บทที่ 2226+2227

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2226 ทำไมเขาถึงไม่หลบ?

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

โทสะในใจเธอพุ่งสูงยิ่งขึ้น!

ชอบเธอจนใช้ข้ออ้างเช่นนี้มาหลอกลวงเธออย่างไร้ยางอายงั้นหรือ?!

ชอบเธอจนฉวยโอกาสที่เธอความจำเสื่อมใช้เรื่องนี้มาหลอกลวงเธอสินะ?!

นี่เขาเรียกว่าชอบหรือ?!

เป็นการตีชิงตามไฟชัดๆ!

เธอเกลียดการที่คนอื่นมาหลอกลวงเธอที่สุด! โดยเฉพาะเมื่อคนที่โกหกเป็นคนที่เธอไว้เนื้อเชื่อใจ!

ไม่เห็นตี้ฝูอีอยู่ตรงหน้า ในใจเธอยังพอโอบอุ้มความหวังสายหนึ่งไว้ได้ หวังว่าทุกอย่างที่อวิ๋นเยียนหลีบอกเป็นเรื่องเท็จ หวังว่าตี้ฝูอีไม่ได้โกหกเธอ…

ยามนี้ความจริงเปิดเผยหมดแล้ว…

มีโทสะปั่นป่วนอยู่ในทรวง คล้ายว่าอยากจะหาทางปะทุออกมา

บรรยากาศรอบตัวเธอก็เย็นยะเยือกลงเช่นกัน มองเขาอย่างเยียบเย็น

“เช่นนั้นเจ้าใช่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไหม? ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูในอดีตหรือเปล่า?”

ยามที่ถามประโยคนี้ออกไป เธอกลั้นหายใจอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ รอคอยคำตอบจากเขา

ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบมาสองคำ

“ไม่ใช่!”

เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันมืดมิด เรือนกายซวนเซเล็กน้อย

เดิมทีเธอโกรธจนใบหน้าเฉิดฉันแดงก่ำ ยามนี้กลับซีดเผือดลง

เธอน่าจะมีสามีแล้ว แต่กลับถูกผู้อื่นหลอกลวงจนร่วมประเวณีกับชายอื่นไปเสียแล้ว…

เธอกำหมัดแน่น ในใจพลันมีความคิดจะสังหารคนขึ้นมา!

เธอฝืนสะกดเพลิงโทสะที่กำลังจะเดือดปะทุเอาไว้ ถามคำถามสุดท้ายกับเขา

“เช่นนั้นเจ้ารู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าข้ามีพันธะหมั้นหมายกับผู้อื่นก่อนแล้ว? ถึงขั้นที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นสามีภรรยากับคนผู้นั้น?”

แสงจันทร์สาดส่องสีหน้าของตี้ฝูอีก็ซีดเซียวยิ่งนักเช่นกัน เขาเม้มปากนิดๆ ในที่สุดก็ตอบออกมาคำหนึ่ง

“ใช่!”

กู้ซีจิ่วรู้สึกเพียงว่าทั้งร่างเย็นเฉียบ! โกรธจนมึนงงแล้ว!

เธอกำมือแล้วกำมืออีก สะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว สะบัดฝ่ามือใส่เขา

“เยี่ยมมาก! ตี้ฝูอี ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะชั่วช้าน่ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้!”

เธอซัดฝ่ามือออกไปด้วยความโกรธ ย่อมทรงอานุภาพยิ่งนัก

สายลมจากฝ่ามือพัดกรรโชก ฟาดเข้าใส่ตี้ฝูอี

‘ผลั่ก!’

กระแสฝ่ามือซัดลงบนอกของตี้ฝูอี ร่างกายเขาส่ายโงนเงนทันที ถอยหลังไปรวดเดียวสี่ห้าก้าว ยามนี้สีหน้าซีดขาวปานกระดาษแล้ว

กู้ซีจิ่วก็ดูเหมือนจะนึกไม่ถึงเช่นกันว่าฝ่ามือนี้ของตนจะซัดโดนเขาจริงๆ หัวใจเสมือนถูกผู้ใดตะปบเข้าอย่างแรง

ทำไมเขาถึงไม่หลบ?

ด้วยวรยุทธ์ของเขาสามารถหลบได้ง่ายดายชัดๆ…

แผนทรมานตัวเองหรือ?

ภายใต้แสงจันทร์เรือนกายตี้ฝูอียืนตระหง่าน มองดูนาง นัยน์ตาลุ่มลึกปานทะเลสาบที่มีแสงดาราสาดส่อง

“เจ้าถามจบแล้วตอนนี้จะฟังข้าอธิบายได้หรือยัง?”

ความจริงเปิดเผยออกมานางจะโกรธก็สมควรแล้ว ไม่โกรธสิถึงจะผิดปกติ ตี้ฝูอีเตรียมใจเรื่องนี้ไว้นานแล้ว…

“อธิบายอะไร?! หรือว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้าล่ะ? ที่ดินแดนเบื้องบนผู้ที่ข้าชอบก็คือเจ้าหรือไง?”

กู้ซีจิ่วต้อนถาม

ตี้ฝูอีอึกอัก เม้มปากเล็กน้อย

“ข้าโกหกเจ้าข้อนี้ข้ายอมรับ และขออภัยยิ่งนัก แต่ซีจิ่ว คนที่เจ้าเคยชอบผู้นั้นไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว วิญญาณดับสลายไปเช่นนั้น ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้แล้ว…ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ถามอวิ๋นเยียนหลีได้”

กู้ซีจิ่วกำหมัด เกี่ยวกับเรื่องของคนที่เธอตามหานั้น ก่อนหน้านี้อวิ๋นเยียนหลีเคยบอกกับเธอแล้ว

ถึงขั้นที่บอกให้เธอลืมเลือนคนผู้นั้นไปแล้ว แต่ยังทุ่มเทตามหาอีกฝ่ายมานับร้อยๆ ปี…

แต่ว่าในเมื่อเธอทุ่มเทเพื่อค้นหาอย่างสุดชีวิตที่ดินแดนเบื้องบน เช่นนั้นก็น่าจะมีความหวังในการคืนชีพให้อีกฝ่ายอยู่กระมัง?

ว่ากันอย่างอ่อนข้อให้แล้ว ต่อให้ไม่มีความหวังในการคืนชีพให้หวงถูแล้ว ก็มิใช่ข้ออ้างที่ตี้ฝูอีจะนำมาหลอกลวงกันเช่นนี้ในยามนี้!

เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว หัวเราะหยัน

“ต่อให้เขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้วอย่างไร?! คนที่ข้าชอบก็คือเขาไม่ใช่เจ้า! เจ้าใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้เพื่อให้ได้ตัวข้า ทำให้คนสะอิดสะเอียน! ตี้ฝูอี ข้าดูแคลนเจ้านัก!”

ตีฝูอีเซถอยไปก้าวหนึ่ง วาจารุนแรงถึงเพียงนี้…

————————————————————————————-

บทที่ 2227 เจ้าในตอนนี้อาจสู้ข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

แต่เขาทำผิดก่อน ไม่ว่านางจะด่าทออย่างไรเขาล้วนยินดีรับไว้

“ซีจิ่ว ข้ารู้ว่าข้าผิด วันหน้าข้าจะชดเชยให้เจ้า…”

“ชดเชยรึ? ชดเชยอย่างไร? ตี้ฝูอี เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะยังออกเรือนกับเจ้ากระมัง?!”

ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง มองดูนาง

“ซีจิ่ว อย่าพูดด้วยอารมณ์ ระหว่างพวกเรา…”

กู้ซีจิ่วเชิดหน้าหัวเราะ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ร่วมประเวณีกันไปแล้วน่ะหรือ?! เจ้านึกว่าใช้วิธีเช่นนี้มาครอบครองข้า ข้าก็จะยอมรับชะตากรรม มีแต่ออกเรือนไปกับเจ้างั้นสิ? นี่ก็คือแผนการที่เจ้าวางไว้แต่แรกกระมัง? ประหารก่อนแล้วค่อยกราบทูลสินะ…ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ตี้ฝูอี เจ้าฝันไปเถอะ! ชั่วชีวิตนี้ข้าจะรักเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูผู้เดียว มีชีวิตอยู่เป็นคนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตายไปก็จะเป็นผีของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ไม่แต่งกับเจ้าเด็ดขาด!”

ตี้ฝูอีหน้าซีดเผือดปานหิมะแล้ว

“ตี้ฝูอี เจ้าไปซะ! นับจากวันนี้ไป เจ้าไปตามเส้นทางอันรุ่งโรจน์ของเจ้าเสีย ข้าจะเดินบนเส้นทางเดียวดายของข้า พวกเราน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง! อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าเห็นเจ้าแล้วสะอิดสะเอียน!”

กู้ซีจิ่วโกรธจนตัวสั่น ความเป็นจริงโหดร้ายเกินไป ทำให้เธอรับไม่ไหว

จอมหลอกลวง! ไอ้สารเลว!

เขาหลอกลวงเธอแบบนี้ได้ยังไง?! เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไรกันแน่?!

เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาแล้ว! พลันหมุนกายเคลื่อนย้ายจากไปทันที

อวิ๋นเยียนหลีที่ทำตัวดั่งอากาศธาตุอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดในที่สุดก็เปิดปากแล้ว

“…ซีจิ่ว!”

ดูเหมือนนางจะโกรธสุดขีดแล้วจริงๆ แม้กระทั่งสหายอย่างเขาที่ได้รับบาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ก็ยังหลงลืม…

เขาหันไปมองตี้ฝูอี กระแอมเบาๆ

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ เสี่ยวเซียนไม่คิดเลยว่าท่านกับนางจะมีความสัมพันธ์กันแล้ว…”

ในที่สุดสายตาของตี้ฝูอีก็หันเหมาที่ร่างเขาแล้ว แววตาหนาวยะเยือกรางๆ

อวิ๋นเยียนหลีทอดถอนใจ ยกสองมือขึ้น

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ เสี่ยวเซียนก็ไม่ทราบว่าท่านปิดบังนางไว้มากมายปานนี้ เพียงแต่ท่านทำเช่นนี้ช่างใจแคบจริงๆ…”

น้ำเสียงตี้ฝูอีเยียบเย็น

“เรื่องระหว่างข้ากับนางไม่ต้องให้เจ้ามาสอดปากหรอก!”

อวิ๋นเยียนหลีส่ายหน้า ยกมุมปากขึ้นนิดๆ น้ำเสียงก็เยียบเย็นลงเช่นกัน

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ เปิ่นหวางไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเจ้าเลยจริงๆ ถึงอย่างไรระหว่างเจ้ากับข้าก็มีความแค้นของตระกูลขวางกั้นอยู่ เปิ่นหวางก็ไม่อยากข้องแวะอันใดกับเจ้าหรอกนะ แต่ซีจิ่วเป็นสหายของข้า เป็นสหายที่อยู่เคียงข้างกันมานับร้อยปี มิตรภาพระหว่างพวกเรามิใช่สิ่งที่คนอายุเท่าเจ้าจะเข้าใจได้ ข้าไม่ปรารถนาให้นางถูกผู้ใดล่อลวงไป!”

กลิ่นอายบนร่างตี้ฝูอีเยียบเย็นยิ่งนัก

“สหาย? เจ้าเป็นสหายของนางจริงๆ น่ะหรือ?”

อวิ๋นเยียนหลีเอ่ยอย่างเฉยเมย

“แน่นอน”

เขาหยักมุมปากคล้ายจะยิ้ม

“นางเป็นผู้เดียวในชีวิตนี้ที่ข้ายอมรับเป็น…สหาย ข้ามายังแดนอสุราก็เพื่อนางโดยเฉพาะ ข้าจะพานางไปจากที่นี่ นางไม่เหมาะจะอยู่ในสถานที่กันดารแร้นแค้นเช่นนี้”

เขาก้าวเข้าไปหาตี้ฝูอีอีกสองก้าว

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ เจ้ากักตัวนางไว้ที่นี่อย่างเห็นแก่ตัว ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน! เจ้าคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะจับผลัดจับผลูมาถึงโลกนี้ แล้วบังเอิญพบนางที่นี่กระมัง? เจ้าน่าจะรู้นะ บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดขวางกั้นสายลมได้ และไม่มีคำโป้ปดใดที่จะปิดบังไปได้ชั่วนิรันดร์…”

ตี้ฝูอียืนอยู่ที่เดิม อำนาจบนร่างข่มขวัญผู้อื่นอยู่รางๆ

“อวิ๋นเยียนหลี มาที่นี่แล้วเจ้าใจกล้าขึ้นมากนี่ กล้าพูดจาแบบนี้กับข้าแล้ว!”

ที่ดินแดนเบื้องบนเมื่ออวิ๋นเยียนหลีเห็นเขา จะทำความเคารพอย่างนอบน้อมเสมอมา

อวิ๋นเยียนหลีเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง สายตาจับจ้องอยูที่ร่างของตี้ฝูอีเช่นกัน หัวเราะเสียงแผ่ว

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ ที่ดินแดนเบื้องบนเจ้าคือบุตรแห่งเทพมาร ทุกคนล้วนเคารพเจ้าไม่กล้ายั่วยุเจ้า นั่นก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าบุพการีเจ้า แต่ที่นี่ เจ้ากับข้าก็ไม่ต่างกันตรงไหนนี่?”

เขาก้าวเข้ามาอีกก้าว หยักมุมปากจางๆ

“เจ้าในตอนนี้อาจสู้ข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”

————————————-