ในหุบเขาลึกที่เคยอัดแน่นไปด้วยคลื่นซอมบี้จนทุกอย่างกลายเป็นภาพสีดำหากตอนนี้ซอมบี้หายไปไหนหมด?
กองหินมหาศาลระเกะระกะเต็มไปหมดโดยเฉพาะบริเวณจุดที่ใกล้กับภูเขาด้านขวาที่มีกองหินเรียงทับซ้อนกันสูงเป็นภูเขาขนาดย่อม และเมื่อมองดีๆจะเห็นว่าตามหินแต่ละก้อนที่พื้นทั้งหลายมีเศษเนื้อ เศษเลือด ชิ้นส่วนต่างๆของซอมบี้เปรอะอยู่ แสดงว่าหุบเขานี้ได้กลายเป็นสุสานของเหล่าซอมบี้ที่มีเลือดสีดำไหลเป็นแม่น้ำ
เสียงคำรามกึกก้องของซอมบี้ที่เคยดังสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขาหากในตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เหลือเพียงแต่ความเงียบสนิท
เงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต!
ซอมบี้ทั้งหมดตายในครั้งเดียวงั้นเหรอ?กองทัพซอมบี้หลายหมื่นถูกจัดการเรียบร้อย? จริงๆเหรอ?
ความหวาดสยองเกิดขึ้นในใจของเหล่าหน่วยข่าวกรองลับอีกครั้งในตอนนี้พวกเขาเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพลังนักรบแถวหน้าแล้ว และสงครามครั้งนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของผู้บัญชาการรบ การตัดสินใจที่ถูกต้อง สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ภายในพริบตา!
กองทัพเขี้ยวหมาป่าซึ่งก่อนหน้านี้ถูกไล่ต้อนเข้ามาในหุบเขาลึกจนจนมุมและหมดหนทางตอนนี้ทุกกลับปรากฏตัวหลังจากฝุ่นควัน ยืนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขาและห่างจากรัศมีของหินถล่ม แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีหินก้อนใหญ่บางทีกระเด็นมาแต่พวกมันก็ถูกกำจัดง่ายๆด้วยทีมนักฆ่าขนนกที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ
เพียงแค่ระเบิดพลังทำลายล้างที่เปลี่ยนจากนรกเป็นสวรรค์ พลังของผู้คน สามารถพลิกผันสถานการณ์เฉียดตายให้กลายเป็นผู้ชนะได้ เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออะไรขนาดนี้!
เหมิงชีเหว่ยและทุกคนมองไปที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากหินถล่มเลยทหารพันคนที่เห็นก่อนหน้านี้ก็ยังคงมีจำนวนเท่าเดิมกับก่อนหินถล่ม แต่เป็นเพราะเศษฝุ่นหนาทำให้หน้าตาแต่ละคนตลกอย่ามาก ทั้งเนื้อทั้งตัวกลายเป็นสีเทากันหมด
อย่างไรก็ตายแววตานั้นไม่สามารถปิดบังได้ แววตาที่ดุดันประกายวาวและภาคภูมิใจในเพื่อนพ้องนั้นสะท้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า!
การสูญเสียเพื่อนพ้องนักรบแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน!
ท่ามกลางฝุ่นที่ยังเหลือจางๆในอากาศเฉินช่าวเย่ก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรก “เราชนะแล้ว กินข้าว! เฮ้ย พวกข้างบน รีบเอาเสบียงลงมาสิ!”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!”เสียงหัวเราะสนั่นของทุกคนพร้อมกับเสียงโห่ร้องดีใจกับชัยชนะในครั้งนี้ดังก้องทั่วไปทั้งหุบเขา
เหอเฟิงอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มมุมปากพวกเขาผ่านความยากลำบากมาตลองสอองวันสองคืน เหนื่อยล้าสุดพลังกาย แต่ทุกคนกลับไม่มีใครยอมแพ้ สงครามทั้งสองรอบตลอดสาม พวกเขาฆ่าซอมบี้ไปได้ถึง 100,000 ตัว
กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่มีสมาชิกทั้งหมด1,500 คนสามารถกวาดล้างซอมบี้ 100,000 ตัว โดยสูญเสียสมาชิกไป 500 คนและเหลืออีกหนึ่งพันคนตลอดระยะเวลาสามวัน!
เหอเฟิงเงยหน้ามองไปยังเฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำบนฟ้าวิทยุสื่อสารในมือพังเพราะเหตุการณ์ชุลมุนก่อนหน้านี้ หากเหอเฟิงไม่กังวลใจ เขาเลือกที่จะใช้ท่าส่งสัญญาณลับที่มีแต่ภายในกองทัพเขี้ยวหมาป่าด้วยกันที่จะเข้าใจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชูฮันคิดค้นขึ้นมาเอง ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่า ไม่ว่าจะเป็นทีมรักษาความปลอดภัยค่ายเขี้ยวหมาป่า หน่วยข่าวกรองลับ ทีมทั้งสี่ ทหารในกองทัพ ทุกๆคนล้วนเข้าใจและใช้งานเป็นกันหมด
นี้เองก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนที่จงรักภักดีต่อชูฮันยอมรับเหอเฟิงในฐานะผู้บัญชาการรบชั่วคราว
เหมิงชีเหว่ยและคนอื่นๆรู้สึกตัวและรีบสั่งให้ทุกคนปล่อยถุงยังชีพลงไปด้านล่างทันทีในขณะเดียวกันเหมิงชีเหว่ยเองก็โรยตัวลงไปที่ด้านล่าง และทันทีที่ลงไปถึงภาพสนามรบที่มองจากด้านบนด้วยความตื่นเต้นผสมหวาดกลัว เมื่อได้สัมผัสกับมันจริงๆเขาก็รู้สึกถึงความโหดเหี้ยมของสงครามที่แท้จริง
ทันใดนั้นเหมิงชีเหว่ยก็รู้สึกสงสัยว่าคนที่พึ่งทำสงครามและได้เห็นภาพน่าสยดสยองเช่นนี้ยังจะมีอารมณ์กินข้าวต่อได้อีกเหรอ?
อย่างเช่นมือปืนเทพเจ้าผู้โด่งดังอย่างเฉินช่าวเย่ ทันทีที่ถุงยังชีพถูกส่งลงมาถึงพื้น เฉินช่าวเย่ก็พุ่งเข้าไปรื้อค้นหาอาหารออกมาฉีกกินทันที เมื่อมองไปยังภาพกองศพซอมบี้ที่เละเทะตุ้มเป๊ะเศษเนื้อกระจุยกระจาย เลือดสีดำที่ไหลนอง เหมิงชีเหว่ยก็แทบจะอ้วกออกมาทันที เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมาเหมิงชีเหว่ยก็รีบทำท่าวัทยาหัตถ์แสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายทันที “เหมิงชีเหว่ย หัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าครับ”
เหมิงชีเหว่ยแนะนำตัวเองสั้นๆแววตาที่จ้องไปที่เหอเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือสงครามครั้งนี้อยู่ภายใต้การนำของชายตรงหน้าคนนี้
ผู้ชายคนนี้คือใครกัน?
ทำไมหัวหน้าชูฮันไม่เคยเอ่ยถึงเขากับหน่วยข่าวกรองลับมาก่อน?
เป็นอีกครั้งที่มุมปากของเหมิงชีเหว่ยถูกยกขึ้นก่อนจะหันตัวไปหาเหมิงขีเหว่นตรงๆ “เหอเฟิง ทหารใต้บังคับบัญชาของพลเอกชูฮัน ผู้กำกับการทหารเขี้ยวหมาป่า เป็นผู้บัญชาการรบสงครามกับซอมบี้ในครั้งนี้”
เฮือกกกก! เหมิงชีเหว่ยอ้าปากค้างจนคางแทบถึงพื้นตาจ้องเหอเฟิงตรงหน้าจนลูกตาแทบจะะหลุดจากเบ้า
”หะเหอ เหอเฟิง?!!” หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เหมิงชีเหว่ยก็เอ่ยขึ้นมาตะกุกตะกัก ขาเผลอถอยก้าวหลังไปหลายก้าว มีแต่ความสับสนเต็มไปใบหน้า
เหอเฟิงผู้โด่งดัง?!
เหอเฟิงแห่งซางจิง?
ทำไมเขาถึงมาที่นี้?แล้วยังเป็นทหารใต้หัวหน้าชูฮันอีก?
นี้มันนี้มันมากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เขาต้องชะความคิดลงก่อน!
เหอเฟิงไม่แปลกใจที่เหมิงชีเหว่ยจะะตกใจขนาดนี้ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ที่เป็นพันธมิตรกันของเขาและชูฮันถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีใครล่วงรู้
เหอเฟิงค่อนข้างอายเขาจับหัวตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูกและรีบพูดข้อมูลที่จำเป็น”ที่จริง มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถูกที่ถูกเวลา ประกอบกับสองพ่อลูกแห่งค่ายจินหยางนั้นโง่เง่าสิ้นดี โอ้ใช่ เฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำจะไม่กลับไป ฉันจะอยู่ที่นี้ไปพักหนึ่งเพื่อดูว่ามีอะไรที่ฉันจะทำได้บ้าง และเสบียงต่างๆฉันจะเป็นคนส่งมอบให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเอง”
ทั้งเหอเฟิงและเหมิงชีเหว่ยรู้ดีว่านี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องกลับมาไปจัดการที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า เวลาผ่านมาสามวันแล้ว พวกเขายังไม่เห็นลูกผสมสักตัวปรากฏตัวขึ้นมาเลย!
เหอเฟิงไม่ถามเขาเพียงแค่พยักกหน้า จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารรีบเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทาาง
ทหารหนึ่งพันคนที่กำลังเคี้ยวอาหารใช้ความเร็วสุดขีดของตัวเองเพื่อกลืนอาหารลงให้หมดภายในพริบจะรีบจัดเก็บข้าวของเวลาหลังช่วงสงครามจบลงอย่างเช่นตอนนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวและสำคัญที่สุด พวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายหรือคลายความระวังภัยได้แม้แต่น้อย
หุบเขาแห่งนี้ถูกระเบิดจนกลายเป็นสุสานเลือดสีดำมันไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับพักผ่อนหรือต่อสู้ต่อไปอีก พวกเขาจำเป็นต้องรีบเคลื่อนย้ายพลทันที ไม่ว่าทุกคนจะเหนื่อยล้ามากขนาดไหนก็ตาม
เหมิงชีเหว่ยเองก็รีบกลับขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์และนำเฮลิคอปเตอร์ที่เหลือบินตามขบวนทัพของกองทัพเขี้ยวหมาป่าออกจากหุบเขา เหมิงชีเหว่ยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงแค่แววตาที่ประหลาดใจและตื่นเต้นไม่รู้จบ
ความเร็วการเคลื่อนพลของกองทัพเขี้ยวหมาป่าทำให้ทุกคนบนเฮลิคอปเตอร์ต้องตกใจค้างอีกครั้ง