DND.
ผู้เฒ่าจิงตอบเสียงแข็ง
“ไม่ต้องพูดเลยกับพวกทรยศมันเป็นความผิดร้ายแรง อย่างน้อยก็ต้องถูกทำลายพลังและเนรเทศออกจากตำหนัก หรือจะประหารชีวิตให้เป็นเยี่ยงอย่างก็ได้”
“พูดได้ดี”
ม่อเทียนฉวนพยักหน้าเล็กน้อยใบหน้านางเย็นชายิ่งกว่าเดิม นางจ้องมองผู้เฒ่าจิง
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะอธิบายสิ่งนี้ยังไง?”
ปั้ง!
กล่องหยกถูกกว้างลงกับพื้นยันต์โปร่งแสงตกลงมา อาจารย์พรายเหลือบมองด้วยความตกตะลึง
“เอ๋?นี่มันไม่ใช่ยันต์ค่ายกลทลายค้อนของผู้เฒ่าจิงหรอกรึ? ทำไมถึง…”
เขามองผู้เฒ่าจิงจากนั้นจึงหันไปมองซือหยู
ผู้เฒ่าจิงใจหายนางให้ยันต์นี้กับเฉาชุนกวงและแลกกับการที่เขาจะต้องทรมานซือหยู และกลายเป็นว่าตระกูลเฉาได้ทรยศ เฉาชุนกวงเองก็หายตัวไป
“ผู้เฒ่าจิงเจ้าไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือ?”
ม่อเทียนฉวนถามอย่างเย็นชา
ผู้เฒ่าจิงหน้าซีดนางจ้องมองซือหยูและพูดเสียงดัง
“ท่านเจ้าตำหนักอย่าเชื่อการใส่ความของเขา ข้าไม่รู้ว่ายันต์นี้อยู่ในมือเขาได้ยังไง”
“จริงเรอะ?”
ม่อเทียนฉวนใบหน้าเยือกเย็น
“ยันต์นี้มีเลือดเจ้าอยู่ถ้ามันหาย เจ้าก็ทำลายได้ด้วยความคิดเดียว! ตอบข้ามา ตระกูลเฉาที่ทรยศไปมุดหัวอยู่ที่นี่?”
ที่ยันต์ยังมีสภาพดีมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะว่าผู้เฒ่าจิงจงใจ
ผู้เฒ่าจิงหน้าถอดสีนางหน้าขาวราวกับกระดาษ นางคุกเข่าลงกับพื้น
“โปรดสืบเรื่องให้ถี่ถ้วนด้วยเถอะท่านเจ้าตำหนักข้าภักดีต่อตำหนักมาโดยตลอด ข้าไม่เคยคิดกบฎ เป็นเขาที่พยายามจะใส่ร้ายข้า”
ม่อเทียนฉวนแววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
“เจ้ามันไม่รู้สำนึก!”
นางเค้นดัชนีเป็นกรงเล็บพลังอสูรมหาศาลโอบล้อมมือ จากนั้นจึงบีบคอผู้เฒ่าจิง
ผู้เฒ่าจิงกรีดร้องเสียงแหลมดวงวิญญาณนางเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ม่อเทียนฉวนดึงมือกลับ
“ฮื่มเจ้าให้ยันต์เฉาชุนกวงเพื่อให้เขาช่วยจัดการซือหยูเซี่ยนแทนเจ้า แล้วเจ้ากล้าดียังไงมาบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์?”
ปั้ง!
ผู้เฒ่าจิงถูกม่อเทียนฉวนเตะไปยังสวนที่ซือหยูอยุ่ม่อเทียนฉวนเปิดผนึกออก
“เจ้าอยู่ในคุกจนตายไปซะ!”
ม่อเทียนฉวนไม่อยากจะเสี่ยงเลี้ยงกบฎเอาไว้และการลงโทษนี้แย่ยิ่งกว่าการจองจำ
เพียงไม่นานซือหยูได้เห็นอิสระจากการถูกขัง เขายังได้เห็นผู้เฒ่าจิงกลายเป็นคนถูกขังเสียเอง เรื่องนี้จบลงแล้ว ซือหยูเหนื่อยล้ากายใจเต็มที่ เขากล่าวลาและกลับตำหนักนอก
ม่อเทียนฉวนเตือนเขาให้เตรียมพร้อมรับทูตจากดินแดนมีดสวรรค์ในอีกสามวันนางยังเตือนเขาถึงเรื่องคนสวมชุดหยกที่นางไม่รู้จัก
ซือหยูไม่ตกใจกับเรื่องนี้หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างในป่าปีศาจร้าง เขาได้ร่ำเรียนภาษาไม้ทั้งหมดมาแล้ว มีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นที่ซือหยูไม่คุ้น ไอลีนโนเวล
ซือหยูรู้สึกอึดอัดเมื่อมาถึงหน้าเขาอสูรอีกครั้งเขาจากที่นี่ไปตั้งแต่หลายวันก่อนโดยคิดที่จะหนีออกจากสำนัก แต่ไม่กี่วันต่อมา เขาได้ถูกม่อเทียนฉวนลากตัวกลับ โชคดีที่เสวี่ยเหลียนคือคนเดียวที่รู้ว่าเขาคิดออกจากสำนัก คนอื่น ๆ นั้นไม่รู้เรื่องนี้เลย มิเช่นนั้นการกลับมาของเขาคงจะน่าขายหน้า
เมื่อเดินขึ้นเขาเขาได้รับการต้อนรับโดยภาพบรรยากาศเดิม ๆ เขาผลักประตูออกและพบว่าร่างสตรีในชุดสีม่วงได้จากไปอย่างไร้วี่แวว ซือหยูเศร้าใจ เขาไม่รู้เลยว่าจื่อเสวียนถูกพาไปที่ใดหรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ด้วยพลังอสูรเนรมิตรและชื่อเสียงของการเป็นศิษย์ราชาเขตกลาง นางน่าจะกลับเขตกลางได้ในไม่นานนัก
“อ๊ะ!ซือหยู โอ้ ไม่สิ พี่หยูเซี่ยน พี่กลับมาแล้ว!!”
จื่อเสวียนไม่ได้อยู่ในส่วนแต่นางพุ่งพรวดออกมาจากเรือนด้วยความดีใจ ไม่สิ นางปิติยินดีอย่างมากที่ซือหยูกลับมาโดยที่นางไม่คาดคิด
“หวูซื่อทำไมเจ้ามาอยู่ในเรือนข้าล่ะ?”
ซือหยูถามหวูซื่อจะต้องเป็นคนเดียวนอกจากจื่อเสวียนที่รู้ว่าซือหยูเซี่ยนคือซือหยู
“ข้าคิดว่าเจ้าจะออกจากตำหนักโลหิตไปแล้ว”
กงซุนหวูซื่อยืนใกล้กับเขามากนางกัดฟัน ดวงตาสดใสมองเขาไม่กระพริบ นางถอนหายใจยาวราวกับความหนักอึ้งในใจได้ผ่อนคลายลงไป
“เรื่องมันยาวน่ะ”
ซือหยูไม่รู้จะพูดอะไรที่เขาไม่ทำอะไรกงซุนหวูซื่อในครั้งที่แล้วก็เพราะเขาคิดว่าจะไม่กลับมายังตำหนักโลหิตอีก ใครจะไปคิดเล่าว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้? ถึงอย่างนั้น ดูจากที่กงซุนหวูซื่อรีบเปลี่ยนคำเรียกเขาจาก ‘ซือหยู’ มาเป็น ‘ซือหยูเซี่ยน’ ก็ทำให้เขาคิดว่านางจะช่วยปิดบังตัวตนของเขาต่อไป
กงซุนหวูซื่อลูบมือเล็กๆ ของนางและถามอย่างกังวลแต่ก็คาดหวัง
“ดีจริงๆ ที่กลับมา พี่หยูเซี่ยนคิดจะออกจากตำหนักอีกไหม?”
“อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้”
ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่นเพราะถ้าเขาไป เขาอาจจะถูกม่อเทียนฉวนจับตัวกลับมาอีกครั้งแม้ว่าจะออกจากตำหนักโลหิตได้เพียงครึ่งก้าว
“โอ้เย้!!”
กงซุนหวูซื่อกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“พี่หยูเซี่ยนจะช่วยแนะนำให้ข้าบ่มเพาะพลังได้ไหม?”
ซือหยูส่ายหน้าด้วยความขบขัน
“ถ้าเจ้าอยากจะฝึกฝนจริงๆ ทำไมเจ้าจะต้องการข้าเลบ่า?”
พื้นเพของสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา
กงซุนหวูซื่อหัวเราะเบาๆ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องพลังย้อนเวลาอันน่าสะพรึงกลัวของซือหยู
“เอ๋ข้าคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วซะอีก”
เสียงเยือกเย็นดังมาจากนอกเรือนในทันทีปิงหวูชิงถือกระบี่เดินมาข้างในด้วยความมั่นใจ
กงซุนหวูซื่อเท้าคางด้วยสองมือนางวางศอกไว้บนโต๊ะพลางหัวเราะ
“พี่หวูชิงอย่าพูดเช่นนั้นสิ พี่หยูเซี่ยนเป็นคนรักพี่นะ พี่หวูชิงไม่ได้ใจอ่อนเพราะสามล้านคะแนนหรอกหรือ?”
ปิงหวูชิงจ้องมองนางและเก็บกระบี่นางนั่งตรงข้ามกับซือหยูและมองเขาข้ามโต๊ะ
“ข้ามาที่นี่เพื่อพูดถึงเรื่องนั้น”
ปัง!
นางหยิบตราประจำตัวออกมาตบกับโต๊ะ
“ภารกิจสำเร็จแล้วข้าไปแลกรางวัลสามล้านคะแนนมาเรียบร้อย! ข้าขอเพียงแค่สามแสนคะแนนแล้วจะคืนสองล้านเจ็ดแสนคะแนนกับเจ้า ข้ามีคะแนนมากพอที่จะไปแดนมณีแล้ว”
ซือหยูมิใช่คนใจแคบเขาไม่สนใจเรื่องคะแนนก่อนจะหนีออกจากตำหนัก แต่เมื่อกลับมา เขาย่อมต้องการคะแนน เขาจึงหยิบตราของตัวเองออกมาแลกเปลี่ยนคะแนนคืน เขาได้สามแสนคะแนนมาจากเมืองเทียนหยา และเพิ่งจะได้หนึ่งล้านคะแนนจากม่อเทียนฉวน รวมกับสองล้านเจ็ดแสนคะแนนที่มี เขามีสี่ล้านคะแนนแล้ว คะแนนของเขาเพียงพอแล้ว มันน่าดีใจอย่างประหลาด
“ซือหยูเซี่ยนข้าคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ตอนนี้ข้าจะซื่อตรงต่อเจ้าถึงสิ่งที่ข้าคิด…”
ปิงหวูชิงพูดอย่างจริงจัง
ซือหยูสับสน…นางตัดสินใจอะไรกัน?เขาตอบด้วยความสับสน
“ว่ามา”
ปิงหวูชิงมองซือหยูนางพูดอย่างชัดเจน
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าต่อข้าแล้วสามล้านคะแนนจะต้องสำคัญกับเจ้ามากเหมือนกัน แต่เจ้ายังให้มันกับข้า ทีแรกข้าคิดว่าเจ้าเพียงแสร้งทำ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้สึกกับข้าจริง ๆ …”
เดี๋ยวก่อน!ซือหยูรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัว เหตุผลที่เขาให้คะแนนกับนางก็เพราะว่าคะแนนไม่จำเป็นกับเขา เขาจึงให้ปิงหวูชิงก่อนจะจากไป นางมาสรุปว่าเขามีความรู้สึกกับนางได้ยังไง?
“ต่อไปนี้ข้าจะบอกสิ่งที่ข้าตัดสินใจ”
ปิงหวูชิงไม่ให้โอกาสซือหยูได้โต้ตอบ
“ข้าคิดมาหลายวันแล้วข้าไม่สนว่าจะต้องแต่งงานกับใคร ถ้าหากเจ้าคิดกับข้าอย่างนั้น ข้าก็จะแต่งงานกับเจ้า นับจากวันนี้ไป เจ้าคือคู่หมั้นของข้า ตัวข้าเองจะได้เลี่ยงการถูกล่วงเกินจากคนอื่นด้วย ข้าบอกเรื่องนี้กับท่านแม่แล้ว เจ้าจงเตรียมใจกับการประเมินของท่านแม่ข้า”
ซือหยูรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าจากทั้งสวรรค์ซัดใส่