TQF:บทที่ 625 ต่างคนต่างมีแผน (2)

 

พวกเขายังอยู่แค่ระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะเท่านั้น และอายุของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็น้อยกว่าพวกเขาด้วย แต่กลับอยู่จุดที่สูงจนแค่คิดก็ไม่กล้า

 

น้าสาวหลี่เจียฉีที่อยู่ข้างๆก็มีสีหน้าตะลึง มองพี่สามีที่ท่าทางสาวกว่าตัวเองตั้งเยอะ “พี่ใหญ่ วิทยายุทธของเสี่ยวเสี่ยวสูงขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

“ท่านป้าใหญ่ เสี่ยวเสี่ยวฝึกฝนยังไงน่ะ เก่งขนาดนี้” หลานสะใภ้เหลียงรุ่ยหวงถามทึ่งๆ

 

หญิงสาวที่ตระกูลฟางแต่งงานด้วยล้วนมีวิทยายุทธไม่สูงนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พรสวรรค์พวกนางไม่ดีเท่าไหร่ ตระกูลก็ไม่ได้สูงส่ง ไม่มีทรัพยากรมาช่วยฝึกฝน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้พวกนางก็คงไม่แต่งกับบ้านใหญ่ตระกูลฟางที่ไม่ค่อยได้รับการเคารพ

 

เพราะฉะนั้นแม่สามีและลูกสะใภ้คู่นี้จึงมีวิทยายุทธแค่ระดับรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้น เสี่ยวเอ้อข้างนอกนั่นยังมีวิทยายุทธระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะหรือบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เลย เมื่อเทียบกับพวกนางแล้วก็ต่างกันมากโขอยู่

 

นี่ก็เป็น 1 ในเหตุผลที่ทั้งบ้านใหญ๋ถูกรังแกมาตลอด

 

พูดถึงวิทยายุทธของหลานสาวฟางซูหยุนมีสีหน้าภูมิใจ “เสี่ยวเสี่ยวเป็นเด็กที่ตั้งใจมาก และนาง…..”

 

พูดถึงตรงนี้ฟางซูหยุนหยุดลง มองไปยังเด็กๆที่วิทยายุทธต่ำ หวนนึกไปถึงว่าที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน วิทยายุทธระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย แต่ที่ผืนดินฉางไห่ถือว่าต่ำไปจริงๆ

 

พวกตาแก่ที่ฟังบทสนทนาของพวกนางอยู่ร้อนใจจนแทบจะเอ่ยปากถาม ผิดหวังนิดหน่อยที่ฟางซูหยุนไม่พูดต่อ แต่ก็ยังมีความคาดหวังอีกมาก

 

ฟางซูหยุนมองเด็กๆที่สีหน้าหม่นหมองจึงกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน “พวกเจ้าวางใจเถอะ รอให้เสี่ยวเสี่ยวว่างจะช่วยยกระดับให้พวกเจ้า ขอแค่พรสวรรค์พวกเจ้าไม่แย่เกินไป วิทยายุทธของพวกเจ้าจะถูกยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว”

 

“จริงเหรอท่านย่าใหญ่ น้องสาวจะช่วยข้าเหรอ” ฟางถงยวี่ถามอย่างร้อนรน แม้แต่พี่น้องตระกูลฟางก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

 

“พวกเจ้าวางใจเถอะ ที่ข้าพูดน่ะเรื่องจริง” ฟางซูหยุนพูดอย่างขบขัน “เรื่องแบบนี้เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้นสำหรับเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย ไม่เป็นอะไรหรอก”

 

“อิอิ น้องสาวเก่งจัง”

 

ฟางถงยวี่หัวเราะอย่างมีความสุข พี่น้องตระกูลฟางก็เบาใจลง เผยรอยยิ้มสบายใจ

 

ไม่ใช่แค่พวกเขา 2 พี่น้องหรอก แม้แต่แม่สามีและลูกสะใภ้ข้างๆก็มีรอยยิ้มดีใจแทนเด็กๆ

 

พวกตาแก่ที่แอบฟังอยู่ก็ดีใจเช่นกัน แม้ว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้วว่ามียาเม็ดที่ช่วยยกระดับสมรรถภาพร่างกายและพรสวรรค์ หรือด้วยอิทธฤทธิ์บางอย่าง แต่คนที่มีไว้ในครอบครองจริงๆมีน้อยมาก

 

ของที่วางจำหน่ายอยู่ที่ตึกจงหยวนด้านนอกนั่นก็มีของแบบนี้ แต่ละวันมีแต่คนไปแย่งซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่พอขาย เรียกได้ว่าคนที่ต้องการมีมากจริงๆ

 

ถ้าหากพวกนางมีของแบบนี้หรือฝีมือแบบนี้ละก็ ไม่อยากจะคิด ไม่ว่าใครก็ต้องเทิดทูนพวกนางเหมือนบรรพบุรุษก็ไม่ปาน

 

“ท่านย่าใหญ่ น้องสาวเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์เหรอ นางมีสัตว์อมตะเท่าไหร่ล่ะ”

 

ฟางถงยวี่ถามเรื่องเกี่ยวกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยความอยากรู้ และก็เป็นคำถามที่พวกตาแก่อยากรู้ด้วย มีคนถามแทนพวกเขาก็ยิ่งตั้งใจฟัง

 

แต่เดิมพวกเขาที่ยังชวนคุยเรื่องไร้สาระอยู่เงียบไปอย่างไม่รู้ตัว สายตาทอดไปยังฟางซูหยุนกันทั้งหมด

 

ฟางซูหยุนกลับหัวเราะละยื่นมือไปลูบหัวฟางถงยวี่ “เยอะมาก อย่างที่เสี่ยวเสี่ยวบอก นางอยากจะมีสัตว์อมตะเท่าไหร่ก็ได้ เรียกได้ว่าเยอะจนพวกเจ้าคาดไม่ถึง”

 

ความลับเกี่ยวกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย ฟางซูหยุนย่อมไม่บอกทุกอย่างอยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่

 

แต่แค่ตอบไปแบบนี้ก็พอจะให้ตาแก่ที่อยู่ที่นี่ตะลึงไปอีกครั้ง ถ้าเป็นคำพูดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพวกเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่กับคำพูดของฟางซูหยุนคนที่เชื่อมีเยอะมาก

 

ดังนั้นตาแก่เหล่านี้จึงมีสีหน้าที่ดีใจเป็นอย่างมาก รวมถึงคู่สามีภรรยาฟางเต๋อหยวนด้วย เรียกได้ว่าตั้งแต่วันนี้ไป สายบ้านใหญ่ของเขาก็หลุดพ้นแล้ว วันเวลาที่พวกเขาจะได้เชิดหน้าชูตาก็มาถึงแล้ว

 

ฟางซูหยุนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงบอกกับเด็กๆ “หากพวกเจ้ามีสายพันธุ์สัตว์อมตะที่ชอบ รอเสี่ยวเสี่ยวออกมาให้นางยกให้คนละตัว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์วิญญาณหรือสัตว์อมตะนางมีหมด”

 

“ว้าว เยี่ยมไปเลย….”

 

“ข้าชอบช้างหยก”

 

“ข้าชอบเสือป่าเมฆาม่วง”

 

ห้องรับแขกเก่าๆที่นี่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ตาแก่ทั้งหลายก็บากหน้าไม่ยอมจากไปสักที

 

ส่วนในตึกหลัก

 

คนของบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่รวมตัวอยู่ด้วยกัน หลายสิบคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่โอ่อ่าหรูหรา สีหน้าพวกเขาไม่สู้ดีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

นายท่านรองผู้เป็นเจ้าบ้านมองทุกคน ก่อนจะกวาดสายตาผ่านพี่น้อง 2 คนของตัวเอง คิดไปคิดมาก็ลุกขึ้นบอกกับทั้งคู่ “น้องสาม น้องสี่ พวกเจ้าตามข้ามาที่ห้องหนังสือ” พูดจบนายท่านรองก็หันหลังเดินจากไป

 

นายท่านสามและนายท่านสี่ลุกตามไป พวกเขาสบตากันก่อนจะเดินตามคนข้างหน้าไปเงียบๆ

 

คนอื่นๆในห้องรับแขกมองตามคนมีอำนาจที่สุดทั้ง 3 คนออกไป แต่บนใบหน้าพวกเขาไม่ได้มีแววยินดีแต่อย่างใด มีแค่ความไม่สบายใจและความหวั่นเกรง

 

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เหล่าลูกศิษย์ที่สูงส่งอยู่เสมอรู้สึกหวาดระแวง

 

โดยเฉพาะฟางหมิงจื้อที่หน้าตาเคร่งเครียด 2 มือในแขนเสื้อก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

 

เขาอดนึกไปถึงตอนนั้นไม่ได้ ตอนที่เขาทำลายความภาคภูมิของฟางหมิงเห้อ เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ในที่สุดเขาก็ได้ความเจิดจรัสที่ตัวเองต้องการ ในที่สุดเขาก็เป็นคนเก่งกาจในสายตาทุกคน

 

สิ่งที่เขามีในทุกวันนี้ล้วนได้มาด้วยฝีมือโหดเหี้ยมของตัวเอง ได้มาด้วยการเหยียบย่ำลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง จริงๆทุกอย่างก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาผิด

—————————–