ตอนที่ 426 เหอเย่ว์กลับกองทหารแล้ว
ผู้หญิงนี้ไม่เพียงดวงวิญญาณจะไม่ยอมแตกสลาย ก่อนไปยังพูดให้คนเข้าใจผิด ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าปู่ตนเอง เฉวียนหมิงไม่อยากพูดกับฟางจื่อชิวแม้แต่คำเดียว!
ในฐานะผู้หญิง อีลั่วเสวี่ยทำไมจะไม่เข้าใจที่เมื่อกี้ฟางจื่อชิวหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ แต่น่าเสียดาย เธอไม่ใช่นางเอกซื่อๆ ในละครน้ำเน่า จะเข้าใจผิดเฉวียนหมิงเพราะเรื่องนี้
ต่อให้ไม่ได้เข้าใจผิดแต่ก็จะกลายเป็นปมในใจ กลายเป็นเรื่องยากจะอธิบายได้ระหว่างกัน
“ฉันย่อมรู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร ฉันเข้าใจดีกว่าทุกคน หรือคุณคิดว่าฉันมองคนเล็กๆ อย่างฟางจื่อชิวไม่ออก?” คนอย่างอีลั่วเสวี่ยเป็นใคร ยังไม่ต้องพูดที่เธอมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าฟางจื่อชิว กินเกลือข้ามทะเลมามากกว่าฟางจื่อชิวมากมาย
คิ้วเฉวียนหมิงที่ขมวดอยู่จึงคลายออก เขามองอีลั่วเสวี่ยด้วยความเสน่หา “อาเสวี่ย คุณเป็นคนพิเศษจริงๆ!” โลกนี้หาคนที่ฉลาดมีไหวพริบอย่างเธอไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นคนที่อยู่ในหัวใจเขาที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นเธอ เธอเท่านั้น
“คุณเองก็พิเศษมากค่ะ” ผู้ชายในโลกเธอมีน้อยมากที่ชั่วชีวิตจะมีหญิงคนเดียวเป็นคู่ครอง มาถึงโลกนี้แม้ว่าจะยึดถือการมีผัวเดียวเมียเดียวก็ตาม แต่ก็มีคนมากมายที่ไม่ยึดมั่นในความรัก
เธอมองเห็นสิ่งที่ตนเองต้องการในตัวเฉวียนหมิง คือยึดมั่นในรักแท้ จริงจังและมั่นคงในความรัก
ทั้งคู่สบตากันแล้วยิ้ม กระแสแห่งความรักที่เข้มข้นไหลไปมาระหว่างกัน ดื่มเครื่องดื่มและกินขนม ความหวานในปากผสมผสานกับความหวานในหัวใจกลายเป็นความสวยงามที่พิเศษอย่างหนึ่ง
หลังจากเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยยืนยันความรักระหว่างกันแล้ว เธอพักที่คฤหาสน์ของเฉวียนหมิงหลายวัน จากนั้นอีกหลายวันก็มาอยู่ที่คฤหาสน์เก่าของอวิ๋นเว่ย ทำกับข้าวบ้าง ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“ไง! เสี่ยวเย่ว์ ไปเดินช้อปปิ้งกันไหม?” เธออยู่กับเฉวียนหมิงนานจนละเลยหลิ่วเฟยซวง วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังจากไม่มีวิชาเรียนแล้วเธอจึงโทรหาเสี่ยวเย่ว์ ชวนเธอออกมาเที่ยวด้วยกัน
ส่วนร้านเคบาร์นรกอเวจีหลังจากดำเนินกิจการไปในทางที่ถูกต้อง ก็ไม่เกิดเรื่องอะไรอีก พอชื่อเสียงกระจายออกไปแล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องคอยไปประจำอยู่ที่ร้าน คนของเธอที่นั่นสามารถดูแลได้
“หมดวันลาแล้วหรือ? อืม…งั้นฉันกับเฟยเฟยจะไปด้วยกัน” จากนั้นอีลั่วเสวี่ยก็วางสาย
หลิ่วเฟยซวงเอียงคอ “ว่าไงนะ เมื่อกี้ฉันฟังไม่ชัด”
“เสี่ยวเย่ว์จะกลับกองทหารแล้ว วันนี้เราไปเป็นแขกบ้านเธอกัน” นับจากที่กลับจากบ้านของหลิ่วเฟยซวงแล้ว เหอเย่ว์ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ตลอดเวลา ทำให้พ่อแม่เธอปลื้มใจมาก
“กลับไป คุณพูดถึงเหอเย่ว์ใช่ไหม?” ยังไม่ทันที่หลิ่วเฟยซวงจะแสดงความเห็น ก็มีเสียงดังขึ้นที่ข้างหลัง
อีลั่วเสวี่ยและหลิ่วเฟยซวงหันไปมอง ก็เห็นมีสามคนยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่ใครอื่น หนานหลิวเฟิงกับพวกนั่นเอง เพียงแต่คราวนี้คนที่ถามคือเว่ยเหลียนเฉิง
“ลั่วเสวี่ย เมื่อกี้คุณบอกว่าเสี่ยวเย่ว์จะไปแล้ว ใช่ไหม?” เว่ยเหลียนเฉิงไม่เชื่อ จึงถามขึ้น
หลิ่วเฟยซวงกับอีลั่วเสวี่ยพยักหน้า ไม่พูดอะไร หลานเย่หมิงเข้าใจทันที “มิน่าผมถึงไม่เจอเธอมาที่มหาวิทยาลัยสองอาทิตย์แล้วที่แท้ก็กลับบ้าน ตอนนี้เตรียมกลับกองทหารแล้ว” พวกเขารู้ว่าเหอเย่ว์เป็นทหาร เพียงแต่ไม่รู้ว่าเธอเป็นทหารสังกัดเขตทหารที่สิบสองเท่านั้น
“ตอนนี้พวกเราจะไปเป็นแขกบ้านเธอ แล้วหาเวลาส่งเธอ ว่าแต่คุณถามไปทำไม?” หลิ่วเฟยซวงมองเว่ยเหลียนเฉิงด้วยความแปลกใจ หมอนี้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหอเย่ว์สักนิด
เว่ยเหลียนเฉิงถูกถามจนพูดอะไรไม่ออก หนานหลิวเฟิงจึงช่วยแก้สถานการณ์
“ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เมื่อคุณสองคนไป งั้นพาพวกเราไปด้วยสิ ไปกันหมดเลย พวกนายว่าจริงไหมเย่หมิง เหลียนเฉิง?”
ตอนที่ 427 บ้านเหอเย่ว์
หลานเย่หมิงย่อมรู้ดีว่าหนานหลิวเฟิงคิดอะไรอยู่ในใจ รีบพยักหน้าทันที “ใช่ ใช่ ทุกคนไปด้วยกัน ในเมื่อรู้จักกันแล้วก็เป็นเพื่อน ถ้าไม่ไปส่งเธอหน่อยออกจะไร้น้ำใจเกินไป”
“พวกนายสามคนจะไปกับเรางั้นหรือ?” หลิ่วเฟยซวงแสดงอาการสงสัย ฝ่ายนั้นไม่ได้เชิญสามคนนี้สักหน่อย ทำอย่างนี้จะดีหรือ
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา มองเห็นความคาดหวังในตาของเว่ยเหลียนเฉิง แล้วดึงเสื้อหลิ่วเฟยซวง “พูดถูกแล้ว ทุกคนเป็นเพื่อน ไปด้วยกัน ไปด้วยกัน เดี๋ยวไปดูว่ามีของอะไรที่พอจะเป็นของที่ระลึกได้ เอาไปให้เธอ”
หนานหลิวเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย “พูดมีเหตุผล งั้นทุกคนไปด้วยกันเถอะ” พอตกลงได้แล้ว มุมปากเว่ยเหลียนเฉิงก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ในตามีความคาดหวัง น่าเสียดายที่คนเดียวที่ดูไม่ออกคือหลิ่วเฟยซวง เธอเป็นคนปราะสาทเฉื่อยชา
หรืออาจจะพูดว่าเพราะหลานเย่หมิงอยู่ด้วย ทำให้สมองเธอหลั่งสารอะไรบางออกมาทำให้สมองทำงานช้าลง
เมื่อเป็นเช่นนี้คนกลุ่มนี้ก็ยังมีเวลาไปเลือกซื้อของที่มีความหมายสำหรับเหอเย่ว์
ไม่นานนักอีลั่วเสวี่ยกับพวกก็มาถึงบ้านของเหอเย่ว์
“ที่นี่ใช่ไหม?” หลิ่วเฟยซวงลงจากรถแล้วนึกสงสัย เป็นครั้งแรกที่เธอมาบ้านของเหอเย่ว์ คิดไม่ถึงว่าจะหรูหราโอ่อ่าขนาดนี้
หนานหลิวเฟิงลงจากรถ ถือของแล้วปิดประตูรถ มองดูคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าแล้งผงกหัว “ใช่แล้ว ที่นี่แหละ” เขาอาจจะไม่รู้จักบ้านคนอื่น แต่เขารู้จักบ้านของเหอเย่ว์
อีลั่วเสวี่ยเดินไปกดกริ่งประตู เห็นเหอเย่ว์โผล่หน้าออกมาบนจอภาพทันที ดูผิวขาวขึ้น เพราะหลายวันมานี้ไม่ได้ออกไปไหน ผิวจึงกลับขาวเหมือนเดิม
ความห้าวดูลดลง กลายเป็นเด็กสาวขึ้นมา พอเห็นอีลั่วเสวี่ยยังไม่ทันพูดทักทายประตูเหล็กก็เปิดออก
“รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันมา” จากนั้นจอภาพก็มืดลง
อีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนผลักประตูเดินเข้ามา เดินมาได้ครึ่งทางเหอเย่ว์ก็วิ่งออกมา เธออยู่บ้านใส่ชุดกีฬากระชับตัว เผยให้เห็นรูปร่างที่ได้สัดส่วนดี
สมกับคนที่ผ่านการฝึกฝนร่างกายมา ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย บริเวณที่เป็นกล้ามเนื้อก็ดูกระชับแข็งแรง
พอเว่ยเหลียนเฉิงเห็นเหอเย่ว์ก็มองดูแทบไม่วางตา เป็นหญิงสาวที่สดใสมีขีวิตชีวาจริงๆ รอยยิ้มเปี่ยมด้วยแสงตะวัน น่ารักมาก!
“อ้าว พวกคุณก็มาด้วย คิดไม่ถึงจริงๆ รีบเข้าบ้านก่อน” จากนั้นเธอก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “พ่อ แม่ เพื่อนหนูมาเยี่ยมค่ะ”
ขณะที่ทุกคนเดินเข้าบ้าน ชายหญิงคู่หนึ่งยิ้มร่าพร้อมกับมองมาที่ประตู ผู้ชายไม่แปลกหน้าสำหรับอีลั่วเสวี่ย เขาก็คือเหอจวิน เป็นหนึ่งในคนที่อวิ๋นเว่ยฝึกขึ้นมา
“แม่หนูลั่วเสวี่ยก็มาด้วย เชิญนั่ง ยังคุณชายหนาน ทุกคนนั่งตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ” เหอจวินยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่วางมาดแบบในวงราชการ
ผู้หญิงที่ตอนสาวหน้าตาคงคล้ายกับเหอเย่ว์รีบเทน้ำชาให้ แล้วยกผลไม้ถาดใหญ่มาวางตรงหน้าอีลั่วเสวี่ยกับพวก
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจนะ ถือว่าเป็นบ้านตัวเองก็แล้วกัน ฉันได้ยินเหอเย่ว์คุยถึงพวกเธอบ่อยๆ พวกเธอมาเป็นแขกได้ฉันดีใจจริงๆ ที่บ้านไม่คึกคักอย่างนี้นานแล้ว”
นับจากที่ลูกสาวไปเป็นทหาร ก็เป็นเวลาหลายปี พวกเขาแม้แต่เพื่อนก็ไม่ค่อยแวะมาที่บ้าน
เหอเย่ว์ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกผิด เธอไม่ดีเอง ไม่ได้อยู่แสดงความกตัญญูต่อหน้าพ่อแม่
“คุณน้าเกรงใจเกินไปแล้ว เราจัดการเองได้ ขอบคุณค่ะ” อีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนพูดคุยทักทายอย่างมีมารยาท เวลาไปเที่ยวบ้านเพื่อน ต่อหน้าพ่อแม่ของเพื่อนดูเหมือนเป็นเด็กจริงๆ