ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 481 ความเสียดายตั้งแต่อดีต

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เฉินลี่หนีไปแล้ว เป้าหมายของมือมารขนาดยักษ์สองข้างนั้นจึงเป็นหยวนเจิ้งเฟิง

โซ่สีดำหลายเส้นบนมือมารสีม่วงพุ่งออกมาจากใต้ผิวหนังไม่ขาดสาย

โซ่ตัดสลับกันเหมือนกับแหฟ้าตาข่ายดิน ครอบคลุมเข้าหาร่างของหยวนเจิ้งเฟิงเอาไว้

วิญญาณร้ายจากนพยมโลกที่เหมือนกับหมอกดำรอบๆ คลุ่มคลั่งมากขึ้น พากันวนรอบหยวนเจิ้งเฟิง ประกอบกันเป็นพายุขนาดยักษ์ คิดกลืนกินเขา

“ศิษย์น้องเซี่ย ศิษย์น้องหลี่!” หยวนเจิ้งเฟิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในแววงตาของเขาปรากฏความเจ็บปวด พลางมองผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงที่เข้ามายังปฐพีพิภพ แต่สุดท้ายก็ต้องตกตายเพราะอุ้งมือมารร้ายสีดำ เขาคิดจะช่วยเหลือ แต่กลับถูกศัตรูขัดขวางไว้ ตนเองยังเอาตัวแทบไม่รอด

ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่เข้าสู่ปฐพีพิภพต่างเสียชีวิตเกือบหมดสิ้น

ด้วยเหตุนี้ ในเหวลึกจึงเหลือแต่พวกมารร้ายเท่านั้น

“ท่านอาจารย์ระวัง” เหนือดวงอาทิตย์สีทองก็คือฟางจุ่น ที่ทั่วทั้งร่างมีแสงสีทองและแสงสีดำพันอยู่ เป็นจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่โชคดีรอดชีวิตมาได้นอกจากหยวนเจิ้งเฟิง

เขาถูกพลังของวิญญาณร้ายจากนพยมโลกและดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่างตรึงเอาไว้ จนมิอาจขยับเขยื้อนร่างกายได้

แต่ว่าในตอนนี้ ด้านหลังของเขามีร่างหนึ่งถือกระบี่ยืนอยู่ ประกายกระบี่คล้ายกับไร้ขอบเขต แผ่ขยายไปถึงที่ใดล้วนยิ่งใหญ่ดุจท้องฟ้าและหนักแน่นเหมือนกับผืนดิน

หลังจากผ่านการฝึกฝนอันยาวนาน และการศึกษาจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในเจดีย์สีแดงที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาจากทะเลตะวันออก ในปัจจุบันฟางจุ่นก้าวข้ามพันธนาการในอดีตได้สำเร็จ บรรลุระดับพลังฝึกปรือเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมแล้ว

และด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขาล้วงลึกเข้าสู่ด้านในปฐพีพิภพเพื่อคอยสังเกตการณ์และสะกดผนึก แม้จะถูกพลังของผนึกและวิญญาณร้ายจากยมโลกตรึงไว้ แต่ก็ยังคงทนได้

เพียงแต่ในตอนนี้ขณะที่มารร้ายคิดจะทำลายผนึก สถานการณ์ของฟางจุ่นจึงมีความอันตรายมากกว่าเดิม

ถึงแม้ร่างนภาไร้ขอบเขตอันเป็นร่างวิญญาณวรยุทธ์สูงใหญ่ด้านหลังจะยังคงยืนตระหง่าน แต่บนร่างกายของเขากลับพันไว้ด้วยโซ่สีดำหลายเส้น

พลังของผนึกอ่อนแอลง ทั้งสองฝายที่ตรึงกำลังคานกำลังกันอยู่เสียสมดุล ฟางจุ่นที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมจากพลังมารได้รับแรงกดดันมหาศาล

เมื่อเห็นหยวนเจิ้งเฟิงเสี่ยงชีวิต ในดวงตาของฟางจุ่นก็ปรากฏความกังวลขึ้นรางๆ

เขาพลันหลับตา สงบจิตใจ ขับเคลื่อนญาณจริงแท้ทั่วร่างให้รวมตัวกัน คล้ายกับกำลังบ่มเพาะและรออะไรบางอย่าง

วิญญาณร้ายจากนพยมโลกยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ทว่าพลังของผนึกยิ่งมายิ่งอ่อนแอ

ตอนที่ธารแสงสีทองบนร่างฟางจุ่นน้อยลงจนหายไป เหลือเพียงแต่ธารแสงสีดำ เขาก็พลันลืมตาขึ้น

ขณะป้องกันการโจมตีจากมือมาร หยวนเจิ้งเฟิงรู้สึกได้ก็หันไปมอง เห็นลูกศิษย์ของตัวเองมีดวงตาดุจดาวกระจ่างฟ้า ในดวงตาที่แวววาวทั้งสงบ แน่วแน่ เย็นเยียบ และส่องสว่าง

หลังจากดวงตาของฟางจุ่นสัมผัสได้ถึงสายตาของหยวนเจิ้งเฟิง เขาก็ยิ้มเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไร้ความสามารถ ในอดีตเคยบุ่มบ่ามไม่สนใจผลลัพธ์ สุดท้ายก่อให้เกิดหายนะขึ้น”

“ถึงแม้ว่าซินตงผิงจะเป็นคนสร้างบึงไร้ขอบเขตขึ้น แต่ก็มีสาเหตุมาจากข้า”

“เป็นเพราะข้า จึงก่อให้เกิดหายนะติดต่อกัน ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์ร่วมสำนักมากมายต้องเสียชีวิต”

“ปัจจุบันผนึกในปฐพีพิภพผ่านการกัดกร่อนมาอย่างยาวนาน จึงค่อยๆ พังทลายลง ทำให้มารร้ายจากนพยมโลกที่แท้จริงต้องการออกมา โชคดีที่วันนี้การศึกษาปฐพีพิภพและนพยมโลกในอดีตของข้าได้แสดงประโยชน์ด้านบวก หยุดการมาถึงของนพยมโลก”

“ชีวิตคนมากมายถึงเพียงนั้น ข้ามิอาจชดใช้ได้ เพียงแต่หวังว่าจะชดเชยความผิดในอดีตของตัวเองได้สักเล็กน้อย”

ขณะที่พูด ร่างนภาไร้ขอบเขตเหนือศีรษะของฟางจุ่นก็กลายเป็นแสงวิญญาณ และหายเข้าไปในร่างของเขา

ธารแสงสีดำที่ไหลเวียนอยู่บนร่างนภาไร้ขอบเขต เปลี่ยนมาวนเวียนอยู่บนร่างของฟางจุ่น

ฟางจุ่นมีสีหน้าซีดขาวขึ้นหลายส่วน แต่ดวงตายังคงกระจ่างใส

เขากู่ร้องด้วยเสียงทุ้มต่ำ ธารแสงสีดำที่วนเวียนอยู่บนร่างของเขาพลันเริ่มหมุนวน และรวมตัวกันอย่างรวดเร็วโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง

จากนั้นเขาก็นั่งคุกเข่าลงกลางอากาศ ขณะที่ธารแสงสีดำรวมตัวกัน อากาศที่อยู่ด้านล่างและด้านบนดวงอาทิตย์สีทองก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง

ภายใต้อากาศที่บิดเบี้ยวและตัดสลับ มิติถึงกับค่อยๆ เปิดเป็นรู ธารแสงสีดำมากมายทะลักเข้าไปด้านในพร้อมกัน

อากาศรอบๆ ตัวฟางจุ่นสั่นไหวไม่หยุด ร่างกายของเขาร่วงลงด้านล่างอย่างช้าๆ ค่อยๆ จมลงสู่พายุที่เกิดขึ้นจากแสงสีดำ

หยวนเจิ้งเฟิงเห็นดังนั้น ร่างกายสั่นไหวครั้งหนึ่ง “ฟางจุ่น เจ้า…”

ฟางจุ่นมีสีหน้าสงบ “ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยข้าอีกแรง เรื่องนี้อาจจะสำเร็จ”

“เสียดายที่วิชาของข้าเป็นวิชาที่ต้องใช้ยามต้องสู้ตาย อีกทั้งยังอาจทำให้ผนึกเดิมเสียหาย ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องเสียสละศิษย์ร่วมสำนักและจอมยุทธ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นมากมายเพียงนี้”

หยวนเจิ้งเฟิงมองฟางจุ่น

ตั้งแต่เด็ก ลูกศิษย์ผู้นี้ไม่เคยทำให้เขาต้องใช้ความพยายาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดล้วนทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนต่างรู้สึกพอใจ

สำหรับหยวนเจิ้งเฟิงแล้ว นอกจากบางครั้งที่ฟางจุ่นมีความคิดหัวรุนแรงไปบ้าง และไม่ชอบเดินตามกฎ แต่ศิษย์คนนี้ก็แทบจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ จัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ หยวนเจิ้งเฟิงไม่เคยเห็นฟางจุ่นสับสนมาก่อน

เขาคล้ายกับมีท่าทีสงบเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดตลอดกาล

ตอนนี้ ถึงแม้จะส่งตัวเองไปสู่เส้นทางแห่งความตาย ทว่าฟางจุ่นก็ยังคงมีสีหน้าใจเย็น ร่ายกายครึ่งหนึ่งของเขาค่อยๆ จมลงสู่หลุมดำ พลางมองหยวนเจิ้งเฟิงพร้อมรอยยิ้มจาง

หยวนเจิ้งเฟิงเงียบงัน จากนั้นก็ส่งเสียงกู่ร้อง

แม้จะถูกโซ่สีดำล้อมรอบ หยวนเจิ้งเฟิงยังคงสลัดออกมาได้ เขาผสานของฝ่ามือทั้งสอง อากาศเกิดการกระเพื่อมขึ้นทันที

ในเหวลึก ฟ้าดินคล้ายกับพลิกกลับ มิติแตกกระจายและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ดวงอาทิตย์สีทองไม่ได้รับผลกระทบ กลับเป็นความมืดในเหวลึกเบื้องล่างที่ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำด้านล่างฟางจุ่น

จะว่าไปก็ประหลาด ยิ่งวิญญาณร้ายจากนพยมโลกถูกดูดเข้าไปมากเท่าไร หลุมดำนั้นก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น แรงดึงดูดเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน!

มีผู้กลายเป็นมารบางคนคิดพุ่งเข้ามาโจมตี แต่กลับมิอาจต้านทานแรงดึงดูดของหลุดดำได้ จึงโดนดูดเข้าไปโดยตรง

มุมปากของ ‘ตงเซิงจวิน’ ปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาดในขณะที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้

เขาไม่ได้โจมตีฟางจุ่น และไม่ได้โจมตีหยวนเจิ้งเฟิง กลับพุ่งไปหาดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่าง

มารร้ายตัวอื่นเคลื่อนไหวตามการโน้มนำของเขา

เนื่องจากถูกเคี่ยวกรำพลังชีวิตมาแรมเดือนแรมปี ดวงอาทิตย์สีทองจึงดูเงียบสงบ จนกระทั่งพลังแห่งผนึกยิ่งมายิ่งอ่อนแอ จึงสั่นไหวเจียนพังทลายเพราะการโจมตีของมารร้าย

แต่ถ้าหากมีคนกล้าสัมผัสกับตัวมัน จะมีพลังงานทำลายล้างที่แข็งแกร่งส่งมาจากด้านในดวงอาทิตย์สีทองทันที ละลายมารร้ายที่เข้าใกล้ให้กลายเป็นผุยผง

สีหน้าของ ‘ตงเซิงจวิน’ ไม่เปลี่ยนแปลง เขายกสองมือขึ้น แสงสีดำพลันสลาย แสงสีทองปรากฏขึ้นแทนที่

วรยุทธ์สายตรงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ออกมาในตอนนี้ จะมากจะน้อยก็มีความเกี่ยวข้องกับระดับพลังของดวงอาทิตย์สีทองอยู่บ้าง

พวกจอมยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นเช่นพวกซี่จ้าวจวินที่บ้างกลายเป็นมาร บ้างถูกมารร้ายหลอมกลายเป็นร่างแยก ต่างหัวเราะเสียงประหลาด พากันทำแบบเดียวกัน

พวกเขาไม่ได้คิดจะเข้าสู่โลกภายในของดวงอาทิตย์สีทองเหมือนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ เพียงช่วยสั่นสะเทือนดวงอาทิตย์สีทองอยู่ด้านนอก เพื่อทำให้ผนึกที่ประคับประคองดวงอาทิตย์สีทองพังทลายลงโดยสิ้นเชิง!

หยวนเจิ้งเฟิงกับฟางจุ่นมองภาพนี้ แววตาแน่วแน่ขึ้นมาอย่างชัดเจน

ถึงแม้จะไม่เข้าใจเหตุผล แต่ว่าพวกเขาต่างเห็นเยี่ยนจ้าวเกอหายไปในดวงอาทิตย์สีทองที่ไร้สิ้นสุดก่อนหน้านี้