บัญชามังกรเดือด บทที่ 864 จะอยู่หรือจะไป
“อ๊า!”
เมื่อเห็นฉากนองเลือดที่อยู่ตรงหน้านั้น ซูซูพลันปิดใบหน้าของตัวเองลงด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องตะโกนออกมา
“ไม่เป็นไร!” ฉินเทียนรีบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาในทันที ก่อนจะเอ่ยปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวล ใบหน้าของเขาพลางเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมา
ถึงแม้ว่านายหญิงใหญ่จะยอมปล่อยราชาจินตูนไป ซึ่งนับเป็นความเมตตาสูงสุด แต่ทว่า ฉินเทียนก็ยังรู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไปอยู่ดี
ยิ่งเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้ฉินเทียนยิ่งรู้สึกรังเกียจครอบครัวนี้มากขึ้นไปอีก
“เจ้าอยากจะเอ่ยอะไรออกมาหรือไม่?” ตงซ่วนจุนพลันมองไปที่ราชาจินตูนด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี
เขาตัดแขนข้างหนึ่งของเขาออก พร้อมกับเลือดที่โพยพุ่งออกมานั้น จึงทำให้ใบหน้าของราชาจินตูนซีดเผือดลง
จินตุนหวงเพียงโค้งคำนับและเอ่ยขึ้นมาว่า “ขอบคุณนายหญิงใหญ่ที่ละเว้นชีวิตของผู้น้อย ”
“ราชาจินตูนจะยังคงรับใช้ตระกูลฉินสายเก่าต่อไป เพื่อนายหญิงใหญ่ เพื่อนายน้อยและนายหญิงน้อยต่อไป”
“ชีวิตของข้าเป็นของตระกูลฉินสายเก่า ข้าจะอยู่คอยรับใช้ไปจนชีวิตจะหาไม่”
ตงซ่วนจุนพลันพยักหน้าลงทันใดนั้น พลันมีหมอวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก นายหญิงใหญ่จึงเอ่ยออกมาเสียงเข้มว่า “ไปรักษาราชาจินตูนเสีย”
“ราชาจินตูนเป็นเสาหลักของตระกูลฉินสายเก่า หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เจ้าจักต้องเป็นคนตอบคำถามทั้งหมดเอง!”
“ขอรับ!” หมอรีบพยักหน้าลงด้วยความตกใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแพทย์ประจำบ้านแต่ด้วยคุณสมบัติของเขานั้น ตราบใดที่เขาเต็มใจที่จะทำงานในโรงพยาบาลข้างนอกนั้นเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะมารักษากับเขาได้
เหล่าบรรดาสาวรีบมาทำความสะอาดและจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีเท่านี้ เลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นใสสะอาดในทันที ยามที่เช็ดจัดการสิ่งสกปรกอยู่นั้น หาได้ผู้ใดเอ่ยวาจาหยอกล้อกันระหว่างทำงานไม่
ที่จริงแล้ว มันคือการจัดการมืออาชีพที่เป็นมาตรฐานที่สุด
ในที่สุด บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบลง พร้อมกับกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยอยู่ภายในอากาศเพื่อกลบกลิ่นคาวเลือดออกมา
ตงซ่วนจุนพลันดึงความใจดีมีเมตตาของนางกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะแย้มยิ้มเอ่ยขึ้นมาว่า “ซูซู หลานเห็นหรือยัง? นี่เป็นบทเรียนแรกที่ย่าต้องการสอนหนู”
“มีทางเลือก แต่ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และไม่อาจใจอ่อนได้”
“ยิ่งเป็นครอบครัวตระกูลใหญ่เช่นนี้ ย่อมมีปลาและมังกรปะปนกันไป พวกเรามิอาจใช้กลยุทธ์เลือดเหล็กผสมเข้าด้วยกันได้”
“แต่ทว่า พวกเราไม่เพียงมีการลงโทษเท่านั้น แต่ยังมีการตอบแทนพระคุณด้วย”
“รางวัลและบทลงโทษมีกำหนดไว้ชัดเจน เพื่อให้ผู้คนเข้าใจคำสั่งของระบบการควบคุม แต่ทว่าที่นี่ ผู้คนมีความรู้มากมายยิ่งนัก จึงมิจำเป็นต้องกังวล หลานควรจะตั้งใจดูแลตัวเองและเด็กในครรภ์ให้ดีเสียก่อน หากอนาคตข้างหน้ามีโอกาสอีก ย่าจะค่อยๆสอนเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูซูพลันหน้าแดงก่ำ ก่อนจะมองไปที่ฉินเทียนด้วยความลำบากใจ
ในห้องโถงบรรพบุรุษก่อนหน้านี้ นายหญิงใหญ่เล่าประวัติศาสตร์และเรื่องราวภายในตระกูลฉินสายเก่าให้เธอฟังมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามและไฟนับร้อยปี ที่บรรพบุรุษของตระกูลฉินสายเก่าสามารถเอาชนะความยากลำบากและก่อตั้งตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ได้นั้น นั่นจึงทำให้ซูซูรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลฉินสายเก่า
ฉะนั้นแล้ว ถึงแม้ว่ากฎระเบียบภายในตระกูลตามที่นายหญิงใหญ่เอ่ยออกมาให้ซูซูฟังจะดูยุ่งยากและดูจะล้าหลังไปหน่อยแต่เพื่อประโยชน์ของฉินเทียน เธอจึงได้แต่ยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเมื่อซูซูเห็นนายหญิงในตอนนี้ เธอถึงได้เข้าไปเอ่ยทักทายด้วย ทั้งยังเริ่มพยายามปรับตัวให้เข้ากับตัวตนของนายหญิงเล็กของตระกูลใหญ่แห่งนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ชมฉากนองเลือดของการหักแขนของราชาจินตูนนั้น ซูซูก็ตระหนักได้ในทันทีว่า ก่อนหน้านี้เป็นเธอที่ไร้เดียงสาเกินไป
หากว่า เธอได้ขึ้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเธอก็จำเป็นต้องปกครองตระกูลฉินสายเก่าเช่นนี้งั้นเหรอ?
จากใจจริงของเธอนั้นซูซูรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมากและรับรู้ได้เลยว่า เธอไม่สามารถทำมันได้อย่างแน่นอน ซูซูจึงได้แต่หันหน้าไปขอร้องต่อชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
ใบหน้าของฉินเทียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในทันที
นายหญิงใหญ่คิดว่าตนเองฉลาดและกล้าหาญมากหรือยังไงกัน? นางมิใจในความสำเร็จและทักษะของตนเองมากอย่างนั้นหรือ?
ภาพจำภายในใจของฉินเทียนนั้น นายหญิงใหญ่มีแต่จะติดลบมากขึ้นกว่าเดิม !
ก่อนที่ฉินเทียนจะโพล่งขึ้นมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ว่า “คุณคิดว่าผมจะยังโหยหาในมรดกของตระกูลฉินสายเก่าอีกงั้นเหรอ? ผมจะบอกกับคุณอีกครั้ง!”
“ผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉินสายเก่าอีก ทั้งยังไม่คิดจะเป็นผู้สืบทอดต่ออีกด้วย และภรรยาของผมก็จะไม่เป็นนายหญิงของตระกูลฉิน”
“ฉะนั้นแล้ว จงทิ้งสิ่งที่ตำราครองเรือนอันคร่ำครึและล้าสมัยของคุณไปซะ!”
“ซูซู ไปกันเถอะ!”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเทียนนั้น สีหน้าและการแสดงออกของนายหญิงใหญ่ก็เปลี่ยนไปในทันที
นางค่อย ๆ มองดูฉินเทียนพยุงซูซูและเดินออกไปอย่างช้าๆ นัยน์ตาของนางดูล่องลอยไปเล็กน้อย เสมือนกับว่า นางที่ทำทุกอย่างเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมานั้น เดิมทีคิดจะได้รับการยอมรับและการยกย่อง
แต่นางกลับไม่รู้เลยว่า ในสายตาของคนอื่น ไม่เพียงแต่นางที่ไร้ค่าเท่านั้น แต่ทำให้พวกเขารู้สึกรังเกียจในตัวนางอีกด้วย
ฉินเทียนไม่รู้เลยว่า คำพูดของเขาได้ทำร้ายจิตใจของตงซ่วนจุนขนาดไหน รุนแรงเสียยิ่งกว่าใช้ค้อนทุบเธอเสียอีก
ความเปล่งประกายในแววตาของนายหญิงใหญ่พลันค่อย ๆ จางหายไป หลักคำสอนความเชื่อมั่นที่คอยสนับสนุนนางมาช้านาน ก็ค่อย ๆ สูญหายไปในทันที
นางดูแก่ขึ้นมามากในชั่วพริบตา
จนกระทั่ง ฉินเทียนและซูซูเดินมาถึงหน้าประตูนั้น นายหญิงใหญ่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “หากพวกเจ้าอยากจะไปนั้น ก็ไม่ต้องรีบร้อนจะจากไปขนาดนั้นก็ได้ ”
“ถึงแม้ว่าหญิงชราอย่างฉันจะเอ่ยขอร้องคุณก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ควรคิดถึงตนเองให้ดี และคิดถึงซูซูออกมาด้วย”
“นางกำลังตั้งท้องอยู่ อีกทั้งนางยังเหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว เจ้าควรจะระมัดระวังครรภ์ของนางให้มาก ข้าได้สั่งให้ห้องเครื่องทำซุปป้องกันการแท้งที่ดีที่สุดมาให้แล้ว”
“ให้นางดื่มแล้วนอนพักผ่อนเสียครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเจ้าก็ค่อยเดินทางเถิด ”
หื้ม?
ฉินเทียนพลันตกตะลึงไปในทันที
เขาไม่เคยคาดคิดว่านายหญิงใหญ่ผู้เคร่งขรึมคนนี้จะเอ่ย “ขอร้อง”กับเขาเช่นนี้ได้
ฉินเทียนพลันชะงักไปครู่หนึ่ง
เป็นซูซูที่อดทนไม่ได้ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า “ฟังคุณย่าเถอะ พวกเรามานอนพักที่นี่กันก่อน”
“ฉันรู้สึกเหนื่อยมากเลย”
ซูซูไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่นางผ่านเหตุการณ์ต่างมามาก เมื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เธอพลันรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ และในตอนนี้ เธอแค่อยากจะล้มนอนลงเตียงหลังใหญ่ให้สบายใจเท่านั้น
เธอไม่อยากจะเดินไปไหนต่อแล้ว
ฉินเทียนยังคงไม่ยินยอม
เมื่อนายหญิงใหญ่เดินออกมานั้นยามที่เธอเดินผ่านพวกเขาไป เสมือนกับว่าร่างกายของนางดูซูบลงไปมาก
เมื่อเดินไปถึงลานบ้านของตนเองนั้นนายหญิงใหญ่พลันหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะพูดขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง “เมื่อซูซูพักผ่อนจนเสร็จแล้ว พวกเจ้าจะอยู่หรือจะไปเป็นเรื่องที่พวกเจ้าต้องตัดสินใจกันเอาเอง ”
หลังจากนั้นนายหญิงใหญ่พลันค่อย ๆ เดินจากไป
บริเวณทางเข้าลานบ้านนั้นใบหน้าของจี้ซิงพลันแสดงท่าทีลุกลี้ลุกลนออกมา ก่อนเขาจะรีบเดินเข้าไปเอ่ยถามว่า “พี่เทียน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ที่นี่ไม่เหมาะให้เราได้อยู่นานนัก พวกเราจะรีบออกไปจากที่นี่กันเลยหรือไม่?”
“พี่ไม่ต้องกังวลไป ฉินชวนและคนอื่น ๆ สแตนด์บายรออยู่นอกเมืองแล้ว ขอเพียงพี่สั่งการออกมาคำเดียว พวกเขาจะรีบบุกเข้ามาทั้งหมดเอง”
ฉินเทียนพลันครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร”
“จี้ซิง นายก็ไปพักผ่อนเถอะ”
“ฉันตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่กับซูซูอีกหนึ่งวัน”
“ครับ!”
“ผมจะคอยอยู่ดูแลเอง!” ข้าง ๆ กันมีห้องพักผ่อนขององครักษ์อยู่ จี้ซิงจึงเข้าไปนอนพักผ่อนในนั้นในทันที มี
เมื่อประตูห้องถูกปิดลง ฉินเทียนถึงได้สังเกตเห็นแผนผังและสภาพแวดล้อมภายในห้องนี้ในทันที
ในตอนนั้นเอง ฉินเทียนถึงตระหนักได้ว่าที่นี่คือห้องนอนของนายหญิงใหญ่!
เขาไม่คิดเลยว่า นายหญิงใหญ่ที่อยู่สูงส่งมาโดยตลอดจะสามารถกล้ามอบห้องของตัวเองให้เขาและซูซูใช้การ พร้อมกับตัวเองที่ต้องไปอยู่ที่อื่น เมื่อคิดไปถึงแผ่นหลังของหญิงชราที่ดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวนั้น ภายในใจของฉินเทียนก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย…
เขากำลังโกรธโมโหขึ้นมาอีกแล้ว!
พร้อมทั้งรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตัวเองจะต้องมาสงสารหญิงชราคนนั้น!
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมให้อภัยเธอ!
การอยู่ที่นี่ เป็นเพียงแผนการชั่วคราวเท่านั้น หากซูซูพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะรีบออกไปในทันที!
ต่อจากนี้ไป ชั่วทั้งชีวิตของเขาจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว!
ซูซูที่อ่อนเพลียจนแทบจะเดินไม่ไหวนั้น นางไม่คิดสนใจอะไรอีก พร้อมทั้งปีนขึ้นไปบนเตียงไม้มะฮอกกานีสมัยเก่าของปู่ฉินเทียนและนายหญิงใหญ่ที่เคยใช้ในวันแต่งงานในทันที และผล็อยหลับไปทันทีที่หัวของเธอแตะถึงหมอน