SD:บทที่ 98  ไร้ค่าอย่างแท้จริง

 

ผู้คนที่นั่งห่างออกไปไม่สามารถเห็นของขวัญของ ซูฉิวไป่ ได้อย่างชัดเจนแต่มีเพียงคนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ข้างเขาดวงตาเบิกกว้างในขณะที่มองไปที่ของขวัญ

มันคือ..ม้วนกระดาษ..และมีมากกว่า 1…

ทุกคนต่างจ้องมองเข้าไปภายในกล่อง แม้แต่ กู่เฉิงหยา ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น

เป็นม้วนกระดาษบางอย่าง?มีหลายม้วน!

อย่างไรก็ตามเธอคิดว่าเธอไม่ควรเปิดม้วนกระดาษในเวลานี้ เธอคิดว่าถ้าเธอเปิดมันแขกบางคนอาจคิดว่ามันเป็นของธรรมดา ในแง่ของคุณค่าแล้วมันคงน่าอัปยศต่อหน้าสาธารณชน แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเห็นที่สุด

แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร  หยวนเป็งชิง ก็ชิงพูดขึ้นมาว่า

“ผมสงสัยว่ามีอะไรเขียนไว้ในนั้น?จะดีกว่าไหมถ้าเปิดให้ทุกคนเห็นพร้อมกัน”

เนื่องจากเขาทำผิดกฎมามากแล้ว เขาจึงไม่แคร์ที่จะทำมันอีกครั้ง ถ้าม้วนกระดาษของ ซูฉิวไป่ เป็นของธรรมดาอย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาชื่อเสียงที่เขาเสียไปก่อนหน้านี้ได้

ฟางฮงไค่ และกวนไทปิงเห็นด้วยกับ หยวนเป็งชิง  แขกคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆไม่ได้พูดอะไรแต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนต้องการรู้สิ่งที่ ซูฉิวไป่ เขียนไว้ในกระดาษ

กู่เฉิงหยา รู้สึกกังวลแต่ ซูฉิวไป่ ยิ้มและพูดขึ้นว่า

“ตกลง ฉันทำพวกมันขึ้นอย่างตั้งใจอย่างนั้นฉันจะเปิดให้ทุกคนได้เห็น”

เมื่อ ซูฉิวไป่ นำกระดาษม้วนแรกออกมาจักรพรรดิทุกคนที่อยู่ตรงมุมโต๊ะต่างจ้องมองตากันเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

บัดซบ…เจ้าตั้งใจทำมันอย่างนั้นหรอ?น่าอับอายที่สุด…

ซูฉิวไป่ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษเหล่านั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และถึงแม้เขาจะรู้เขาก็ไม่สนใจ

เขาเปิดกระดาษม้วนแรกออกมาในขณะที่สายตาของทุกคนจ้องมอง

ด้วยการมองของพวกเขาเห็นเพียงงานประดิษฐ์ตัวอักษรซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการปะติดต่อกัน เพียงแต่ว่าเอกสารทั้งหมดนั่นแหละดูเก่าในขณะเดียวกันความรู้สึกในการประดิษฐ์อักษรเหล่านั้น ให้ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

สุขสันต์วันเกิด!

กู่เฉิงหยา อ่านแต่ละคำออกมาดังๆเธอยิ้มหลังจากอ่านออกเสียง

เธอได้รับของขวัญมากมายในวันนี้ เพชร สร้อยคอ และของขวัญอื่นๆที่คล้ายกัน พวกมันมีนับไม่ถ้วน แต่มีของขวัญที่ดูแปลกนี้เท่านั้นที่แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะอวยพรให้เธอมีความสุขในวันเกิด แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของ กู่เฉิงหยา เท่านั้นแต่สำหรับแขกที่เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อไม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นใดๆ

“ฮ่าฮ่า นี่หรอ?นี่คือของขวัญจากนายหรอ?” หยวนเป็งชิง จ้องมอง ซูฉิวไป่ ด้วยรอยยิ้มถากถาง

“เห็นได้ชัดว่าเป็นการตัดคำมาจากหนังสือโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากนี้นายยังวางชิ้นส่วนเพื่อสร้างเป็นคำ 4 คำเท่านั้น นายกล้าที่จะให้ของขวัญแบบนี้กับเธอหรอ?”

เสียงของกวนไทปิงค่อนข้างด่าทอ คนอื่นๆที่อยู่ถัดจากเขาก็มีทัศนคติแบบเดียวกัน  เซี่ยวซวน ที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่คิดว่าของกำนันนั้นหายาก แต่เนื่องจาก ซูฉิวไป่ เป็นคนมอบให้เขาจะต้องระมัดระวังและตื่นตัวอยู่เสมอ

“เดี๋ยวก่อน!”

เมื่อ ซูฉิวไป่ กำลังถูกบรรดาแขกทั้งหลายเยาะเย้ย   การแสดงออกของ กู่เฉิงหยา ก็เปลี่ยนไปเธอเห็นบางอย่างที่มุมขวาล่างของงานศิลปะ

มีตราสัญลักษณ์ 4 อันที่คล้ายกัน เธอมองอย่างระมัดระวัง การแสดงออกของ กู่เฉิงหยา เปลี่ยนไปอย่างมาก  เธอจำได้ 2 สัญลักษณ์ ส่วนอีก 2 สัญลักษณ์เธอไม่สามารถระบุได้

รอยประทับแรกคือของจักรพรรดิเฉียนหลง  ส่วนรอยประทับอันที่ 2 เป็นของจักรพรรดิไทจง นี่เรื่องตลกใช่ไหม?

เสียงอุทานของกู่เฉิงหยาทำให้ทุกคนตกใจ เธอไม่สนใจแม้กระทั่งเพชรหรือสร้อยคอที่เธอได้รับก่อนหน้านี้และยังเพิกเฉยต่อหยกโบราณจากราชวงศ์ฮั่นที่มอบให้กับเธอ

แต่ทำไมเธอถึงแสดงออกถึงความประหลาดใจขนาดนี้

สักครู่ต่อมา หยวนเป็งชิง และคนอื่นๆก็รู้สึกสับสนเช่นกัน

หลังจากเวลาผ่านไปหลายคนเริ่มรู้สึกสับสนคนเหล่านี้เติบโตขึ้นในครอบครัวที่ร่ำรวยถึงแม้พวกเขาจะดำเนินชีวิตอย่างสนุกสนานแต่พวกเขาได้ร่ำเรียนบทเรียนทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาบ้าง

นอกจากนี้ในการประดิษฐ์อักษรและโบราณวัตถุเป็นที่สนใจของทุกคนโดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจดีและโลกสงบสุข พวกเขามองคำเหล่านี้อย่างผ่านๆแต่หลังจากที่กลับมามองอย่างระมัดระวังพวกเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

คำ 4 คำนี้ไม่สามารถอธิบายอะไรได้แต่รอยประทับนั้นดูคุ้นเคย

กลุ่มผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเวทีรวมตัวกันเพื่อศึกษาการประดิษฐ์ตัวอักษรบนม้วนกระดาษ ผู้ชมเริ่มสับสนมากยิ่งขึ้น

ทุกคนกำลังดิ้นรนและค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นแม้ว่ามีผู้คนจำนวนมากในห้องโถง แต่พวกเขาก็ยังคงเงียบสงบเพื่อรอคำอธิบาย

ในที่สุด กู่เฉิงหยา ก็จำบางอย่างได้และเดินกลับไปที่ กู่เทียน จากนั้นเธอโค้งคำนับชายชราที่อยู่ข้างๆเขา

“อาจารย์ ได้โปรดยืนยันสิ่งเหล่านี้กับฉัน..ฉันเองรู้สึกไม่แน่ใจ”

เมื่อได้ยินคำพูดของ กู่เฉิงหยา ชายชราก็ยืนขึ้นอย่างช้าๆ

เสียงพึมพำของแขกดังขึ้นอีกครั้ง มีใครบางคนคิดว่า กู่เฉิงหยา พยายามที่จะเพิ่มมูลค่าของขวัญของ ซูฉิวไป่ โดยเจตนาเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขา แต่เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นชายชราพวกเขาไม่คิดเช่นนั้น มิสเตอร์ตงฟาง เป็นนักสะสมงานประดิษฐ์ตัวอักษรที่มีชื่อเสียงของประเทศจีนและเขาเป็นคนเดียวที่สามารถระบุและชื่นชมผลงานศิลปะได้

ในอดีต กู่เฉิงหยา ได้ศึกษาการประดิษฐ์อักษรกับชายชราคนนี้และนั่นคือเหตุผลที่เธอเรียกเขาว่าอาจารย์

ทั้งสองคนนั่งลงในขณะที่งานศิลปะถูกมอบให้กับมิสเตอร์ตงฟางเขากำลังตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนเริ่มรู้สึกประหม่ายกเว้น ซูฉิวไป่ ที่รู้สึกเบื่อเล็กน้อย

ถ้าเขารู้ว่ามันน่าเบื่อเขาจะไม่ทำแบบนี้

ในที่สุดหลังจากผ่านไป 10 นาทีมิสเตอร์ตงฟางก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและตกใจ

“มิสเตอร์ตงฟาง…นี่เป็นของจริงหรือของปลอม?”

หยวนเป็งชิง ยอมรับเป็นธรรมชาติว่าชายชราคนนี้เป็นที่เคารพนับถือ ในที่สุดแล้ว  หยวนเป็งชิงก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้  ในขณะที่แขกคนอื่นๆก็มีคำถามเดี๋ยวกัน สุดท้ายแล้วพวกเขาต่างรอผลการแข่งขันนี้มาเนิ่นนาน

“ผมเองก็ไม่รู้…แต่มันเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้!”

มิสเตอร์ตงฟางตอบอย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่แขกทุกคนเงียบ

คุณหมายความว่าอะไร คุณไม่รู้แม้กระทั่งมันเป็นของจริงหรือของปลอม…แต่มันประเมินค่าไม่ได้อย่างนั้นหรอ?

“หนุ่มน้อยฉันขอทราบได้ไหมว่าตราประทับทั้งสองเป็นของ จักรพรรดิฉินกับจักรพรรดิหลิวเช่อใช่หรือไม่?”

จู่ๆมิสเตอร์ตงฟางก็ถามคำถามนี้กับ ซูฉิวไป่

หลายคนตกตะลึงเช่นกันเมื่อนึกถึงจักรพรรดิฉินและจักรพรรดิหลิวเช่อ ขากรรไกรของพวกเขาแทบจะอ้าปากค้าง

จักรพรรดิฉินกับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่น คุณพระช่วย!!

ทุกคนต่างมอง ซูฉิวไป่ ด้วยสายตาเบิกกว้าง พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มพยักหน้าหัวใจของพวกเขาเหมือนจะทะลุออกมาจากปาก

นี่มันอะไรกันเนี่ย!

ชิ้นงานศิลปะที่มีตราประทับ 4 อัน ซึ่ง 2 อันแรกเป็นของจักรพรรดิเฉียนหลงและจักรพรรดิไทจงส่วนอีก 2 อันเป็นจักรพรรดิ์แห่งราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์ฉินอย่างนั้นหรอ?

เป็นไปได้ไหมที่แต่ละคนเขียนคำคนละ 1 คำ!

“เอาล่ะ ผมสามารถยืนยันได้ว่าตราประทับเหล่านี้ไม่ใช่ของปลอม ตราประทับ 2 คำสุดท้ายเป็นของจักรพรรดิไทจงกับจักรพรรดิเฉียนหลงสำหรับ 2 คำแรก เป็นของจักรพรรดิฉินและจักรพรรดิหลิวเช่อหรือไม่ผมไม่แน่ใจ”

ในที่สุดมิสเตอร์ตงฟางก็ตัดสินใจครั้งสุดท้าย

“ฉันสามารถที่จะเปิดม้วนกระดาษอื่นๆได้หรือไม่”

ชายชราผู้รักการประดิษฐ์อักษรเมื่อเห็นว่ายังมีม้วนกระดาษที่ยังไม่ได้เปิดอีก 2 แผ่นเขารู้สึกลังเลก่อนที่จะถาม ซูฉิวไป่

ซูฉิวไป่ พยักหน้าและหันไปหา กู่เฉิงหยา เพื่อให้เธอคลี่ม้วนกระดาษทั้ง 2 ออกอย่างช้าๆ

สุขภาพดี…เจริญรุ่งเรืองและโชคลาภ!

ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำอวยพรทั่วไปแต่ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าตัวอักษรเหล่านี้เป็นตัวอักษรโบราณ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า ซูฉิวไป่ หาอักษรโบราณเหล่านี้มาจากไหน?

ในที่สุดหลังจากการตรวจสอบด้วยมิสเตอร์ตงฟาง สิ่งที่พวกเขาได้ยินนั้นทำให้ทุกคนตกใจมากยิ่งขึ้น

“นี่มัน…เป็นของขวัญล้ำค่า…อาจเรียกได้ว่าเป็นสมบัติของชาติ!”

ฮ่ะ…ได้รับสมบัติของชาติเป็นของขวัญวันเกิด!

จริงๆแล้วมิสเตอร์ตงฟางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

หลังจากนั้นมีความคิดบางอย่างเหมือนเขาตะหนักได้ว่าเนื่องจาก ซูฉิวไป่ สามารถรวบรวมคำสำคัญนี้เข้าด้วยกันได้ แสดงว่าเขาต้องมีงานศิลปะที่เขียนด้วยลายมือและตราประทับของจักรพรรดิทั้ง 4 อยู่ในมือ!

แต่คนโง่คนนี้กลับตัดมันแล้วเอามันไปปะติดเพื่อเป็นของขวัญชิ้นนี้…

อย่างไรก็ตามบุคคลที่มีความสุขที่สุดในหมู่แขกก็คือ เฉาซือเหล่ย  เมื่อเห็น ซูฉิวไป่ ขึ้นไปบนเวทีเขาสาบานกับตัวเองอย่างลับๆ

ให้ตายสิ..ของขวัญของคุณไม่มีค่าจริงๆหรือว่า…ประเมินค่าไม่ได้!

——————————————