ตอนที่ 952 - อาจารย์ตื่น

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ต่อให้ไม่คิดถึงการตัดสินใจหมั้นอยู่ฝ่ายเดียวของนางซือหยูไม่ได้คิดดีใจกับสิ่งที่นางพูดเลย คำพูดของนางเหมือนกับว่านางจะแต่งงานกับซือหยูไปส่งเดชและไม่เป็นเรื่องสำคัญ
  ซือหยูหน้าหมอง
  “ปิงหวูชิงข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เหตุผลที่ข้าให้คะแนนกับเจ้าก็เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องการหนึ่งล้านคะแนนเป็นการด่วน ข้าไม่ได้คิดเรื่องอื่น”
  ปิงหวูชิงดูสุขุมเยือกเย็น
  “แล้วนั่นไม่ใช่ความรักที่เจ้ามีให้กับข้ารึ?มีคนต้องการข้ามากมายในตำหนักใน หลายคนรู้ว่าข้ากำลังขาดหนึ่งล้านคะแนน แต่เจ้าก็เป็นคนเดียวที่ทิ้งโอกาสเข้าแดนมณีเพื่อความปรารถนาของข้า ถ้าหากไม่ใช่ความรักแล้วมันคือสิ่งใด?”
  นางถามและจ้องซือหยูตรงๆ ราวกับว่านางรู้เรื่องความสัมพันธ์อย่างถ่องแท้
  ซือหยูหมดคำพูดกับเหตุผลของนางน้ำใจของเขาลงเอยโดยเกิดเป็นความเข้าใจผิดเช่นนี้ไปได้
  “เอาล่ะข้ามาพูดแคนี้ ข้าจะกลับไปฝึกแล้ว”
  น้ำเสียงของนางไม่ต่างกับการบอกเรื่องไม่สลักสำคัญนางยืนขึ้นเพื่อจะจากไป แต่ก่อนจาก นางหันไปมองกงซุนหวูซื่อกับซือหยูอีกครั้ง
  “ข้าเพิ่งจะสังเกตได้…พวกเจ้าสองคนสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  หลายวันก่อนกงซุนหวูซื่อยังมองซือหยูอย่างรังเกียจ แต่หลังกลับตำหนัก นางก็มารอซือหยูที่เรือนโดยตลอด ตอนนี้นางยังดูใกล้ชิดกับเขาอย่างมาก ไม่มีสิ่งใดที่ชัดเจนเกิดขึ้น แต่จากสัญชาตญาณสตรี ปิงหวูชิงเห็นได้ว่ากงซุนหวูซื่อนั้นเปลี่ยนท่าทีต่อซือหยูอย่างมาก
  กงซุนหวูชิงหัวเราะคิกคัก
  “อีกเดี๋ยวพี่หยูเซี่ยนก็จะเป็นพี่เขยข้าแล้วข้าจะไม่สนิทกับเขาได้อย่างไรเล่า?”
  ปิงหวูชิงขมวดคิ้วมันฟังดูมีเหตุผล แต่ก็ดูไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
  “ข้าไม่สนว่าซือหยูเซี่ยนจะเคยสารภาพความรู้สึกกับเจ้าในอดีตหวูซื่อ เจ้าจงรักษาระยะห่างเอาไว้ เขาเป็นคู่หมั้นของข้าแล้ว”
  ปิงหวูชิงพูด
  กงซุนหวูซื่อพูดช้าๆ
  “โอ้!”
  จากนั้นปิงหวูชิงจึงจากไป
  ซือหยูพูดไม่ออกปิงหวูชิงไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบายเลย เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ได้ เขาจะต้องทำมันให้กระจ่างกับปิงหวูชิงให้เร็วที่สุด เขาเป็นชายที่มีครอบครัวแล้ว เขาจะไปเป็นคู่หมั้นกับหญิงอื่นได้อีกหรือ?
  “หวูซื่อเจ้ากลับไปพักด้วยสิ…”
  ซือหยูพูด
  กงซุนหวูซื่อกอดอกและพูดด้วยรอยยิ้ม
  “ยินดีด้วยนะพี่หยูเซี่ยน!พี่กำลังจะได้โฉมงามมาครองแล้ว แม้แต่ข้าก็ตกหลุมรักกับผู้หญิงที่สวยอย่างพี่หวูชิง”
  ซือหยูเคาะหน้าผากนางด้วยความรำคาญแต่กงซุนหวูซื่อก็วิ่งหนีหัวเราะออกไป
  นี่เป็นเรื่องรำคาญใจเล็กน้อยสำหรับซือหยูเขามีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำในตอนนี้ เขาก้าวพริบตาไปยังหอตำรา เขาค้นดูตำราทุกเล่ม novel-lucky
  เขาออกจากหอตำราในวันต่อมาด้วยความผิดหวังเขาอยากจะหาวิชาที่ใช้ร่วมกับมุกบาดาลได้ เพราะมุกบาดาลในมือของจักรพรรดิภูติผีนั้นคืออาวุธแบบชุดที่มีมุกเก้าเม็ด และเมื่อมันมาถึงมือเขา มันก็ทำได้แค่ขว้างคือกดทับบางอย่างเอาไว้
  ด้วยแรงโน้มถ่วงพลังของมันแข็งแกร่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ในด้านการโจมตี มันไม่สามารถที่จะใช้ซ้ำสองกับศัตรูได้ สุดท้ายมันจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้อันตรายต่อศัตรู แย่นักที่วิชาที่ใช้กับมุกบาดาลนั้นหาได้ยาก และวิชาที่เหมาะกับของหนัก ๆ อย่างมุกบาดาลก็หายากอย่างเหลือเชื่อ โชคดีที่ซือหยูเตรียมใจมาแล้วจึงไม่ผิดหวังมากนัก เขาทำใจใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็วและปิดประตูฝึกตนทันที
  มีสิ่งที่เขาต้องทำให้สำเร็จในเวลาสามวันนนี้อย่างแรกคือการศึกษาภาษาไม้ส่วนสุดท้ายให้ถ่องแท้ อย่างที่สองคือการดื่มวารีผงกลั่นดวงใจระดับห้าเพื่อพัฒนาดวงวิญญาณจนถึงขอบเขตจ้าวเทวะ ซือหยูไม่คิดจะทำสิ่งอื่นไปมากกว่านี้ และใช้พลังเร่งเวลาและศึกษาภาษาไม้ส่วนสุดท้าย
  ภาษาไม้สีทองทั้งหมดคือภาษาจากโบราณกาลแม้จะพบเจอได้ยาก ซือหยูก็รู้จักมันในส่วนใหญ่ และด้วยสิ่งที่เหยามู่เต๋าเหรินทิ้งเอาไว้ การเข้าใจของมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ วันต่อมา ซือหยูเข้าใจคำเหล่านั้นหมดแล้ว ไม่มีภาษาไม้คำใดที่เป็นเรื่องยากต่อเขาอีก การแข่งขันอีกสองวันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
  ต่อมาซือหยูหยิบขวดหยกออกมา ขวดนี้มีของเหลวใสราวกับวารี มีลวดลายห้าแบบจาง ๆ มันคือวารีผงกลั่นดวงใจระดับห้า! สามารถแยกความต่างของมันกับโอสถระดับสามในตลาดได้ไม่ยากเย็น และฤทธิ์ของมันก็มิอาจคาดเดาได้ มันจะทำให้ซือหยูกลายเป็นจ้าวเทวะทีคราเดียวเลยได้ไหมนะ?
  ซือหยูเปิดขวดหยกและดื่มทั้งหมดด้วยความคาดหวังจากนั้น ความเผ็ดร้อนอันน่าตกใจได้แพร่กระจายในลำคอ ความรู้สึกนี้ไม่ต่างกับเพลิงร้อนที่กำลังจะทะลวงคอของเขา ความเจ็บปวดอันผิดประหลาดทำให้ซือหยูสั่นไปทั้งตัว มันแทบจะเหมือนความเจ็บปวดในตอนที่เขาสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่
  ความเจ็บปวดไม่ได้หายไปเมื่อฤทธิ์โอสถหยั่งรากลึกขึ้นควาเจ็บปวดกระจายไปสู่ส่วนอื่นลึกในกายจนถึงดวงวิญญาณ ซือหยูร้องครางออกมาในทันทีที่วิญญาณเจ็บปวด เขาขมวดคิ้วแน่น และนอกจากความเจ็บปวดจะไม่หายไปแล้ว มันยังเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
  “ฟู่ว….”
  ความเจ็บปวดนั้นมากจนซือหยูหายใจเข้าลึกแต่ความเจ็บปวดจากดวงวิญญาณนั้นไม่ได้ลดน้อย มันยังเพิ่มขึ้นอีก ดวงวิญญาณของเขาเจ็บปวดอีกครั้งและอีกครั้ง มันเป็นความทุกข์ทรมานที่เหมือนกับถูกทอดด้วยน้ำมันร้อน ความเจ็บปวดหยั่งลึกไปถึงทุกส่วนในหัวใจ ซือหยูกระตุกไปทั้งตัว เขากัดฟันแน่นจนฟันแตก ใบหน้าบิดเบี้ยวไปทั้งใบเมื่อความทุกข์ทรมานไม่จบสิ้น ตอนนี้มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่
  ซือหยูหน้ามืดเขาหมดสติจากความเจ็บปวดที่ระเบิดในกายอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่หมดสติ ความเจ็บปวดยังคงอยู่ราวกับว่ามันพยายามจะเผาดวงวิญญาณของซือหยูให้เห็นเถ้าถ่าน มันเจ็บอย่างไร้ขีดกำจัดและไม่รู้จบ ถึงอย่างนั้น ความเจ็บปวดนี้ก็ได้ทำให้ดวงวิญญาณของซือหยูเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
  ดวงวิญญาณที่เคยอ่อนแอหากได้พบกับความเจ็บปวดเช่นนี้ มันจะยิ่งแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าเดิม ประสาทสัมผัสได้แจ่มชัดมากขึ้น และมันจะส่งผลกับกายเนื้อด้วย
  ก่อนหน้านี้ซือหยูรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกในทุกเมื่อที่วิญญาณออกจากร่าง มันทำให้เขาออกจากร่างได้ไม่นานนัก และเมื่อดวงวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น ความเยือกเย็นนั้นได้กลายเป็นเพียงสายลมเย็นอันอ่อนโยน แต่ก็น่าเสียดายที่ซือหยูที่หมดสติมิอาจรับรู้ว่าวิญญาณของเขาเปลี่ยนไปถึงขั้นนี้
  เมื่อผ่านไปอีกสักระยะซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่นในความฝัน ความอบอุ่นนี้อ่อนโยนและยิ่งใหญ่ มันทำให้วิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นอีกทั้งยังลบล้างความเจ็บปวด ความรู้สึกสบายนี้ทำให้ซือหยูรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวผ่อนคลายลงเมื่อเขาหลับลึกลงไป เขาหลับไปสองวันสองคืน
  เมื่อลืมตาอีกครั้งท้องนภาขณะนี้เต็มไปด้วยดวงดาว โลกมืดสนิท
  ซือหยูแตะหน้าผากความเจ็บแปลบในวิญญาณลดลงแล้ว เขาส่ายหัวไปมาและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันก่อนและขนลุก มันคือครั้งแรกในชีวิตที่เขาหมดสติเพราะความเจ็บปวดจากการบ่มเพาะพลัง ความปวดร้าวจากการสร้างจุดกำเนิดพลังใหม่นั้นเทียบกับความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่ติดเลย
  ฤทธิ์ของวารีผงกลั่นดวงใจระดับห้านั้นมีมากกว่าระดับสามเป็นร้อยเท่าความเจ็บปวดที่ได้รับจึงไม่น่าแปลก
  ซือหยูตัวสั่นขณะที่กำลังเหม่อลอยเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นแปลงอันน่าตกใจเป็นครั้งที่สอง ทั้งโลกเหมือนถูกดึงเข้ามาใกล้ เขาสัมผัสการเคลื่อนไหวของใบหญ้าและต้นไม้ในระยะร้อยลี้ได้อย่รางชัดเจนแม้จะไม่ตั้งใจสัมผัส เขาได้ยินเสียงแมลงและใบหญ้ากล่อมเกลายามค่ำคืนนับไม่ถ้วน ยังมีเสียงกระซิบเบา ๆ อันรักใคร่จากบุรุษสตรีในตำหนัก แต่ละเสียงชัดเจนแจ่มแจ้ง ซือหยูตกตะลึงจากความมหัศจรรย์นี้ หรือว่าข้าจะทะลวงพลังแล้ว? ซือหยูพยายามนำวิญญาณออกจากร่าง ร่างโปร่งใสลอยออกมา
  สายลมพัดผ่านซือหยูลอยนิ่ง เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเยือกเย็นเลย นี่มันไม่ได้แข็งแกร่งกว่าวิญญาณจ้าวเทวะชั้นต้นไปแล้วรึ? ซือหยูมองดูวิญญาณตัวเองและผงะหลังด้วยความตกใจ เขาสังหารจ้าวเทวะมามากมายและได้เห็นวิญญาณจ้าวเทวะมาหลายดวง เขาจึงแบ่งแยกระดับของดวงวิญญาณได้อย่างชัดเจน ในขณะนี้ วิญญาณของเขาอยู่ในระดับที่ห่างไกลกว่าการทะลวงเป็นจ้าวเทวะ!
  เป็นไปไม่ได้!ฤทธิ์วารีผงกลั่นดวงใจระดับห้าแทบจะทำให้วิญญาณกลายเป็นจ้าวเทวะไม่ได้ มันคือขีดจำกัด แล้วข้าจะทะลวงพลังขึ้นมาสองขั้นพร้อมกันได้ยังไง? ซือหยูสับสน
  เขาครุ่นคิดอย่างหนักจากนั้นเสียงหัวเราะเบา ๆ อันคุ้นเคยก็ได้ดังมาจากในอก
  “พอข้าตื่นมาเจ้าก็บรรลุโอรสสวรรค์จ้องนภาขั้นสองในระดับสูงแล้ว เหนือกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก”
  ซือหยูตัวสั่นในแววตาตื่นเต้น
  “ท่านอาจารย์ตื่นแล้ว!”
  มันผ่านมาเป็นปีแล้วในที่สุดหยุนย่าสีก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล!