บัญชามังกรเดือด บทที่ 865 คอยปกป้อง
ฉินเทียนนั่งข้างเตียง มองดูภรรยาที่หลับไหลด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์
เขาพบว่าใบหน้าเล็ก ๆ นี้ เธอดูสูบผอมลงไปจริงๆ นอกจากหน้าท้องที่จะใหญ่แล้ว แขน ขา ของนางยังผอมบางลงอีกด้วย
มันยากที่จะจินตนาการว่า ผู้หญิงที่มีแขนและขาผอมบางจะต้องลำบากแค่ไหนในการพยุงท้องที่ใหญ่โตเช่นนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หัวใจของฉินเทียนพลันฮึดสู้เข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง!
เดิมทีเขาตัดสินใจที่จะให้อภัยตระกูลของตัวเอง ในคราวหน้า หากทางตระกูลไม่มายั่วโมเขาละก็ เขาก็จะทำเป็นไม่รู้จักไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเช่นกัน
ทว่าในตอนนี้เขาจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด!
เพราะฉินเทียนคิดว่า การซูซูต้องมามีรูปร่างผอมซีดเซียวเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะตระกูลฉิรวายเก่าลักพาตัวนางมาอย่างแน่นอน
เพียงเพราะอำนาจที่มากมายนั้น พวกเขาสามารถใช้หนทางและวิธีใดก็ได้ขอแค่ได้มันมา!
เมื่อความคิดเลือดร้อยพลันปรากฏขึ้นมานั้น ฉินเทียนได้แต่คำรามเสียงต่ำเอาไว้ ก่อนที่จะเกือบพุ่งตัวออกไปต่อสู้กับพวกเขาที่ด้านนอก!
“ฉินเทียนฉันเหนื่อยจัง…”
“เด็กคนนี้เกือบจะดูดเรี่ยวแรงแนไปหมดแล้ว… ”
ทันใดนั้น ฉินเทียนพลันได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาดังออกมา แม้ยามที่ซูซูนอนหลับ หัวคิ้วของเธอก็ยังคงขมวดเป็นปมไม่หาย เสมือนกับว่าเธอรู้สึกเขจ็บปวดมากนัก
เธอกำลังพูดอยู่ในความฝันของตัวเอง
ฉินเทียนรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาอย่างมาก!
เขาเอาแต่จับมือซูซูเอาไว้ พลางพูดออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “มันเป็นความผิดของฉันเอง!”
“มันเป็นความผิดของฉัน……”
ในยามนี้ หากสามารถทพได้จริง ๆ ละก็ เขาไม่อยากได้เด็กคนนี้แล้วจริงๆ
ซูซูที่ยังไม่ตื่นขึ้นมานั้น ทว่าริมฝีปากที่แตกกร้านของเธอกลับเอ่ยพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันเหนื่อยมาก…”
พูดจบ ซูซูพลันพลิกตัวนอนต่อ
“ที่รัก ฉันขอโทษ!”
“ฉันสาบานได้เลย ต่อจากนี้ไปฉันจะปกป้องเธออย่างดี!”
“เมื่อคุณตื่นแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ”
ฉินเทียนเอยพึมพำก่อนจะค่อย ๆ หลั่งน้ำตาออกมา ใช่ ผู้ชายคนนี้ ได้สูญเสียแม่ไปตั้งแต่เขายังเด็ก ถูกตระกูลไม่ให้การยอมรับ ทั้งยังออกมาเผชิญโลกภายนอกอยู่คนเดียวและรอดตายได้อย่างหวุดหวิด และเป็นบุคคลที่ทำให้โลกทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนเช่นเขา กำลังหลั่งน้ำตาออกมา
เพราะผู้หญิงของเขาและลูกในท้องของเธอ
นั่นก็เป็นเพราะว่า ผู้หญิงคนนี้และลูกในท้องของเขานั้น ได้กลายเป็นโลกทั้งใบของเขาไปแล้ว
“นายน้อยเจ้าคะ นายหยิงใหญ่ได้สั่งให้ห้องเครื่องทำน้ำซุปบำรุงครรภ์มาให้นายหญิงน้อยดื่มขอรับ ?”
“ดิฉันขอเข้าไปได้หรือไม่?”
นอกประตู พลันมีเสียงที่ของสาวใช้ที่ให้ความเคารพดังขึ้นมา
“ไสหัวไป!”
ฉินเทียนพลันร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
ความโกรธของเขาพลันพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ พวกคุณก็เริ่มนึกสนใจฉันขึ้นมาแล้วเหรอ? ก่อนหน้านั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันมาเล่า?
ฉินเทียนรู้ว่าทั้งหมดนี้ควรเป็นเกมที่หญิงชราเป็นคนตั้งขึ้นมา ทีเพียงหญิงชราเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้ได้
ปล่อยให้สองพี่น้องสายเลือดต่อสู้กัน
ในตอนนี้เขาชนะแล้ว ดังนั้น ฉินเปียวจึงต้องออกไปและเพื่อให้เขาอยู่ต่อ
ถ้าเขาแพ้ล่ะ?
เป็นไปได้ว่า เขาอาจจะต้องจมปักและแบกรับความอับอายจากการที่มีสามีดื้อรั้นและเป็นบุคคลเนรคุณเช่นเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ต่อสู้กับฉินเปียวก็ตาม แต่เมื่อคืนก่อนล่ะ?
นายหญิงใหญ่ได้สั่งการให้ราชาหยินจ๋านำทหารองครักษ์นับห้าร้อยนาย มาคุ้มกันถนนยาวสิบไมล์ด้านนอก
แต่สุดท้าย เขาก็ฝ่าฟันไปได้ แต่ทว่า เขาจำเป็นต้องผ่านอันตรายมามากมายขนาดไหนกัน?
ถ้าเขาตายภายใต้เงื้อมมือของราชาหยินจ๋าล่ะ?
หญิงชราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะสามารถฝ่าฝันผ่าปราการเข้ามาได้? ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังต้องการให้เขาตกตายไปด้านนอกงั้นหรือ!
ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีทางอื่นที่จะมาจัดการกับเขาได้แล้วนั้น ในท้ายที่สุด เธอก็เปลี่ยนคำพูด ให้เขาดำรงตำแหน่งนายท่านที่นี่เพื่อเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป
ทั้งยังมาเอ่ยวาจาประจบประแตงลูกสะใภ้แบบนี้อีก
น่าอับอายเสียจริง!
แท้จริงแล้ว เป็นฉินเทียนที่เข้าใจนายหญิงใหญ่ผิดไป คืนวันก่อนนั้น นายหญิงใหญ่ที่รู้เรื่องของฉินเปียวและฉินเทียนแล้วนั้น ว่าทั้งสองกำลังต่อสู้กันในเขาอิงจุ่ย
นางรู้ดีว่า ฉินเทียนจักเป็นผู้รอดชีวิตกลับมาเป็นแน่
เพราะนางเห็นว่า ฉินเปียวเริ่มทิ้งหมากในมือของเขาไปหมดแล้วซึ่งหมายความว่า เขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการหนี
ในเวลานั้น ราชาหยินจ๋าจึงถูกขอให้นำกำลังพลออกไปคุ้มกันข้างนอก แต่แท้จริงแล้ว เพื่อเป็นการซื้อเวลาพูดคุยกับซูซูให้มากขึ้น
เพราะนายหญิงใหญ่รู้ดีว่า หากฉินเทียนกลับมาเมื่อใด เธอจะไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะพูดคุยกับซูซูได้อีก
ฉินเทียนไม่สามารถรั้งรอได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นเขาจึงไปออกไปทำการปลอดชีพผู้คนด้านนอก นายหยิงใหญ่จึงได้ทำการเรียกกำลังพลของราชาหยินจ๋ากลับคืนมา
อย่างไรก็ตามเมื่อรู้ว่าฉินเทียนก้าวหาญเช่นนี้ อีกทั้ง เขายังทำการสังหารองครักษ์ทั้งห้าร้อยเสียจนเหล่าองครักษ์ไม่อาจรับมือได้ไหวอีกด้วย ยามที่นายหญิงใหญ่รู้ว่าราชาหยินจ๋าไปเข้าร่วมกับหยางหลิวนั้นนางคิดจะยืมมือฉินเทียนจัดการปลิดชีพราชาหยินจ๋าทิ้งไป
นายหญิงใหญจึงนับว่ามีความยุติธรรมมากจริง ๆ
ก่อนหน้านั้นเป็นราชาซีเตี้ยน ในยามนี้คือราชาหยินจ๋า คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นหมาดของฉินเปียว
ในตอนนี้ เมื่อฉินเปียวพ่ายแพ้จากไปแล้วนั้น และเป็นฉินเทียนที่ชนะ เช่นนั้นนายหญิงใหญ่เช่นนางก็จะสนับสนุนและรับผิดชอบการกวาดล้างพรรคพวกของฉินเปียวให้เอง
นั่นก็เพื่อ ฉินเทียนที่จะต้องเข้ามาปกครองตระกูลในอนาคตข้างหน้า มิต้องมาพบเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ อีก
เมื่อข้างนอกประตูไม่มีเสียงใดๆ แล้วนั้น
ดูเหมือนว่า สาวใช้ที่มาส่งยาน่าจะออกไปแล้ว
ภายในห้องพลันมีกลิ่นไม้จันทน์จาง ๆ ส่งกลิ่นออกมานั่นจึงทำให้ความคิดและอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของฉินเทียสงบลงได้ในทันที
เขาที่นอนอยู่ข้างเตียง เฝ้ามองหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขาเอาไว้ ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด
หลังจากผ่านการเดินทางมายาวไกล และการต่อสู้ที่มากมายหลายครั้ง ฉินเทียนเองก็รู้สึกเหนื่อยมากเช่นกัน
ไม่รู้ว่าทำไมสถานที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเห็นเกลียดมากที่สุด แต่ทว่ากลับเป็นสถานที่ที่ทำให้เขานอนหลับสบายมากที่สุด
เสมือนกับเหล่าบัณฑิตที่ได้กลับบ้านเกิดของตนอีกครั้ง เสมือนกับเด็กน้อยที่ได้กลับเข้าสู้อ้อมอกที่อบอุ่นของมารดา
หลังจากนอนหลับสนิท จนไม่รู้เรื่องรุ้ราวที่เกิดขึ้นแล้ว
ฉินเทียนหลันรู้สึกได้ถึงฝ่ามือเย็น ๆ ที่บอบบางกำลังลูบไล้บนใบหน้าของเขาอยู่ ฉินเทียนถึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ซูซูที่เอนตัวนอนพิงหัวเตียงนั้น มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มมากมาย
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
ฉินเทียนจับมืออันอ่อนโยนของซูซูเอาไว้ สามีภรรยาพลันมองหน้ากันแล้วส่งยิ้มให้กันด้วยความอ่อนหวาน คลื่นลมพายุใด ๆ ก็ได้พัดผ่านไปหมดแล้ว
ซูซูพลันกระซิบเอ่ยถามว่ส “คุณฝันเรื่องอะไร ยังจำได้ไหมคะ?”
ฉินเทียนแย้มยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ฉันฝันไปเหรอ? ฉันไม่เห็นจำได้เลย?”
ซูซูแสร้งทำทีลึกลับก่อนจะพูดเสียงต่ำออกมาว่า “คุณจับมือฉันแล้วเรียกฉันว่าแม่”
ฉินเทียนอ้าปากกว้างไปในทันที
ซูซูพลันหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางโอบกอดศีรษะของฉินเทียนเอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ “ว่ากันว่าผู้ชายยังคงเป็นเด็กไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม”
“ฉินเทียนน้อย ฉันจะเป็นภรรยาของคุณแล้วก็เป็นแม่ของคุณหลังจากนี้ไป”
“ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่จะปกป้องลูกเอง”
เดิมทีคำพูดเหล่านี้ดูไร้สาระอย่างแท้จริง กลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าสร้อยในคำพูดที่กล่าวออกมา
ฉินเทียนอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมานั้น แต่จู่ ๆ เขาก็อุทานขึ้นออกมา “ขยับตัวแล้ว!”
“เขาขยับตัวแล้ว!”
“เขากำลังเตะฉัน!”
ฉินเทียนพลันมองไปที่หน้าท้องที่โตขึ้นของซูซู เสมือนกับว่าเขาคนพบโลกใบใหม่ก็ไม่ปาน ในตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กผู้ชายตัวใหญ่ยิ่งนัก
ซูซูเม้มปากพร้อมกับกลั้นยิ้มออกมา “เฮ้ พี่น้องสองคน มาคุยกันดีๆสิ”
เมื่อได้ยินคำว่า “พี่น้องสองคน”นั้นหัวใจของฉินเทียนพลันพองโตขึ้นมาในทันที แต่ในไม่ช้า เขาก็วางความคิดที่ไม่เข้าท่าเหล่านั้นทิ้งไป พร้อมกับวางหูลงบนท้องของซูซูอย่างระมัดระวัง เพื่อฟังปาฏิหาริย์แห่งชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซูซูพลันวางมือข้างหนึ่งบนท้องของเธอและวางมืออีกข้างลงบนศีรษะของชายหนุ่มเอาไว้แสงอาทิตย์ในยามเช้าจากนอกหน้าต่างพลันส่องเข้ามา ทำให้ใบหน้าของเธอราวกับนางในฝัน
ในยามนั้น พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวในทันที
เพียงเพื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า ความลำบากทั้งหลายที่เธอผ่านมันมาได้ นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
ในขณะเดียวกัน เธอเสมือนกับได้รับพลังงานที่ลึกลับเช่นกัน ซูซูรู้ดีว่า ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีอุปสรรคใด ๆแต่พลังงานนี้ จะช่วยให้เธอเข้มแข็งขึ้น และกล้าหาญขึ้นเพื่อเอชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าไปให้ได้
นี่คือความมหัศจรรย์ของชีวิต
โครก!
โครกคราก!
เมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆนั้น ฉินเทียนพลันหันไปมองซูซูในทันที
ซูซูจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเขินอายว่า “ลูกชายของคุณหิวแล้ว”
“ฉันจะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้!”
ฉินเทียนพลันรีบลุกขึ้นยืน และรีบวิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น ทว่า ในขณะที่เปิดประตูออกมาเห็นฉากข้างนอกนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปในทันที
พร้อมทั้งสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป!