ตอนที่ 1778

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,778 : บึงไร้ก้นบึ้ง!

 

ราชาสัตว์ร้ายที่อยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ มันไม่ได้มีเวทย์พลังป้องกันอย่างรูปปั้นและมนุษย์ศิลา ด้วยเหตุนี้เพียงกระบี่เดียวอันบรรจุไว้ด้วยพลังจู่โจมระดับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดของต้วนหลิงเทียน ก็สามารถผ่าร่างมันได้ง่ายดาย!

 

เมื่อราชาสัตว์ร้ายตายตก สัตว์ร้ายตัวอื่นก็ไม่ได้ตื่นตระหนกหวาดกลัวจนหลบหนีอะไร กลับกันพวกมันยังคล้ายเดือดดาลจนทวีความคุ้มคลั่งมากยิ่งขึ้น!

 

กระทั่งในบึงน้ำยังปรากฏฟองอากาศผุดขึ้นมาปุดๆ ไม่นานก็มีสัตว์ร้ายพุ่งออกมาอีกหลายตัว หากแต่ไม่ได้มากมายดั่งตอนแรก รอบนี้มีเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น

 

ในบรรดาสัตว์ร้ายที่พุ่งออกมานับร้อยรอบหลัง พวกมันมีพลังฝึกปรือเพียงเซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้ต่อให้พวกมันจะมีมากเท่าไหร่ ก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันอะไรให้ต้วนหลิงเทียนเลย

 

พวกมันกรูกันเข้ามาในเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนประหนึ่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ คล้ายพวกมันจะแห่กันมาตกตาย ราวกับช่วงเวลาตกตายเป็นห้วงเวลาที่พวกมันจะเจิดจ้าเปล่งประกายมากที่สุด!

 

ผ่านไปสักระยะต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกชินชากับภาพความตายอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าสัตว์ร้ายพวกนี้สมควรเป็นภาพมายาประการหนึ่ง ยามตกตายก็สลายหายไปไม่เหลือซาก แต่ยังอดอึ้งไปเล็กน้อยเสียไม่ได้ ที่พวกมันพุ่งเข้ามารับความตายอย่างกล้าหาญแบบนี้…

 

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงมืออะไร เพียงยืนอยู่เฉยๆ ใช้จิตควบคุมกระบี่ในเขตแดนหมื่นกระบี่เพื่อฆ่าพวกมัน

 

จนกระทั่งสัตว์ร้ายตัวสุดท้ายตายตก ต้วนหลิงเทียนก็พอได้โล่งใจลงหน่อย

 

ทว่าไม่ทันที่เขาจะทันได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก กลับมีเสียงหนึ่งที่ราวกับดังมาจากทุกทิศทางดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนชัดเจน

 

“สหายน้อย ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยที่ผ่านการทดสอบแรกของบึงไร้ก้นบึ้งมาได้…ยังมีบททดสอบอีก 8 ประการรอคอยเจ้าอยู่…ข้าจักเฝ้ารอเจ้าอยู่ที่บททดสอบสุดท้าย”

 

เสียงนี้ฟังแล้วสมควรเป็นเสียงของชายชรา ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็อึ้งไปพักหนึ่งค่อยบังเกิดความตื่นเต้นยินดีขึ้นมา

 

“ไม่ว่าจะเป็นหอคอยลิ่วเหอ หรือพระราชวังที่มีโถงเหยียนเทียนนั่น ตอนไปไม่เห็นมีอะไรแบบนี้เลย…แถมฝูงสัตว์ร้ายก่อนหน้าก็เป็นบททดสอบแรกของพื้นที่มรดกเวทย์พลัง บึงไร้ก้นบึ้งนี่!?”

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนแรกเขาก็เดาไว้แล้วว่าการโจมตีของฝูงสัตว์ร้ายจะใช่บททดสอบแรกหรือไม่

 

เพราหากมันเป็นบททดสอบแรกล่ะก็ นั่นหมายความว่ามรดกเวทย์พลังที่อยู่ในพื้นที่นี้สมควรไม่ธรรมดาแน่นอน หรืออย่างน้อยๆก็ต้องมีระดับสูงกว่าร่างทองลิ่วเหอและปราการศิลาสวรรค์ของเซียวตุน!

 

ตอนนี้พอมาได้ยินเสียงชราที่ดังขึ้นทุกทิศทาง ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันข้อสันนิษฐานนี้ได้อย่างชัดเจน!

 

‘เวทย์พลังในบึงไร้ก้นบึ้งนี่ต้องเป็นเวทย์พลังระดับสูงแน่นอน!’

 

ตอนแรกต้วนหลิงเทียนยังสองจิตสองใจ ว่าร่างทองลิ่วเหอที่ได้รับมาน่าจะเป็นเวทย์พลังที่ดีไม่น้อยแล้ว แต่พอมาเจอบึงไร้ก้นบึ้งนี่ เขาก็ตระหนักได้ว่ามันสมควรเป็นแค่ระดับกลางอันธรรมดาๆเท่านั้น!

 

บททดสอบแตกต่าง ระดับเวทย์พลังย่อมต่างกัน!

 

“ฟังจากเสียงนั่น …ยังเหลืออีก 8 การทดสอบสินะ แล้วข้าจะไปรับบททดสอบที่ 2 นั่นที่ไหนกัน?”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสงสัย เขาก็ลองแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบรอบๆอีกครั้ง และไม่นานเขาก็สัมผัสได้ว่าบนอากาศหน้าบึ้งคล้ายมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

 

เมื่อหรี่ตามองเพ่งไป เขาก็เห็นว่ามีรอยแยกที่ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นในอากาศระดับสายตา จากนั้นประตูบานหนึ่งก็ค่อยๆโผล่มาให้เห็น…ไม่ทราบว่าประตูนี้จะนำเขาไปสู่ที่ใดกันแน่

 

‘ผ่านบททดสอบแรกก่อนถึงค่อยเปิดประตู…ไม่เหมือนกับสามมรดกเวทย์พลังที่ข้าพบก่อนหน้านี้ ปกติแค่สัตว์ร้ายชุดแรกตายประตูก็เปิดแล้ว…ที่นี่ยากกว่ากันเยอะเลย’

 

ต้วนหลิงเทียนพูดในใจ

 

‘สำหรับเรื่องที่เซียวตุนเข้าใจผิดว่าที่นี่มีระดับเดียวกันกับพระราชวัง เพราะพวกมันแค่พบว่าสัตว์ร้าย 4 ตัวมีระดับพลังไล่เลี่ยกับวิหกทั้ง 5 นั่นแน่’

 

แน่นอนว่าที่ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าทำไมเซียวตุนกับสหายถึงเข้าใจผิด เพราะทั้งคู่ไม่แม้แต่จะเอาชนะสัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวขึ้นชุดแรกได้…

 

ถึงแม้สัตว์ร้ายที่นี่จะปรากฏขึ้นมาแค่ 4 ตัว แต่ด้วยความที่พวกมันเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ทำให้พวกมันสามารถลงมือสอดประสานกันได้ จึงร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าวิหกตัวเขื่องทั้ง 5 ที่พระราชวัง!

 

แม้พวกมันจะดูคล้ายแยกกันลงมือ ทว่าอันที่จริงแล้วกลับสอดประสานกันดี!

 

‘เข้าไปก่อน’

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างต้วนหลิงเทียนก็กระโจนเข้าประตูลึกลับเบื้องหน้าทันที

 

มีอะไรรอคอยอยู่ด้านในกันแน่?

 

ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้นัก

 

แต่ที่รู้ก็คือมันต้องมีความยากมากกว่าบททดสอบแรกแน่นอน!

 

และสิ่งที่รอคอยเขาอยู่เบื้องหน้าสายตา…ก็คือความมืดมิด! มืดกระทั่งไม่อาจมองเห็นนิ้วมือทั้ง 5 สุดท้ายเขาต้องเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดออกมา ทำให้ทั่วกายส่องแสงสว่างปานดวงตะวัน เผยหนทางอันมืดมิดเบื้องหน้า!

 

เป็นทางยาวทอดลึกลงไป ดั่งอุโมงค์สายหนึ่ง…

 

ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามทางลงไปได้ไม่กี่ร้อยหมี่ก็พอทำความเข้าใจอุโมงค์ได้ในระดับหนึ่ง

 

‘อุโมงค์นี่ดูเหมือนจะลาดลงไปเรื่อยๆ ผ่านไปพักหนึ่ง ก็เลี้ยวหักศอกคล้ายๆ จะเหมือนบันไดเวียนลงไปเบื้องล่าง…อย่าบอกข้านะว่าข้าต้องลงไปเรื่อยๆ ถึงจะไปโผล่สถานที่สำหรับบททดสอบที่ 2…’

 

พอคิดแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็เร่งฝีเท้าในการก้าวเดินขึ้นมาทันที แน่นอนว่าคำว่าเดินในที่นี้ความเร็วย่อมไม่ใช่ชั่ว!

 

บททดสอบที่ 2 เป็นเช่นไรนั้น…

 

เขาไม่รู้!

 

ความไม่รู้นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด แต่ใครก็คงบอกได้ว่ามรดกเวทย์พลังที่เขาจะได้รับหลังผ่านอีก 8 บททดสอบ ต้องเป็นเวทย์พลังระดับสูงแน่ๆ!

 

“นี่มันลงมาลึกกว่าผิวดินประมาณ 1,000 หมี่ได้แล้ว…”

 

หลังผ่านไปพักใหญ่ ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามทางอันรู้สึกเหมือนจะทอดยาวออกไปไร้สิ้นสุดเขาก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา “โอย…มันจะต้องไปอีกไกลเท่าไหร่กัน?”

 

ถึงแม้จะร้อนใจแต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ยอมแพ้ แต่เลือกที่จะเดินต่อไป

 

พริบตาหนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป…

 

“นี่ข้าลงมาลึกกว่า 2,000 ลี้แล้วนะ…”

 

2 วันผ่านไป…

 

“4,000 ลี้เข้าไปแล้ว…”

 

3 วันผ่านไป

 

“บัดซบ นี่มัน 6,000 ลี้เข้าไปแล้ว! ข้าจะต้องถ่อไปถึงไหนกัน?!”

 

สามวันผ่านไป ต้วนหลิงเทียนที่เดินลงมาไม่หยุดพัก ก็อดไม่ไหวจำต้องหยดสบถออกมาด้วยความหัวเสีย ไม่คิดเดินไปไหนอีก หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น “ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเดินผ่านอุโมงค์บ้านี่ไม่ได้!!”

 

ทันทีที่กล่าวออกมาอย่างหัวเสียจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งออกไปทันที ไม่คิดเดินไปอย่างช้าๆอะไรอีก

 

ทว่าพอผ่านไปอีกวัน และรู้สึกได้ว่ามุ่งหน้าลึกลงมาใต้ดินกว่า 20,000 ลี้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เพราะหากเป็นที่โลกเก่า ความลึกขนาดนี้มันเกือบจะเป็น 2 เท่าของความลึกแกนโลกแล้ว!!

 

อุโมงค์มืดมิดนี่มันคล้ายจะทอดยาวลงไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

 

“บัดซบ! ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!!”

 

ต้วนหลิงเทียนที่หยุดเคลื่อนไหวและยืนนิ่งอีกครั้ง คราวนี้แทนที่จะหัวเสียเขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “ที่แท้ที่นี่ก็คือบททดสอบที่ 2…ปีศาจเฒ่านั่นฉลาดนัก! หากไม่ใช่เพราะข้าเปิดใช้ม่านตาพิสดารข้าคงไม่รู้ตัว!!”

 

“ที่คิดว่าเดินลึกลงมา 20,000 ลี้ ที่แท้ยังห่างจากผิวดินแค่ราวๆ 1,000 ลี้เท่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะค่ายกลบัดซบนั่น!!”

 

เนื่องจากในอุโมงค์มันมีแต่ความมืดมิดและไร้กระแสพลังผันพวน จึงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะรู้ตัวว่ากำลังเดินวนเวียนอยู่ในค่ายกลมายาอันแยบคายชุดหนึ่ง!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาใช้ออกด้วยม่านตาพิสดาร และทำการจดจำรายละเอียดทั้งหมดในอุโมงค์ เขาจึงพบว่าร่องรอยทั้งหลายผ่านไปพักหนึ่งกลับละม้ายคล้ายกัน! ทำให้เขาพบว่าเขากำลังเดินวนเวียนอยู่ในทางเส้นเดิมตลอดเวลา!!

 

เพราะค่ายกลมายานี้มีระดับสูงเกินไป ปกปิดดีเกินไป จึงไร้กระแสพลังผันผวน!!

 

“ค่ายกลมายานี่สมควรเป็นบททดสอบที่ 2..”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบใจรอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเปิดใช้ม่านตาพิสดารเต็มกำลัง มองไปรอบๆกาย

 

หากคิดทำลายค่ายกล จำต้องหาแก่นกลางอันเป็นจุดศูนย์รวมพลังของค่ายกลหรือที่เรียกกันว่า ‘ตาค่ายกล’ ให้พบ! และการจะหาสิ่งนั้นได้ จำต้องใช้ม่านตาพิสดาร!!

 

ดังนั้นการเดินสำรวจรอบนี้ต้วนหลิงเทียนจึงใช้พลังวิญญาณเพื่อเปิดใช้ม่านตาพิสดารออกมาตลอดเวลา แถมยังต้องแผ่สำนึกเทวะออกมาระวังภัยไว้ด้วย ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยละเอียดไม่กล้าประมาท

 

ในขณะที่เดินผ่านบางจุด อยู่ๆปราณสุริยันแรกกำเนิดก็ปะทุแผ่พุ่งออกมาทั่วร่าง ก่อนจะพุ่งไปทำลายที่ทาง! เรียกว่าตอนนี้หากเจอซอกหลืบน่าสงสัยอันใด เขาจะซัดพลังไปทำลายทุกสิ่งที่อยู่ด้านในทันที!!

 

แน่นอนว่าม่านตาพิสดารที่เปิดใช้ตลอดเวลาแบบนี้ มันกินพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนสูงมาก!

 

หลังจากที่พลังวิญญาณเขาพร่องไปเจียนร่อยหรอ ต้วนหลิงเทียนก็จำต้องหยุดพักเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ

 

เขากระทำเช่นนี้ไปอยู่เกือบอาทิตย์…

 

ดั่งคำฟ้าไม่ละทิ้งคนเพียร ในวันที่ 7 ต้วนหลิงเทียนก็พบบางสิ่งที่คล้ายจะเป็น ‘ตาค่ายกลในที่สุด’ เขาไม่รอช้าปะทุปราณสุริยันแรกกำเนิดควบรวมเป็นมวลพลังน่ากลัวขุมหนึ่ง ซัดออกไปปานดาวตกระเบิดทำลายมันอย่างดุร้าย!!

 

ถ้ามันเป็นตาของค่ายกลจริงๆ ค่ายกลมายานี่จะสลายหายไปทันที

 

หากแต่ถ้ามันเป็นแค่จุดพลังจุดหนึ่งของค่ายกล แม้จะทำลายไป…ก็ไม่อาจทำลายค่ายกลนี้ได้

 

และต้วนหลิงเทียนก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ว่า…

 

อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาพบจุดพลังจุดแรกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มีแรงฮึดมากขึ้น หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งวันเขาก็พบจุดที่ 2 และทำลายมันอีกครั้ง

 

และดูเหมือนจุดพลังของค่ายกลจุดนี้จะมีความสำคัญมากกว่าจุดแรก

 

เพราะทันทีที่มันถูกทำลาย เบื้องหน้าไกลๆของอุโมงค์อันมืดมิดก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาดั่งอรุณรุ่งแห่งความหวังทันที ถึงแม้ว่ามันจะริบหรี่เพราะอยู่ไกลแสนไกล แต่ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ “นั่นคือทางออกงั้นเหรอ?”

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าค่ายกลนี้สมควรถูกเขาทำลายลงได้แล้ว ถึงจะไม่ใช่ตาค่ายกล แต่ถ้าจุดพลังสำคัญๆเสียไป มันก็ไม่อาจส่งพลังประคองค่ายกลไว้ให้เสถียรได้!

 

“บททดสอบนี้…ช่างเสียเวลาจริงๆ”

 

ถึงแม้บททดสอบที่ 2 จะไม่ต้องฆ่าฟันอะไร…แต่มันกลับกินเวลาเขาไปทั้งสิ้น 10 วัน กระทั่งเผลอๆอาจจะมากกว่านั้น! หากเลือกได้เขาขอลุยดะอย่างบททดสอบแรกดีกว่า!!

 

บททดสอบที่ 2 ทำให้ใจอ่อนล้านัก

 

หลังจากเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งพุ่งร่างไปยังทางออกทันที

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

……

 

และเมื่อต้วนหลิงเทียนออกมาจากอุโมงค์อันมืดมิด สังหรณ์อันตรายก็ร้องดังขึ้นในใจเขาทันที เร่งกางระฆังกระบี่คลุมกายออกมาอย่างไม่รอช้า ปราณสุริยันแรกกำเนิดปะทุระเบิด โคจรไหลไปดั่งสายธารเชี่ยวผ่าน 99 ชีพจรสายแผ่พุ่งออกทั่วผิวกาย ควบรวมสร้างกระบี่พลังมีสภาพนับพันเล่มในพริบตา! ก่อนที่พวกมันจะลอยล่องวนเวียนรอบตัวด้วยความเร็วาสูง!!

 

ปงงง! ปงงง! ปงงง!!

 

……

 

แทบจะพร้อมกันกับที่ระฆังกระบี่คลุมกายปรากฏ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่า มีพลังมหาศาลขุมหนึ่งซัดกระแทกเข้าม่านพลังของเขาอย่างจัง! มวลพลังนั่นยังน่ากลัวไม่น้อย!!