นก็เป็นเหมือนที่นี่ บนกำแพงเมืองศักดิ์สิทธิ์มีธงของราชวงศ์เกรย์คาสเซิลปลิวไสว เหล่าแม่ชีพากันขนอิฐไปก่อเป็นป้อมปราการขึ้นมาใหม่ ทหารที่ประอยู่ที่สันเขาโคลด์วินด์ก็เข้าไปประจำแนวป้องกัน แต่ที่ปลายสุดของทุ่งหิมะมีเพียงหิมะสีขาวโพลน ราวกับที่ราบลุ่มบริบูรณ์ถูกน้ำแข็งปิดตายเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
หลักทำการปรึกษากันแล้ว แม่มดโบราณลงข้อสรุปว่าน่าจะเป็นเพราะปีศาจที่ไปหยุดไม่ให้สัตว์อสูรบุกเข้ามา
ความคิดนี้ดูแล้วเป็นเหตุเป็นผลทีเดียว ถึงแม้ซากเมืองทาคิลาจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนที่ราบอันกว้างใหญ่ แต่ด้านหลังของมันจะต้องมีหอสังเกตการณ์และท่อส่งหมอกแดงจำนวนมากของปีศาจอยู่แน่ เกรงว่าพวกสัตว์อสูรคงจะถูกกำจัดทิ้งไปนานแล้ว
ไม่ว่ายังไง เรื่องที่ชายแดนอยู่ในความสงบนั้นก็เป็นเรื่องจริง บวกกับหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การก่อสร้างต่างๆ ต้องล่าช้าออกไป ในยุคสมัยที่ขาดกิจกรรมที่ให้ความบันเทิงอย่างนี้ เวลาว่างแค่เพียงนิดเดียวก็จะทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก เหล่าแม่มดที่เล่นไพ่กับกินเหล้าอยู่ในปราสาทต่างรู้ดีว่าสถานการณ์แบบนั้นมันน่าเบื่อขนาดไหน โดยเฉพาะหลังจากที่ชนะสงครามแล้ว ทุกคนก็จะยิ่งพากันว่างมากขึ้นไปอีก เพื่อที่จะรักษาความมีชีวิตชีวาของเมืองเอาไว้และหาทางให้แม่มดได้ใช้พลัง ความคิดเรื่องถ่ายหนังจึงถือกำเนิดขึ้นมา
โรแลนด์เคยเห็นประสิทธิภาพของรูนแห่งเวลามาแล้วตอนที่อยู่ในวิหารของเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่า ภาพที่เหมือนจริงและความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในสถานการณ์จริงๆ ของมันเรียกได้ว่าเหนือกว่าภาพยนตร์สามมิติเลยก็ว่า ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีการทำภาพเสมือนจริงขึ้นมา รูนชนิดนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้
แค่ละครเวทีธรรมดาๆ ยังสามารถทำให้ประชาชนสนุกได้ขนาดนั้น หากเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ที่มีความเหมือนจริงมันจะได้รับผลตอบตอบรับแบบไหนกัน?
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เมย์ได้ยินความคิดนี้และได้สัมผัสกับรูนที่เอากลับมาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ สำหรับเธอแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งศักราชใหม่อย่างแท้จริง หากสามารถทำให้ตัวเองไปอยู่ในนั้นได้ ชื่อของเธอจะต้องถูกจารึกอยู่ในโลกแห่งการแสดงแน่นอน
แต่เธอคงจะคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ภาพยนตร์ปรากฏขึ้นมาบนโลกได้ไม่นาน มันจะเข้าไปแทนที่ละครเวทีและกลายเป็นราชาแห่งการแสดงแทน
แต่รูนแห่งเวลาก็มีจุดอ่อนที่ไม่อาจมองข้ามได้อยู่ นอกจากเรื่องที่ว่ามันต้องเอาวัตถุดิบที่ได้จากปีศาจมาสร้างเท่านั้นแล้ว มันยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่บันทึกลงไปในรูนได้ด้วย จากที่อกาธาบอกมา ตัวรูนเวลานั้นจะมีสิ่งที่เป็นเหมือนแบตเตอรี่อยู่ หนึ่งแบตเตอรี่เวลาจะสามารถบันทึกได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง ขอเพียงใส่พลังเวทมนตร์เข้าไป มันก็จะจับบันทึกภาพทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ารูนเอาไว้ ถ้าหยุดใส่พลังเวทมนตร์มันก็จะหยุดบันทึก นี่หมายความว่าทันทีที่เกิดความผิดพลาดระหว่างที่บันทึก มันก็จะคงอยู่อย่างนั้น วิธีเดียวที่จะลบมันออกไปคือต้องกระตุ้นรูนเอาไว้จนเลย 12 ชั่วโมงเพื่อทำให้มันเริ่มต้นใหม่ แต่แน่นอนว่าสิ่งที่บันทึกเอาไว้ในตอนแรกก็จะหายไปด้วย
เรื่องต่อมาคือรูนนี้ไม่สามารถใช้ซ้ำได้
รูนแห่งเวลานั้นเป็นรูนผสมชนิดพิเศษเหมือนอย่างรูนสดับ เพียงแต่รูนสดับนั้นหลังจากทำการแบ่งฐานรูนออกเป็นสองส่วนแล้ว มันจะกลายเป็นรูนส่วนที่ใช้พูดและส่วนที่ใช้ฟัง แต่รูนแห่งเวลานั้นจะสลับกัน ด้านบนของฐานรูนที่สร้างขึ้นมาจะมีรูอยู่รูหนึ่ง หลังจากที่ใส่หินเวทมนตร์ก้อนสุดท้ายและเลือดแห่งเวทมนตร์ลงไปแล้ว ไม่ว่าจะบันทึกอะไรลงไปมันก็จะเปลี่ยนจากการจับภาพกลายเป็นการแสดงภาพออกมาแทน ขั้นตอนนี้จะไม่สามารถย้อนกลับได้อีก ถ้าแกะหินเวทมนตร์ออกมาก็จะทำให้รูนเสียหาย สำหรับการบันทึกประวัติศาสตร์แล้วมันถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ขอเพียงทำให้มันอยู่ในสภาพที่ฉายภาพออกมา สิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็ไม่มีวันลบเลือนไปไหน
แต่สำหรับการถ่ายภาพยนตร์ นี่กลับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอย่างยิ่ง
ไม่สามารถดูผลการแสดงได้แบบทันที ต้องถ่ายแบบรวดเดียวจบ แถมห้ามมีความผิดพลาดใดๆ ด้วย นี่เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
แต่โรแลนด์ได้หาทางแก้ไขเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
นั่นก็คือให้แอคเซียมาฉายภาพย้อนกลับก่อน
แบบนี้ไม่ว่าจะผิดพลาดกี่ครั้งก็ยังไม่ถือว่าเป็นการถ่ายจริง หลังจากที่นักแสดงทุกคนต่างแสดงได้อย่างไร้ที่ติแล้ว ก็ค่อยให้ ‘ตากล้อง’ ที่เธอรูนแห่งเวลาเข้ามาถ่าย เนื่องจากความสามารถในการฉายภาพย้อนกลับนั้นสามารถเร่งให้ภาพเร็วขึ้น ช้าลงและหยุดภาพได้ ด้วยเหตุนี้ขอเพียงใช้พลังอย่างเหมาะสม แม้แต่เทคนิคพิเศษอย่าง Bullet Time เขาก็ทำมันออกมาได้
ส่วนเรื่องที่ว่าไม่มีเสียงในภาพที่ฉายย้อนกลับนั้น เดี๋ยวเขาให้เอคโค่มาใส่เสียงทีหลังได้
ตอนนี้เงื่อนไขทั้งหมดพร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่ให้นักแสดงเข้าฉาก เมื่อคิดถึงเจ้าสิ่งนี้มันจะสร้างความตกตะลึงให้กับโลกได้แค่ไหน ภายในใจโรแลนด์พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
…..
หลังจากอาบน้ำล้างเหงื่อไคลออกไปแล้ว โลก้าก็พันผ้าขนหนูไว้บนหัวแล้วเดินกลับมายังห้องของตัวเอง
ยังไม่ทันที่หางจะแห้งดี เธอก็พุ่งตัวลงไปบนเตียงอันอ่อนนุ่ม
การฝึกซ้อมแลกเปลี่ยนวิชาตลอดทั้งวันทำเอาเธอแทบจะใช้พลังไปจนหมด ร่างกายเหมือนจะปวดระบมไปทั้งตัว แต่เธอกลับรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ไม่ว่าเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองจะก้าวหน้าขึ้นหรือไม่ อย่างน้อยเธอก็ดึงตัวเองออกมาจากชีวิตที่ไร้สาระได้แล้ว
หลังจากนี้เธอควรจะนอนพักผ่อน
ขณะเดียวกันนั้นเอง หางตาของเธอพลันเหลือบไปเห็นหนังสือปกสีเหลืองที่วางอยู่บนตู้หัวเตียง
อา…ใช่แล้ว บทละคร
หูของโลก้าตั้งขึ้นมาจนผ้าขนหนูหลุดออก เธอถอดเสื้อคลุมพร้อมกับมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะหยิบเอาบทละครมาไว้ในมือ
เลดี้เมย์ แลนนิสคนนั้นเหมือนจะบอกเอาไว้ว่าสิ่งแรกที่เธอต้องทำคือทำความคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องเสียก่อน ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็ให้ไปถามเธอได้ทุกเมื่อ
แต่ว่านี่ไม่ใช่คำถามที่อยู่ในใจของเธอ
เธอแค่อยากรู้ว่าในสายตาของชีคแล้ว เขาคิดยังไงกับเธอกันแน่?
ในเมื่อนี่เป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นมาให้เธอโดยเฉพาะ บางทีมันอาจจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงก็ได้
โลก้าสูดหายใจพร้อมพลิกหน้าปก
จากนั้นชื่อหนังสือแถวหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอ
‘หัวใจแห่งหมาป่า’