ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 482 เกิดมาครั้งหนึ่ง ไม่ทำเรื่องร้ายย่อมไม่ละอายต่อสิ่งใด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ท่ามกลางโลกที่อยู่ในดวงอาทิตย์สีทอง เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่บนผิวดวงอาทิตย์มองตราประทับใหญ่สีทองที่ช่วงชิงแสงทั้งหมดอยู่ใจกลางของโลก

ขณะกำลังคิดหาวิธีอยู่ เขาก็รู้สึกได้ว่าสถานที่ที่ตัวเองอยู่กำลังสั่นไหว

เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมร่างกายให้ตั้งมั่น เพ่งตามองตราประทับขนาดใหญ่ พลันเห็นรอบๆ ตราประทับใหญ่มีประกายแสงเจิดเจ้ารวมตัวกัน ถึงกับค่อยๆ รวมกันกลายเป็นเงาร่างของคนผู้หนึ่ง

ส่วนดวงอาทิตย์สีทองในเหวลึกด้านนอกในตอนนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง คล้ายกับถูกพวก ‘ตงเซิงจวิน’ กระทบถูก

ดวงอาทิตย์ไม่ได้รับความเสียหายอันใด ทว่าธารแสงสีทองมากมายที่หมุนวนกลางอากาศได้สั่นไหวมิติรอบๆ ให้สั่นสะเทือนไปพร้อมกัน

หลุมดำเบื้องล่างฟางจุ่นสั่นไหว และม้วนธารแสงสีดำมากมายเข้าไปด้านใน

แต่ว่าในตอนนี้ธารแสงสีดำได้เชื่อมต่อกับโซ่สีดำหลายเส้นนั้น

ผลกระทบจากมิติที่ถูกรบกวนรอบๆ ทั้งหมดจึงดูสับสนยิ่ง

โซ่สีดำที่ตัดสลับกันพันธนาการหยวนเจิ้งเฟิงเหมือนแหฟ้าตาข่ายดิน การเหนี่ยวนำโดยพลังอันยิ่งใหญ่ถึงกับลากเขาไปหาหลุมดำนั้น

มือมารสองข้างที่ส่ายไปมากลางอากาศพุ่งเข้าหาหยวนเจิ้งเฟิงพร้อมกัน

หยวนเจิ้งเฟิงกางนิ้วทั้งสิบออก ต้านทานมือมารทั้งสองที่โจมตีมายังตน

แต่ว่าพลังอันยิ่งใหญ่นั้นกำลังกดให้หยวนเจิ้งเฟิงร่วงไปในหลุมดำ

เขาขมวดคิ้ว เพราะมองออกว่ามารร้ายสองตัวนี้ต้องการจับเขามาอุดหลุมดำ

วิญญาณร้ายจากนพยมโลกที่อยู่รอบๆ กลายเป็นพายุหมุน ก้นพายุถูกหลุมดำดูดเข้าไป แต่พายุหมุนก็ม้วนร่างกายของหยวนเจิ้งเฟิงไว้เช่นกัน

จากผลของแรงดึงดูด หยวนเจิ้งเฟิงถูกดึงเข้าไปในหลุมดำพร้อมกันโซ่สีดำขลับเหล่านั้น รวมถึงพายุหมุนสีดำด้วยเช่นกัน

ครึ่งร่างของเขาจมสู่ด้านล่าง ติดอยู่ในนั้นลึกกว่าฟางจุ่นเสียอีก

ฟางจุ่นใช้มือขวาและมือซ้ายทำเป็นมุทรากระบี่ มือซ้ายชี้ที่คิ้วของตัวเอง ส่วนมือขวาแทงออกใส่หลุมดำเบื้องล่าง

เขาคิดใช้ลำแสงมากมายทำลายกลิ่นอายมารที่ล้อมรอบหยวนเจิ้งเฟิง

หยวนเจิ้งเฟิงกระตุ้นญาณจริงแท้ทั่วร่าง ขัดขวางวิญญาณร้ายจากนพยมโลก รวมถึงแรงกลืนกินและแรงดูดซับทั้งสองของหลุมดำเบื้องล่าง

แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะมือมารขนาดยักษ์สองข้างกดลงมาพร้อมกัน

หยวนเจิ้งเฟิงยกสองมือขึ้น ต้านทานมือมารสองข้างไว้เหมือนเทพสวรรค์ยกเจดีย์

เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลนั้น ในดวงตาของหยวนเจิ้งเฟิงก็ปรากฏความแน่วแน่ แรงฝ่ามือที่เดิมทีดันออกด้านนอกพลันเปลี่ยนทิศทาง!

สองมือของเขาเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกรงเล็บ ไม่ป้องกันอีกต่อไป กลับจับมือมารสีม่วงและสีดำไว้ ใช้พลังทั้งหมดดึงมายังทิศทางของตัวเอง!

ความเร็วในการเข้าสู่หลุมดำของหยวนเจิ้งเฟิงพลันเพิ่มขึ้น แต่ว่าเขาเพิ่มแรงที่สองแขนอย่างสุดกำลัง เริ่มลากมารร้ายสองตัวนั้นอย่างบ้าคลั่ง ติดอยู่ในสภาวะตกตายร่วมกัน!

ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องติดในหลุมดำที่มีกระแสปั่นป่วนของอากาศ ก็จะลากมารร้ายสองตัวนี้ไปด้วย!

ดวงอาทิตย์สีทองถูกสั่นไหว เมื่อมาถึงตอนนี้ ผนึกก็แทบจะพังทลายลงโดยสิ้นเชิงแล้ว

วิญญาณร้ายจากนพยมโลกยิ่งมายิ่งรุนแรง พลังของมารร้ายอันน่ากลัวในความมืดที่มือมารยักษ์ทั้งสองข้างยื่นออกมา เด่นชัดและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะมาถึงโลกแปดพิภพอย่างแท้จริงแล้ว

ในตอนนี้พยวนเจิงเฟิงไม่คิดถึงความเป็นความตายของตนเองอีก เขาคิดลากมารร้ายสองตัวนี้จากนพยมโลกในโลกแปดพิภพให้เข้าไปในหลุมดำเบื้องหน้า ไม่ให้พวกมันได้มีโอกาสอยู่ที่นี่!

รอยยิ้มบนใบหน้าของ ‘ตงเซิงจวิน’ พลันสลาย สีหน้ากลายเป็นเย็นเยียบและถมึงทึง

ใบหน้าของหยวนเจิ้งเฟิงไร้ความเกรงกลัว เขามีสีหน้าแน่วแน่ “โลกด้านนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้นจึงยิ่งมอบให้พวกเจ้าไม่ได้”

ซี่จ้าวจวินไม่ได้ถูกสิงร่าง แต่กลายเป็นมารเต็มตัว ดวงตาสีเหลืองสาดประกายโลหิต

เขามองหยวนเจิ้งเฟิง “หยวนเทียมสวรรค์ เหตุใดต้องเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ด้วย? ดูสิ เฉินสายฟ้าสีเขียวยังฉลาดกว่าเจ้าอีก”

หยวนเจิ้งเฟิงส่ายศีรษะ “ที่นี่มีผนึกสะกดพลังของมารจริงแท้ไม่ให้มาถึง แต่ก็ยังต้องต่อสู้ลำบากถึงเพียงนี้ หากให้พวกมารจริงแท้จากนพยมโลกมายังโลกแปดพิภพ ปล่อยให้พวกมันไปอาละวาดอยู่ด้านนอก แล้วจะสู้กับพวกมันอย่างไร”

“มารจริงแท้จากยมโลกไม่ได้มีแค่สองตัว ถ้าหากไม่อาจซ่อมแซมผนึกได้ ปล่อยให้ทางเชื่อมเปิดขึ้น ก็จะมีมารจริงแท้จำนวนมากกว่านี้มากขึ้นตามกาลเวลากระมัง?”

“ข้าเชื่อจริงๆ ว่าการไปในครั้งนี้ของเฉินลี่ต้องมีแผนพิเศษ ไม่เช่นนั้นต่อให้หนีตอนนี้ได้อย่างปลอดภัย วันหน้ามีมารร้ายจำนวนมากทะลักเข้าสู่แปดพิภพ เขาจะหนีไปที่ไหนได้อีก หลบที่โลกปีศาจอัคคีหรือ?”

ซี่จ้าวจวินได้ยินก็หัวเราะ “ที่แท้เจ้าเองก็รู้ ว่ามารร้ายที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงมีอยู่มากมาย แต่ว่าที่สังเกตเห็นได้ตรงทางเชื่อมเขตแดนนี้มีเพียงสองตัวเท่านั้น”

“ต่อให้มารร้ายมากมายสนใจที่นี่แล้วท่านจะทำอะไรได้? ท่านก็แค่เป็นตั๊กแตนที่ยกขาขึ้นกันรถเท่านั้น เจ้า เฉินลี่ หรือแม้แต่คนอื่นๆ ต่างกันแค่จะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น โชคชะตาของโลกแปดพิภพได้ถูกกำหนดไว้แล้ว!”

“สู้ทำตามใจเหมือนพวกเราดีกว่า แล้วเจ้าจะพบว่า โลกที่ทำอะไรได้ตามใจนั้นงดงามขนาดไหน!”

สีหน้าของหยวนเจิ้งเฟิงไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย “หากลากมารจริงแท้สองตัวนี้ให้เข้าสู่กระแสความปั่นป่วนของมิติเวลาได้ พวกมันจะไม่อาจเข้ามาทำลายโลกแปดพิภพได้ทันที”

“เมื่อไม่มีพวกมันคอยใช้วิธีสกปรก ก่อนที่ความสนใจของมารจริงแท้ตัวอื่นจะมายังที่นี่ ดวงอาทิตย์สีทองนี่ก็อาจจะผนึกประตูยมโลกได้อีกครั้งแล้วก็ได้”

เขามองซี่จ้าวจวินและ ‘ตงเซิงจวิน’ “อาศัยแค่หุ่นเชิดและผู้กลายเป็นมารอย่างพวกเจ้า ไม่มีทางสั่นสะเทือนดวงอาทิตย์สีทองนี่ได้”

“ตอนนี้ข้าจะวางเดิมพันต่อความเป็นไปได้นี้ ช่วงชิงโอกาสที่มีอยู่น้อยนิดให้กับโลกแปดพิภพของข้า!

บนใบหน้าของ ‘ตงเซิงจวิน’ ปรากฏรอยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าหรือ? เพียงแขนข้างเดียวมาถึงหรือการมาอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ทำให้การเพิ่มพลังของพวกข้าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว”

หยวนเจิ้งเฟิงยิ้มอย่างราบเรียบ “ทำทุกอย่างที่พอทำได้ตามฟ้าลิขิต มีแต่การพยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น ถึงจะรับมือกับลิขิตฟ้าได้อย่างใจเย็น”

“คนเราเกิดมาครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ทำเรื่องร้ายย่อมไม่ละอายต่อสิ่งใด”

ฟางจุ่นที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินดังนั้นก็เงียบงัน หัวเราะโดยไร้เสียง

เขายกมือทั้งสองของตนขึ้น นิ้วชี้และนิ้วกลางบนมือขวาขนานกันดุจกระบี่ ก่อนจะลากบนข้อมือข้างซ้ายเบาๆ

เลือดสดๆ ฉีดพุ่งออกมา ก่อนจะถูกมุทรากระบี่ของฟางจุ่นวาดลวดลาย กลายเป็นเส้นเลือดหลายสายเคลื่อนไปมากลางอากาศ

เส้นเลือดพันมือมารขนาดยักษ์สีดำและสีม่วงไว้เหมือนเชือก

มารร้ายสองตัวเดือดดาล มือมารสั่นไหว พลังอันยิ่งใหญ่ส่งออกมา คิดจะทำลายเส้นเลือดนั้น

ฟางจุ่นในตอนนี้ใช้มือขวาทำมุทรากระบี่อีกครั้ง แล้วชี้ที่หลุมดำเบื้องล่าง ปลายนิ้วข้างขวามีประกายเลือดพุ่งออกมา จากนั้นก็ไหลเข้าไปในรูสีดำที่เกิดจากกระแสปั่นป่วนของมิติ

ชั่วพริบตานั้น ความเร็วที่ฟางจุ่นถูกหลุมดำกลืนกินพลันเพิ่มขึ้น!

เส้นเลือดที่พันธนาการมือมารสองข้างเชื่อมกับมือซ้ายของเขา บัดนี้ได้รับแรงเสริมอันไร้รูปร่าง ทำให้มิติรอบเส้นเลือดบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พลังของมือมารทั้งสองได้อาจสลัดหลุดจากการเกาะเกี่ยวได้ในทันที

เมื่อฟางจุ่นตกลงสู่เบื้องล่างเร็วขึ้น ก็เกิดพลังงานอันมหาศาล ช่วยหยวนเจิ้งเฟิงลากมือมารสองข้างนั้นเข้าไปในหลุมดำ

“ในโลกนี้มีคำกล่าวว่า สู้รบต้องสู้เหมือนพี่น้อง เข้าสู่สนามรบต้องสามัคคีประดุจพ่อลูก” ฟางจุ่นกล่าว “ศิษย์อาจารย์ก็เหมือนกัน”

หยวนเจิ้งเฟิงมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความสงสาร

เมื่อเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติแล้ว จะโชคดีหรือร้านล้วนยากจะคาดเดา บางทีอาจจะถูกกระแสปั่นป่วนของมิติฆ่า หรือไม่ก็เข้าไปในโลกที่ไม่รู้จักก็เป็นได้

แต่ว่าวิชาะบายเลือดทั่วร่างที่ฟางจุ่นใช้ในตอนนี้ กลับเป็นการเผาไหม้ชีวิตของตัวเอง เป็นไปได้ว่าไม่ต้องให้มารร้ายลงมือ ไม่จำเป็นต้องให้กระแสความปั่นป่วนของมิติสังหาร เขาก็จะเสียชีวิตไปก่อนแล้ว

“เด็กน้อยเอ๋ย ตั้งแต่เด็กจนโตเจ้าล้วนเป็นเช่นนี้ ภายนอกสุภาพเรียบร้อย แต่ภายในกลับบ้าดีเดือดนัก” ความโศกเศร้าตรงหว่างคิ้วของหยวนเจิ้งเฟิงปรากฏขึ้นมาแล้วหายไปทันที เขาหัวเราะร่า แล้วกล่าวอีกว่า “ประเสริฐ ไปพร้อมกันเถอะ!”

สองศิษย์อาจารย์ตวาดพร้อมกัน เพิ่มพลังของตัวเองถึงขีดสุดเพื่อลากมารร้ายสองตัวนั้น

หลังจากที่ร่างของพวกเขาจมดิ่งสู่กระแสความปั่นป่วนของหลุมดำ มือมารสองข้างสีม่วงและสีดำก็ค่อยๆ ถูกหลุมดำกลืนกิน

พวก ‘ตงเซิงจวิน’ คำรามด้วยความโกรธพร้อมกัน เหล่ามารในเหวลึกแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง