ตอนที่ 304 ค่ายกลล่ามวิญญาณ / ตอนที่ 305 ตำนาน

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 304 ค่ายกลล่ามวิญญาณ

 

 

หันเทียนซวี่ยิ้มหยัน แล้วพูดว่า

 

 

“ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนั้นใครคือผู้พิชิตดินแดนแห่งนี้ นั่นก็คือเผ่าพีส่ากับเผ่าอินทรีเงินร่วมมือกัน ค่ายกลด้ายแดงล่ามวิญญาณของเผ่าพีส่าเป็นสิ่งที่ปราบพวกเขา”

 

 

ถังเฉียนไม่เคยรู้ว่าค่ายกลล่ามวิญญาณของพวกเขามีอานุภาพยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ หันเทียนซวี่ยังบอกว่าคนเผ่าพีส่ารู้จักปกป้องคนในครอบครัวมากที่สุด คนเผ่านี้ชั่วชีวิตจะแต่งเมียเพียงครั้งเดียว ถ้าพวกเขาทำให้นางบาดเจ็บหรือตายตามอำเภอใจ เกรงว่าพวกเขาจะมีชีวิตไม่ยืนยาว เถิงเฟิงต้องแก้แค้นแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าลงมือต่อนางอย่างวู่วาม

 

 

ที่หันเทียนซวี่พูดเช่นนี้ยังเพื่อวันหน้าเกิดพวกเขาค้นคว้าวิธีรักษาไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็ไม่กล้าฆ่าพวกเขาตามอำเภอใจ

 

 

“ที่แท้เพราะเรื่องนี้ เจ้ารอบรู้มากจริงๆ”

 

 

หันเทียนซวี่พูดอย่างจนปัญญา

 

 

“ไม่ใช่ข้ารู้มาก เพราะฐานะพิเศษเช่นนี้ของท่าน ฝ่าพระบาทจึงทรงส่งเจ้ามา ฝ่าพระบาทไม่อยากให้มีการตายอย่างไร้ค่าเพิ่มขึ้น ชีวิตของหมอหลวงไม่ใช่ชีวิตหรือไร”

 

 

นางคิดไม่ถึงว่าฝ่าพระบาทจะทรงมีน้ำพระทัยเช่นนี้ นางไม่เข้าใจฮ่องเต้แม้แต่น้อย เพียงแต่ก่อนที่จะพบพระองค์ นางรู้สึกว่าพระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่โฉดเขลา เนื่องจากพระองค์ทรงลงโทษบิดานางซึ่งทุ่มเททำงาน ยังเนรเทศคนในครอบครัวนางไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ด้วย

 

 

“เช่นนั้นข้าคงต้องขอบใจเถิงเฟิงมากๆ”

 

 

ถังเฉียนหันมา เสี่ยวจินเกาะอยู่หน้ากล่องหยกขาว จ้องมองถังเฉียนด้วยดวงตาแบบตาข่าย ทุกครั้งที่มันมองนาง ถังเฉียนเหมือนจะรับรู้ได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

 

 

“หิวอีกแล้วหรือ”

 

 

ถังเฉียนพูดกับเสี่ยวจิน แต่มันสั่นหัว ถังเฉียนหันไปมองหันเทียนซวี่ซึ่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า

 

 

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว วันหลังจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก แต่เหาเก๋อกลัวที่จะเข้าไปในเขตหวงห้ามที่สุด แล้วเหตุใดเขาจึงทำเรื่องเช่นนี้ คืนนี้เราจะแอบไปดูหน่อยไหม ข้ารู้สึกว่าใต้อุโมงค์นั่นมีความลับมากมาย”

 

 

หันเทียนซวี่พยักหน้า แล้วพูดว่า

 

 

“หลายวันมานี้ข้ากับน้องชายสองคนนั้นไปเก็บกวาดปากโพรงนั่นแล้ว เราไปดูกันได้ ไม่ว่าจะลุยเช่นไรก็ต้องรอด”

 

 

ถังเฉียนร้องอืม แล้วส่งพวกเขาออกไป จากนั้นจึงเปิดดูกระดาษในมือซึ่งเหาเก๋อยื่นให้

 

 

ถังเฉียนเห็นตัวหนังสือที่เขียนด้วยเลือดบนนั้น

 

 

“เขตหวงห้ามกินคน อย่าตรวจสอบอีก”

 

 

กินคน?

 

 

เรื่องนี้ใกล้เคียงกับที่ถังเฉียนกับพวกเห็นศีรษะครึ่งหัว แต่กินคนแล้วจะอย่างไรหรือ ในเมื่อถังเฉียนรับราชโองการมาแล้วก็ต้องทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อทำเรื่องนี้ให้ดี

 

 

นางไม่ใช่ผู้สูงส่งอะไร แต่นางยืนหยัดตามความคิดของตนเอง

 

 

ถังเฉียนเก็บจดหมายเลือดฉบับนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวจินจะกระโดดขึ้นมา แล้วกินตัวหนังสือที่เขียนด้วยเลือดบนกระดาษจนหมดเกลี้ยง ถังเฉียนห้ามอย่างไรก็ไม่ได้ผลสุดท้ายจดหมายเลือดแผ่นนั้นถูกกัดจนเป็นรูโหว่ใหญ่ อ่านไม่ออกแล้ว ถังเฉียนจึงเผาส่วนที่เหลือทิ้ง

 

 

“เสี่ยวจินเอ๋ยเสี่ยวจิน คราวนี้เจ้าก่อเรื่องเดือดร้อนแล้ว”

 

 

ถังเฉียนหงุดหงิด เดิมทีเสี่ยวจินมีท่าทีเช่นนี้กับน้ำพุถังหมิงเท่านั้น จะไม่ทำเช่นนี้กับสิ่งอื่น เหตุใดเมื่อมาถึงเสิ้งจิง เจ้านี่กลับยิ่งได้คืบจะเอาศอกหนักข้อขึ้น ไม่ฟังที่นางพูดแม้แต่น้อย

 

 

“ถ้าต่อไปมันยังเป็นอย่างนี้ ข้าคงเลี้ยงไม่ไหวแล้ว”

 

 

ถังเฉียนมองดูเสี่ยวจินที่ยังเกาะหันก้นให้นางอยู่ที่เดิม ก็รู้สึกหงุดหงิด นางไม่รู้ว่าขณะนี้เสี่ยวจินจะรู้หรือไม่ว่านางมีความรู้สึกเช่นนี้

 

 

 

 

ตอนที่ 305 ตำนาน

 

 

เมื่อถังเฉียนเห็นข่าวที่เหาเก๋อทิ้งไว้ให้นาง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางกลับยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเขตหวงห้ามยิ่งขึ้น อยากสืบดูให้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องกินคน

 

 

“เจ้าว่าสิ่งใดถึงสามารถกินคนได้”

 

 

ถังเฉียนบอกคำพูดของเหาเก๋อให้หันเทียนซวี่รู้ เขารู้สึกว่าคำพูดนี้มีความหมายลึกซึ้ง แต่ครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ถังเฉียนกลับนึกถึงสิ่งหนึ่ง เพียงแต่นางไม่มั่นใจ

 

 

“กล้าไปดูกับข้าหรือไม่”

 

 

หันเทียนซวี่สั่นหัว แล้วบอกว่า

 

 

“พวกเราถูกจับตามองแล้ว เกรงว่าจะหนีออกไปไม่ได้”

 

 

ถังเฉียนมองออกไปข้างนอก พบว่าคนพวกนั้นคอยเฝ้ามองอยู่รอบบ้านหลังนี้ นางถอนหายใจ รู้สึกเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมหัวใจไว้ จากที่นางเห็น น่าจะมีสามคนเฝ้าดูห้องนางอยู่ จึงขอให้หันเทียนซวี่ช่วยยืนยัน พบว่ามีสามคนจริงๆ

 

 

“ข้าจะหาทางหลอกสายตาพวกนั้น เจ้าจะไปหรือไม่”

 

 

หันเทียนซวี่พยักหน้า ถังเฉียนจึงออกไปจากห้องเพื่อเตรียมการ คืนนี้ต้องเผชิญกับศัตรูที่โหดเ**้ยม นางจำเป็นต้องหาวิธีอำพราง

 

 

ถังเฉียนจุดเทียนไขในห้อง แล้วตั้งตุ๊กตาผ้าไว้ ส่วนนางลอบออกจากห้องไปทางประตูหลัง ลอบไปยังทางเดินที่ภูเขาด้านหลังเพื่อรอหันเทียนซวี่

 

 

ทั้งสองเดินไปด้วยกันตามเส้นทางที่หันเทียนซวี่ทำเครื่องหมายไว้ จนมาถึงจุดที่พวกเขาซ่อนตัวคราวก่อน หันเทียนซวี่เดินเข้าไปในอุโมงค์อย่างระวังตัว หลายวันมานี้อุโมงค์ถูกขุดลอกออก พอให้คนหนึ่งคนมุดเข้าไปได้ พอเข้าไปแล้ว ข้างในก็กว้างใหญ่ขึ้น

 

 

“ที่นี่เป็นทางน้ำใต้ดิน แต่สถานที่ดูแปลกชอบกล ถ้าเป็นสุสาน ไม่เคยเห็นว่ามีการสร้างทางน้ำใต้ดิน ทั้งไม่สร้างใหญ่โตเช่นนี้”

 

 

ถังเฉียนเองก็ไม่เคยได้ยิน สุสานโบราณนั้นล้วนสร้างขึ้นเพื่อเตรียมไว้เป็นที่อาศัยของคนตาย ยิ่งไม่ต้องการให้คนอื่นรบกวน เหตุใดสถานที่นี้จึงสร้างทางน้ำใต้ดินสูงสองเมตร กว้างสองเมตร แม้ปากทางจะถูกปิด แต่พอเข้ามาก็รู้ทันทีว่าที่นี่ถูกสร้างอย่างประณีตบรรจง

 

 

“ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้สร้างให้คนตายอาศัย กลับเหมือนสร้างให้คนเป็นมากกว่า”

 

 

ถังเฉียนฟังแล้วครุ่นคิดในใจ

 

 

“ที่เจ้าพูดหมายถึงวังใต้ดิน ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่เผ่าม้งก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้”

 

 

หันเทียนซวี่เดินนำหน้าอย่างระแวดระวัง พร้อมกับเล่าความลับเกี่ยวกับวังใต้ดิน

 

 

“เรื่องนี้น่าจะเป็นความลับของราชตระกูล เวลานี้เป็นเพียงเสียงร่ำลือ มีน้อยคนมากที่เชื่อ”

 

 

หันเทียนซวี่เล่าว่า ในอดีตแผ่นดินแบ่งแยกออกเป็นเก้าส่วน เกิดการรบราฆ่าฟันกันระหว่างแคว้นและระหว่างเมือง สงครามทำให้ชาวบ้านทุกข์ยากแสนเข็ญ ในนั้นมีเผ่าหนึ่งเชี่ยวชาญการสร้างสิ่งแปลกใหม่ ทั้งอาวุธและวัง แม้เผ่านี้จะฉลาดปราดเปรื่อง แต่เป็นชนเผ่าที่สืบเชื้อสายทางแม่ กำลังสู้รบค่อนข้างอ่อนแอ

 

 

เนื่องจากความพิเศษของเผ่านี้ ทำให้อีกแปดเผ่ายกย่องพวกเขา แต่ก็ริษยาด้วย พวกเขาฉวยโอกาสที่อีกแปดเผ่าสู้รบกันสร้างกำไรมหาศาล แล้วใช้ทรัพย์สมบัตินี้มาสร้างป้อมปราการที่ใหญ่โตวิจิตรงดงามทางภาคเหนือ มีเพียงชนเผ่านี้เท่านั้นที่จะอาศัยที่นี่ได้ ส่วนชนเผ่าอื่นถูกพวกเขามองว่าเป็นชนเผ่าชั้นรอง

 

 

เมื่อถังเฉียนฟังถึงตรงนี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าชนเผ่านี้จะแปรเปลี่ยนจากความรุ่งเรืองสู่การล่มสลายอย่างแน่นอน

 

 

“หรือว่าพวกเขารบแพ้ จึงย้ายป้อมปราการมาไว้ใต้ดิน”