ตอนที่ 424 ถูกอีลั่วเสวี่ยพูดเหน็บแนม
อีลั่วเสวี่ยทิ้งคำพูดเหน็บแนมไว้แล้วเดินผละไป รองเท้าส้นสูงย่ำพื้นส่งเสียงเบาๆ ราวกับมีคนใช้อะไรบางอย่างฟาดใส่หัวใจฟางจื่อชิวอย่างรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมานสุดขีด!
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างอีลั่วเสวี่ยจะคารมร้ายกาจเช่นนี้ ให้ตายสิ ทำไมเฉวียนหมิงถึงได้ชอบผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบนี้นะ
แม้ในใจจะไม่พอใจเพียงไร แต่ความเชื่อมั่นในตนเองที่บ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจเพียงไม่กี่นาที อย่างน้อยก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า เธอกลับเผยรอยยิ้มของตนเองอย่างสง่างามในกระจก
ฟางจื่อชิวปรับสีหน้าตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำ
อีลั่วเสวี่ยเพิ่งเดินออกไป ทอดสายตาไปยังจุดที่เฉวียนหมิงยืนอยู่ แต่กลับไปเห็นเขา แล้วกวาดตามองหา พบว่าเขาเดินไปมาในร้านท่าทางกระสับกระส่าย ยังโทรหาเธอไม่หยุด ดูเหมือนจะกังวลมาก
เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าวางมือถือไว้ตรงที่นั่ง จึงยิ้มให้เขา แล้วเดินไปหาเฉวียนหมิงโดยไม่พูดอะไร
“คุณหาอะไรอยู่หรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยยืนอยู่ข้างหลังเฉวียนหมิง แกล้งถามเขาเล่น
เฉวียนหมิงถึงกับสะดุ้ง แล้วค่อยๆ หันมา ไม่พูดอะไรแต่กอดเธอไว้แน่น จนอีลั่วเสวี่ยแทบจะหายใจไม่ออก เธอรู้สึกถึงความกระวนกระวายของคนกอดได้
อีลั่วเสวี่ยเองก็ใจอ่อนลง แล้วกอดเขาเช่นกัน “เป็นอะไรไป เกิดหรืออะไรหรือเปล่า? หรือปู่โทรเรียกให้คุณกลับไป?” หรือปู่โมโหมาก จะออกมาคิดบัญชีกับเธอ?
อีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่คาดเดาไปเอง นอกจากเรื่องนี้แล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรที่ทำให้เฉวียนหมิงดูเครียดอย่างนี้ หรือว่าทางนายท่านผู้เฒ่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“ปู่โมโหจนเป็นอะไรไปอีกหรือ?” อีลั่วเสวี่ยเห็นเฉวียนหมิงไม่ตอบ ยังคงกอดเธอไว้ จึงลองเดาดู
เฉวียนหมิงสั่นหัว แล้วคลายมือออกจากอีลั่วเสวี่ยเล็กน้อย พูดด้วยความอึดอัด “ไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวกับปู่”
“งั้นอะไรหรือ?” น่าแปลก ก่อนหน้านี้เฉวียนหมิงไม่เคยเป็นอย่างนี้
ถึงตอนนี้เฉวียนหมิงเลิกกอดอีลั่วเสวี่ยแล้ว แต่จับแขนสองข้างของเธอไว้ ดวงตาเปี่ยมด้วยความหวั่นวิตก “อาเสวี่ย ผมมองหาคุณไม่เจอ โทรหาก็ไม่รับสาย ผมถามพนักงานในร้าน เธอไม่เห็นคุณออกไป ผมยังคิดว่า…คิดว่าคุณกลับโลกนั้นไปแล้ว”
ผู้บำเพ็ญเพียรจะไปไหนล้วนไม่มีใครรู้ได้ เมื่อครู่เขานึกจริงๆ ว่าอีลั่วเสวี่ยไปแล้ว จากไปโดยไม่ล่ำลา
“คุณคิดมากเกินไป โลกนั้นไม่ใช่จะไปได้ง่ายๆ ฉันก็แค่ไปห้องน้ำ เมื่อกี้เห็นคุณคุยโทรศัพท์เหมือนยุ่งมาก เลยไม่ได้บอกคุณ คุณหันหลังให้ฉันจึงไม่เห็น”
เธอไม่ได้บอกว่าเดิมกำลังจะออกจากห้องน้ำแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะเจอฟางจื่อชิว เลยคุยกับเธอเล็กน้อย จนทำให้เฉวียนหมิงเข้าใจผิด
เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นจึงหายวิตก “งั้นก็ดีแล้ว ผมยังคิดว่า ไม่มีอะไรแล้ว อาเสวี่ย เราไปนั่งเถอะ เครื่องดื่มที่สั่งมาแล้ว” เขาไม่พูดต่อ แล้วโอบอีลั่วเสวี่ยเดินกลับไปยังที่นั่ง
ภาพเมื่อครู่ที่ทั้งสองกอดกันแน่นถูกคนในร้านอาหารถ่ายเก็บไว้ ท่าทางของทั้งคู่ดูสง่างาม ดูรักใคร่กันอย่างดูดดื่ม ทำให้มีคนนึกว่าเป็นการถ่ายหนัง
ฟางจื่อชิวซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกอิจฉาจนดวงตาเต็มไปด้วยเปลวไฟ ความโกรธเกรี้ยวและเคียดแค้นรุมเร้าจิตใจเธอ
ทั้งหมดนี้เดิมควรจะเป็นของเธอ ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอาย น่าแค้นใจจริงๆ!
อีลั่วเสวี่ยย่อมรู้สึกถึงสายตาอำมหิตที่ด้านหลัง แต่เธอไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ก็แค่ตัวอิจฉาเล็กๆ จะใส่ใจไปทำไม
ตอนที่ 425 อย่าจากผมไป
คิดดูว่าเธอซึ่งเป็นคนที่มีชีวิตผ่านสองโลกมาแล้ว สถานการณ์อะไรบ้างที่เธอไม่เคยเจอ แล้วจะถูกผู้หญิงอย่างนี้โค่นลงได้หรือ จะมาไม้ไหนเธอก็ไม่กลัว มาก็โต้กลับ
“อาเสวี่ย คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” หรือเธออยากจะไปจริงๆ พอเฉวียนหมิงคิดเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวหัวใจ ขมวดคิ้วแน่น
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม “ฉันไม่ได้คิดอะไร แต่คุณสิ ทั้งวันคิดอะไรอยู่หรือ ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าจะไป คุณถึงได้กังวลอย่างนี้?” ดูเหมือนเธอจะไม่เคยพูดนะ
แต่เธอไม่รู้ว่านับจากที่เธอบอกว่าเธอมาจากโลกที่เร้นลับอีกโลกหนึ่ง เฉวียนหมิงก็กลัวว่าสักวันหนึ่งเธอจะจากไปอย่างเงียบๆ เขาอาจไม่ได้พบเธออีก เหมือนที่เธอมาจากโลกนั้นอย่างเงียบๆ
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดเองทั้งสิ้น ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ใช่จะพูดความในใจทุกเรื่องออกมา
“อาเสวี่ย อย่าจากผมไป” หลังจากนั่งลงแล้ว เฉวียนหมิงยื่นมืออกไปกุมสองมือเธอไว้ ดวงตาฉายแวววิงวอนและหวั่นใจ ขณะนี้เขาเป็นเหมือนเด็ก กลัวว่าคนสำคัญข้างตัวจะจากไป
ความรู้สึกตอนที่พ่อแม่จากไปอย่างกะทันหันตอนเขาห้าขวบผุดขึ้นมาอีก เขาทุกข์ใจ ทุกข์ใจเป็นพิเศษ รู้สึกแย่มากๆ
อีลั่วเสวี่ยเผยอปาก อยากพูดปลอบเขา แต่พอเห็นเฉวียนหมิงเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจ เธอจึงพยักหน้าแล้วพูด “ได้ ฉันรับปากคุณว่าจะไม่จากไปโดยไม่ล่ำลา”
โลกนี้มีคนที่มีเธออยู่ในใจตลอดเวลา แล้วเธอจะจากไปได้หรือ
“คุณคะ ของว่างที่พวกคุณสั่งค่ะ” พนักงานเห็นทั้งคู่มองกันด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก ก็รู้สึกว่าไม่ควรรบกวน จึงพยายามเดินให้ช้าลง พอมาถึงก็ชะงักเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
เฉวียนหมิงตั้งสติได้แล้ว เขาผงกหัวเล็กน้อย แต่สายตาไม่ได้ละจากอีลั่วเสวี่ย ราวกับว่าถ้าเขาเผลอเมื่อไหร่เธอก็จะหายวับไป
อีลั่วเสวี่ยซาบซึ้งใจมาก “พอเถอะค่ะเฉวียนหมิง บอกคุณตรงๆ ก็ได้ ที่ที่มีคุณอยู่ ฉันไม่ไปไหนหรอก” เฉวียนหมิงต้องการคำตอบ พูดให้ถูกต้องก็คือต้องการคำสัญญาจากเธอ
ขอเพียงเธอรับปากกับเขา เขาก็จะเลิกคิดฟุ้งซ่านแบบนี้
เฉวียนหมิงได้ยินที่เธอพูด ดวงตาเขาเจิดจ้าขึ้น พูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จริงนะอาเสวี่ย คุณจะไม่ไป จะไม่ไปจากผม?”
“อืม” แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะตัดสินใจว่าเมื่อบำเพ็ญเพียรจนกลายเป็นเซียนก็จะกลับไปโลกของเธอ แต่เวลานี้ต่างไปแล้ว เธอมีคนที่ตนเองต้องคอยปกป้อง อยากครอบครองรักแท้ที่บริสุทธิ์
พอเฉวียนหมิงได้ยินคำตอบดวงตาก็ทอประกายทันที รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้น ความหล่อเหลาบวกกับรอยยิ้มที่เกิดจากจิตใจภายในช่างดูมีเสน่ห์
เวลานี้ใบหน้าเฉวียนหมิงมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น ใบหน้าเขาไม่แข็งทื่อเหมือนเมื่อก่อน คนเรายิ้มมากหน่อยย่อมดี ไม่เช่นนั้นอาจลืมได้ว่าจะยิ้มอย่างไร
แต่รอยยิ้มเขาถูกแขกที่ไม่ได้รับเชิญรบกวนแล้ว “เฉวียนหมิง บังเอิญจริง คุณก็อยู่ที่นี่” ฟางจื่อชิวมายืนอยู่ข้างตัวเฉวียนหมิง พูดทักทายอย่างเป็นมิตร ไม่เอ่ยถึงที่เพิ่งเจออีลั่วเสวี่ยแม้แต่น้อย
เธอไม่อยากพูด อีลั่วเสวี่ยเองก็คร้านจะเอ่ยถึง
“งั้นหรือ บังเอิญจริง คุณว่าจริงไหมอาเสวี่ย เรานัดกันก็ยังเจอเพื่อนได้” เฉวียนหมิงพูดขึ้นโดยไม่มองมาทางฟางจื่อชิว ท่าทีเหมือนมองไม่เห็นและไม่ใส่ใจ
อีลั่วเสวี่ยฝืนยิ้ม “ใช่ค่ะ บังเอิญมาก”
รอยยิ้มบนใบหน้าฟางจื่อชิวแข็งทื่อ สุดท้ายก็ยังพยักหน้าอย่างมีมารยาท “ฉันต้องไปทำงาน แล้วค่อยหาเวลาเจอคุณ เฉวียนหมิง ลาก่อน” พูดจบก็เดินผละไปเลยโดยไม่ให้โอกาสเฉวียนหมิงพูดอะไร
เฉวียนหมิงคิ้วขมวดทันที “อาเสวี่ย ผมกับเธอไม่มีอะไรกันจริงๆ”