บทที่ 1819 - เฉินหวงฟื้นตัว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1819 – เฉินหวงฟื้นตัว?
  หลังจากที่จินเฟิงตายในไม่ช้าร่างฮัวเฟิงที่กำลังหลับไหลซึ่งถูกซ่อนด้วยค่ายกลก็ปรากฏ ชิงสุ่ยจึงทำการปลุกด้วยเข็มทองคำ และทันทีที่ฮัวเฟิงฟื้นสติเขาก็มองดูด้านข้างรอบตัวด้วยความตกใจ
  ชิงสุ่ยเข้าใจแล้วว่าจินเฟิงจะต้องใช้ฮัวเฟิงเป็นเหยื่อล่อให้เฉินหวงเข้ามาติดกับดักแต่โชคดีที่พลังของค่ายกลนั้นอ่อนแอจึงทำให้เฉินหวงสามารถอดทนอยู่ได้เป็นเวลานาน
  ”เอาล่ะพวกเราออกไปกันเถอะ”เฉินหวงกล่าว
  ฮัวเฟิงมองดูศพของจินเฟิงก่อนจะเริ่มตระหนักถึงหลายหลายอย่างจากนั้นเขาก็ลูบหัวด้วยมือทั้งสองข้าง ซึ่งสิ่งต่อไปที่เขาพูดทำให้ชิงสุ่ยและเฉินหวงถึงกับตกใจ
  ”ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าเป็นเพียงแค่คนโง่……”
  ”ฮัวเฟิงเจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ?”เฉินหวงจ้องมองฮัวเฟิงพร้อมกักล่าวถามด้วยความตกใจ
  ”ข้าเป็นคนทำให้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”ฮัวเฟิงรู้สึกละอายอย่างยิ่งขณะจ้องมองเฉินหวง
  เฉินหวงถอนหายใจ”ในที่สุดข้าก็สามารถขจัดความกังวลที่ข้ามีมาตลอดได้สักที”
  ”พวกมันสมควรตายแล้ว”ฮัวเฟิงจ้องมองไปที่ศพของจินเฟิงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม
  หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปกล่าวขอบคุณชิงสุ่ย
  ”ไม่เป็นไร”
  ชิงสุ่ยมองไปรอบรอบและเริ่มสังเกตเห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยอยู่ตอนนี้เริ่มพังสลายหายไป  ในขณะเดียวกันใบหน้าของเฉินหวงก็ดูแดงกว่าแต่ก่อนแม้เธอจะหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่ความร้อนในร่างกายของเธอยังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ซึ่งมันทำให้เธอสับสนอย่างมากและไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
  ”พวกเราต้องออกไปเดี๋ยวนี้ค่ายกลสังหารเก้าสวรรค์อมตะกำลังจะปิดตาย ตอนนี้ยังพอมีเวลา ถ้าหากชักช้ากว่านี้คงไม่ทันการแน่”
  ทันใดนั้นร่างกายของเฉินหวงก็เริ่มซวนแซก่อนจะล้มลงซบอกของชิงสุ่ย เธอทำมันด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงความร้อนแรงแผดเผามาจากร่างกายของเธอ
  ”พยายามอดกลั้นเข้าไว้เมื่อพวกเราออกไปได้ ข้าจะช่วยขจัดพิษในร่างกายของเจ้าเอง”ชิงสุ่ยกล่าว
  เฉินหวงร่างกายสั่นเครือเธอพยายามต่อต้าน แล้วก็พลักชิงสุ่ยออก แต่ดูเหมือนร่างกายของเธอจะเกินกว่าการควบคุม จนไม่สามารถพูดได้  ”พี่ชายฮัวตามข้ามา”
  ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังอุ้มเฉินหวงเธอแสดงสีหน้าซับซ้อน ก่อนจะพยักหน้าและจับมือชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยเคลื่อนที่อย่างว่องไวพร้อมกับหันหลังมองฮัวเฟิงตอนนี้เหลือเวลาไม่นานนักก่อนที่ค่ายกลจะล่มสลาย ถ้าหากมันปิดตัวลง หรือเส้นทางการเดินย้อนกลับพังทลาย ทั้งสามคนจะติดอยู่ในมิตินี้ไปตลอดกาล
  ”ถ้าคิดว่าตอนนี้จะต้องมีใครบางคนกำลังเล่นตลกกับค่ายกลที่พวกเราติดอยู่แน่นอน”ชิงสุ่ยจ้องมองค่ายกลสะกดจิตที่พยายามปิดกั้นเส้นทาง ชิงสุ่ยทำการวางค่ายกลทับซ้อนเพื่อสลายพลัง
  พื้นดินถูกอัดกระแทกเกาะตัวให้เกิดเป็นหินจากนั้นหินทั้ง 3 ก้อนก็บินกระจายออกไปด้านข้าง ก่อนจะระเบิดณสถานที่ห่างไกล
  ก้าวพสุธาเอราวัณ
  ชิงสุ่ยกระทืบณ บริเวณใจกลางค่ายกลก่อให้เกิดแรงอัดกระแทกสะท้อนไปทั่วพื้นที่ โชคดีที่เขามาถึงจุดศูนย์กลางได้ทันเวลา ถ้าหากมาช้ากว่านี้ เขาก็จะไม่สามารถทำลายมันได้อีกต่อไป
  ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนในมือของเขายังคงพยายามวาดค่ายกลต่างๆนานา ในที่สุดทั้ง 3 คนก็สามารถออกมาจากค่ายกลสังหารได้อย่างปลอดภัย
  ”หวงเอ๋อใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วข้าจะต้องรักษาพิษในร่างกายของเธอให้ทันเวลา”
  ฮัวเฟิงยืนดูเฉินหวงที่อยู่ในอ้อมอกชิงสุ่ยด้วยความเป็นห่วงจากนั้นเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า “พวกเจ้ารีบมุ่งหน้ากลับไปยังภาคีวิหคอัคคีเทวะ ส่วนข้าขอตัวไปทำธุระที่กลุ่มวิหคเพลิงก่อน”
  ฮัวเฟิงจะไปทันทีที่กล่าวจบเขาไม่ต้องการอยู่ต่อที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว เพราะสิ่งที่เขากำลังยืนดูมันอาจทำให้หัวใจของเขาแตกสลายได้ทุกเมื่อ
  การลืมเธอได้ไวเท่าไหร่มันก็จะเป็นการดีต่อเขา
  ฮัวเฟิงพยายามย้ำกับตัวเองว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอและเขาเองก็เป็นตัวปัญหาที่ทำให้เรื่องราวเดินทางมาเกือบถึงจุดวิกฤต
  ชิงสุ่ยได้แต่ส่ายหน้าขณะมองดูฮัวเฟิงจากไป
  ”ที่พักของเจ้าอยู่ที่ใด?”ชิงสุ่ยกล่าวถามเฉินหวง
  ”ข้างในสุด”เสียงของเฉินหวงดูนุ่มนวลแต่ร่างกายของเธอร้อนรุ่มกว่าเหมือนไฟแผดเผา
  ชิงสุ่ยพยายามฟื้นคืนความสงบและรีบวิ่งเข้าไปข้างในสุดสิ่งแรกที่เขาเห็นคือสนามหญ้าอันเงียบสงบ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสะอาด ภายในสนามหญ้าปรากฏให้เห็นเป็นอาคาร 2 ชั้นสีเทา เมื่อเข้าไปส่วนที่อยู่หน้าสุดคือห้องนั่งเล่น
  อาจเป็นเพราะเธออาศัยเพียงแค่คนเดียวที่พักจึงไม่จำเป็นต้องใหญ่โตภายในห้องนั่งเล่นมีเตียง ที่นั่งเล็กๆ แล้วโต๊ะเล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านข้าง นอกเหนือจากนั้นก็คงมีแต่ความว่างเปล่า
  ชิงสุ่ยวางร่างกายของเธอลงบนเตียงอย่างไรก็ตามเฉินหวงกลับยังคงกอดเขาไม่ยอมปล่อยมือ
  ”บอกข้าหน่อยเถิดคนชั่วร้ายอย่างเจ้าต้องการช่วงชิงผลประโยชน์จากข้าด้วยอีกคนหรือไม่?”เฉินหวงเงยหน้าพร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตาชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ร่างกายของเขาสงบตัวเสน่ห์ของหญิงสาวผู้นี้ดึงดูดใจของเขาอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการช่วงชิงผลประโยชน์จากความโชคร้ายของผู้อื่น
  ทันใดนั้นกลิ่นหอมจากร่างกายของเธอก็เข้าสู่ร่างกายของชิงสุ่ยซึ่งจะทำให้ชิงสุ่ยแทบจะสูญเสียการควบคุม อย่างไรก็ตามเขาเองก็กำลังมองเห็นหญิงสาวที่กำลังดิ้นทุรนทุราย เพื่อพยายามผลักตัวเองให้ห่างจากเขา  ในไม่ช้าในตาของเธอก็เริ่มถูกกลืนหายไปเพราะผลของพิษเธอเริ่มถอดเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าเธอยังคงจำคำพูดของจินเฟิงได้
  หัวใจของชิงสุ่ยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
  ชิงสุ่ยถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่นเขาไม่ได้ต้องการจะช่วงชิงผลประโยชน์จากเธอ แต่สิ่งที่เธอทำ มันคือเสียงเชื้อชวนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปลุกเร้า
  เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าของเธอแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจใช้ประโยชน์จากร่างกายของเธอ แต่เขาก็จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าเธอออก