บทที่ 2228+2229

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2228 นางใจอ่อนแล้วหรือ?

เดิมทีเขาดูสง่างามปานหยก มีน้ำใจกับผู้อื่นเสมือนสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน แต่หลังจากที่กล่าวประโยคนี้ออกมา ไม่น่าเชื่อว่ารังสีบนร่างเขาจะแกร่งกล้าขึ้นจนทำให้ผู้อื่นสะท้านทรวง! ใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างคล้ายจะรับรู้ถึงรังสีนี้ของเขาได้ เหี่ยวเฉาร่วงโรยไปทันที…

‘พรึบ!’

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เคลื่อนย้ายกลับมาอีกครั้ง ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าคนทั้งสองทันที

สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“ซีจิ่ว ทำไมเจ้ากลับมาอีกล่ะ?” อำนาจอันแกร่งกร้าวที่ปรากฏขึ้นมาบนร่างอย่างน่าประหลาดนั้นเลือนหายไปหมดแล้ว เป็นเหมือนพี่ชายข้างบ้านอีกครั้ง

นัยน์ตาตี้ฝูอีก็มีประกายแสงวาบผ่านเช่นกัน สายตาร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว

นางใจอ่อนแล้วหรือ? กลับมาหาเขาใช่ไหม?

กู้ซีจิ่วกลับไม่มองเขาเลย เอ่ยถามอวิ๋นเยียนหลี

“ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก? ยังอยากเข้าเมืองอยู่ไหม?”

อวิ๋นเยียนหลีพยักหน้า ตอบรับอย่างว่าง่าย

“อยาก!”

“งั้นพวกเราไปด้วยกัน!”

กู้ซีจิ่วหันหลังออกเดินอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน!”

ในที่สุดตี้ฝูอีก็เปิดปากแล้ว

กู้ซีจิ่วไม่หยุดฝีเท้าเลย

‘ฟุ่บ!’ ผลึกสีแดงทอประกายวาววับก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว ลอยเข้าสู่มือเธอด้วยตัวเอง

น้ำเสียงตี้ฝูอีราบเรียบ

“นี่คือผลึกวิญญาณระดับหนึ่ง เจ้าเอากลับไปให้เย่หลิงเถิด”

กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า มองผลึกวิญญาณในมือ ยกมุมปากขึ้นนิดๆ ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นรอยยิ้มหรือการหยามหยัน หันกลับมาเงื้อมือขึ้น ผลึกวิญญาณก้อนนั้นถูกเธอปากลับไปอีกครั้ง

“ขอบใจมาก! แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งใดจากเจ้า!”

ผลึกวิญญาณร่วงอยู่ตรงแทบเท้าของตี้ฝูอี สิ่งที่ถูกโยนกลับมาพร้อมกับผลึกวิญญาณยังมีถุงเก็บของอีกใบด้วย ถุงเก็บของใบนั้นก็เป็นของที่เขามอบให้นางเช่นกัน…

ชัดเจนยิ่งนัก นางทำเช่นนี้คือต้องการตัดขาดกับเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

กู้ซีจิ่วไม่อยากพัวพันกับเขาไปมากกว่านี้แล้ว ลากอวิ๋นเยียนหลีจากไปเลย

อวิ๋นเยียนหลีก้าวตามฝีเท้าของนางไปแล้ว ก่อนจากไปเขายังผินหน้ามองตี้ฝูอีแวบหนึ่งด้วย

ตี้ฝูอียืนอยู่ใต้ต้นไม้ หลุบตาลงเล็กน้อย สีหน้าซีดเซียวจนน่ากลัว สายลมพัดต้องอาภรณ์และเรือนผมของเขา คนผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ยามนี้ทั้งร่างกลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวอ้างว้าง…

….

“ซีจิ่ว เจ้าจะไปล่าผลึกวิญญาณระดับหนึ่งอยู่หรือ?”

จากที่นั่นมาไกลแล้ว ยามนี้กู้ซีจิ่วและอวิ๋นเยียนหลีเข้าสู่ซอกเขาแห่งหนึ่งแล้ว

“อืม”

กู้ซีจิ่วคล้ายจะใจลอยอยู่บ้าง ฝ่ามือเย็นเฉียบอยู่ตลอด

“เอาไปทำไม?”

อวิ๋นเยียนหลีอยากรู้

“ช่วยคนในเผ่าข้า…”

ยามนี้กู้วีจิ่วไม่อยากพูดมากนัก

อวิ๋นเยียนหลีมองใบหน้าเฉิดฉันที่ซีดเผือดมาโดยตลอดของนาง ถอนหายใจ ไม่ถามต่อแล้ว เอ่ยออกมาทันที

“ได้ ข้าจะช่วยเจ้า!”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว

“เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ กลับไปที่เมืองก่อนเถอะ เรื่องหินผลึกระดับหนึ่งข้าจะคิดหาทางเอง”

สัตว์ร้ายที่ครอบครองหินผลึกระดับหนึ่งร้ายกาจอย่างยิ่ง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ด้วยระดับของเธอในตอนนี้ไม่มีทางสู้ไหว ต่อให้ทราบจุดอ่อนของอีกฝ่ายก็ไม่มีประโยชน์ เธอต้องคิดหาวิธีอื่น

อวิ๋นเยียนหลีไม่พูดต่อไปให้มากความแล้ว เขาล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อทันที จากนั้นก็หยิบของออกมา ในฝ่ามือมีผลึกวิญญาณส่องประกายแวววาวติดมาด้วยก้อนหนึ่ง

“ซีจิ่ว เจ้าดูสิ นี่คืออะไร?”

กู้ซีจิ่วตกตะลึง นี่ก็คือผลึกวิญญาณระดับหนึ่งขนานแท้!

“ที่แท้เจ้าก็ล่ามันได้แล้ว!”

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่เพ่งพินิจเขา

“ทำได้อย่างไร?”

ก่อนหน้านี้เธอเห็นเขาต่อสู้กับสัตว์ร้ายระดับสอง ลำบากลำบนปานนั้นกว่าจะเอาชนะได้ ซ้ำยังอยู่ในพื้นฐานที่มีเธอคอยช่วยเหลือด้วย

สัตว์ร้ายระดับหนึ่งร้ายกาจกว่าระดับสองมากนัก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะโค่นได้…

….

————————————————————————————-

บทที่ 2229 เธอจะมีอะไรให้ห่วงอีกเล่า?

อวิ๋นเยียนหลีคล้ายจะเข้าใจว่าเธอสงสัยอะไร ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบ

“ซีจิ่ว ยามที่ข้าเพิ่งลงมาพลังยุทธ์กล้าแข็งกว่าตอนนี้มาก บังเอิญมีโชคพบสัตว์ร้ายชนิดนี้ตัวหนึ่ง ได้รับผลึกวิญญาณของมันมา พกติดตัวไว้ตลอด ยังหักใจใช้ไม่ลง กลับเอามาใช้ช่วยเหลือคนในเผ่าของเจ้าได้พอดีเลย”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าผลึกวิญญาณนี้มีประโยชน์อย่างไร? มันฟื้นฟูพลังวิญญาณให้เจ้าได้…โดยเฉพาะระดับหนึ่งเช่นนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่พบได้ทว่าไม่อาจร้องขอได้”

อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจ

“ซีจิ่ว ข้าก็มาถึงที่นี่สักระยะหนึ่งแล้ว จะไม่รู้ถึงคุณประโยชน์ของผลึกวิญญาณชิ้นนี้ได้อย่างไร?”

“เช่นนั้นเจ้ายังจะมอบให้ข้าอีกหรือ?”

อวิ๋นเยียนหลีดึงมือเธอไป วางผลึกวิญญาณก้อนนั้นลงในมือเธอ

“ซีจิ่ว ข้าบอกแล้วไง ข้าคือสหายของเจ้า! เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันด้วย! หากว่าเจ้าเห็นข้าเป็นสหาย ก็รับมันไว้ซะ!”

กู้ซีจิ่วอบอุ่นใจเล็กน้อย ในที่สุดก็รับผลึกนั้นไว้

“ได้! งั้นก็ขอบใจมากนะ”

วันหน้าถ้าเธอล่าผลึกวิญญาณเช่นนี้มาได้ค่อยคืนให้เขาแล้วกัน เธอไม่อยากติดหนี้น้ำใจผู้อื่น

อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มน้อยๆ

“เช่นนี้ถูกต้องแล้ว”

กู้ซีจิ่วหยิบผลึกวิญญาณระดับสองก้อนนั้นออกมา

“เจ้าเอาอันนี้ไปดูดซับก่อนเถอะ”

อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่เกรงใจเธออีก รับไปจริงๆ

“ได้ พวกเรามาดูดซับก้อนนี้ด้วยกันไปก่อนนะ”

เขาหลับตาลงแล้วดูดซับพลังวิญญาณในผลึกวิญญาณก้อนนั้นเข้าไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ส่งให้กู้ซีจิ่ว

“เจ้าดูดซับอีกครึ่งนี้ไปสิ”

กู้ซีจิ่วหันหลังหนี

“อย่าร่ำไรน่า เจ้าดูดซับเองก็พอแล้ว”

ถึงแม้เธอจะอยากแข็งแกร่งขึ้นยิ่งนัก แต่ในสัญชาตญาณกลับไม่อยากจะดูดซับผลึกวิญญาณก้อนเดียวกับอวิ๋นเยียนหลี…

อวิ๋นเยียนหลีหลุบตาลงนิดๆ

“ได้ ตามใจเจ้า”

แล้วนั่งสมาธิดูดซับอีกครึ่งที่เหลือจนเกลี้ยง

เขาลืมตาขึ้นเห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้น คล้ายจะเหม่อลอยอยู่ แววตาว่างเปล่า ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

แววตาอวิ๋นเยียนหลีมืดลงนิดๆ นิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า

“ซีจิ่ว หากว่าเจ้าเป็นห่วงเขา งั้นกลับไปดูเขาหน่อยไหม?”

กู้ซีจิ่วได้สติในทันใด หันหลังออกเดิน

“ไม่ต้องแล้ว พวกเรากลับเมืองเถอะ”

วรยุทธ์ของคนผู้นั้นสูงส่งกว่าเธอมากนัก เธอมีอะไรให้ห่วงอีกเล่า? ไม่ต้องกลับไปดูหรอก!

ในเมื่อไม่จำเป็นต้องตามหาคนแล้ว กู้ซีจิ่วก็ไม่อยากเดินทางด้วยวิธีโง่ๆ อีก จึงพาอวิ๋นเยียนหลีใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที หลังจากเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันไปสามสี่ครั้ง ในที่สุดเธอก็กลับไปถึงเมืองลั่วฮวา

กู้ซีจิ่วไปหาชาวเผ่าของตนก่อน ค่อยยังชั่ว การข่มขู่ของเธอได้ผลยิ่งนัก เย่หลิงผู้นั้นไม่ได้สร้างความลำบากให้ชาวบ้านเหล่านี้แล้ว ถึงแม้พวกผู้ชายยังต้องทำงานเหนื่อยยากอยู่ แต่พวกผู้หญิงก็ไม่ต้องเป็นนางโลมแล้ว ได้รับการจัดสรรงานจำพวกเก็บกวาดถนนใหญ่

เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วกลับมา ทุกคนจึงโล่งอก เข้ามารุมล้อมทักทายเธอ

แน่นอนว่ามีบางคนสนใจใคร่รู้ในตัวไอ้หนุ่มหน้าขาวที่กู้ซีจิ่วพากลับมาด้วยอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะเพ่งพิศอวิ๋นเยียนหลีอยู่สองสามครา

กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดมากนัก จึงแนะนำอวิ๋นเยียนหลีกับชาวเผ่าเช่นนี้

“ท่านนี้คือสหายของข้าคุณชายอวิ๋น อวิ๋นเยียนหลี”

อวิ๋นเยียนหลีสุภาพปานหยก ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอบอุ่นปานสายลมใบไม้ผลิ เขายิ้มน้อยๆ ทักทายฝูงชน ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างนอบน้อมยิ่ง

ชาวเผ่าเหล่านี้ยังคงตรงไปตรงมายิ่งนัก อีกทั้งอวิ๋นเยียนหลีก็เป็นคนที่กู้ซีจิ่วพากลับมา พวกเขาย่อมกระตือรือร้นยิ่ง ทั้งจับมือตบไหล่ปราศรัยกับเขา

บนมือของพวกเขาถึงขั้นที่ยังเขรอะฝุ่นอยู่บ้าง มอมแมมไม่น้อยเลย แต่อวิ๋นเยียนหลีกลับไม่มีท่าทีรังเกียจเลยสักนิด จับมือด้วยอย่างจริงใจ

กู้ซีจิ่วมองอยู่ด้านข้าง ไม่ทราบเช่นกันว่าในใจรู้สึกอย่างไร

เธอยังจดจำตอนที่ตี้ฝูอีพบชาวเผ่าเหล่านี้ได้ คนเหล่านี้ก็อยากจะสนิทสนมกับเขาเช่นกัน

————————————