ตอนที่ 276 พระบารมีของฮ่องเต้ต้าโจวพระองค์ใหม่

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

เหล่าทหารสวมเกราะสีเงินยวง ในมือถือดาบและธนู บนหลังมีธงสีทองของแคว้นต้าโจว

 

 

เหล่าทหารที่อยู่ด้านหน้าขี่อยู่บนหลังของสุนัขป่า สุนัขป่าเหล่านั้นตัวใหญ่มาก แต่ละตัวดุดันร้ายกาจ!

 

 

ที่ด้านหลังของเหล่าทหาร มีฝูงสุนัขป่ามากมายรายล้อมอยู่ แม้จำนวนจะไม่ถึงหมื่นแต่ก็ต้องมีอยู่หลายพัน

 

 

ฉากเช่นนี้…..สงครามของเทพเซียนที่เล่าขานกันในตำนาน

 

 

ทั้งหมดนี่คือ……กองทัพของแคว้นต้าโจว?

 

 

ผู้คนทั้งหมดต่างตื่นตะลึงไปแล้ว

 

 

เหยียนเฉียวหลัวยิ่งตกตะลึงอยู่กับที่ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด

 

 

นี่….นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

 

 

กองทหารนับพัน สุนัขป่าจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาขึ้นมาบนเขาเทียนซานได้อย่างไร?

 

 

ในขณะที่ฝูงชนกำลังตื่นตะลึงและมีแต่สีหน้างุนงงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงนายทัพที่ถือดาบใหญ่ผู้นั้นลงมาจากบนหลังของสุนัขป่า กระชับดาบเล่มใหญ่เดินมาถึงเบื้องหน้าจีเฉวียน เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งประสานหมัดคำนับ “แม่ทัพผู้พิชิตแห่งแคว้นต้าโจวตู๋กูจุน ถวายพระพรฝ่าบาท!”

 

 

ทันทีที่ตู๋กูจุนกล่าวออกมา ก็ได้ยินเสียงของเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังของเขาส่งเสียงประสานตาม ทั้งหมดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เปล่งเสียงดังว่า “กองทหารแคว้นต้าโจว ถวายพระพรฝ่าบาท!”

 

 

น้ำเสียงดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่วทั้งภูเขาเทียนซาน

 

 

แม้แต่พื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็ยังสั่นสะเทือน ต้นไม้หนามที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ถูกไอสังหารบนร่างของพวกเขากดดันเสียจนต้องครั่นคร้าม พากันถดถอยไปยังด้านหลัง

 

 

จีเฉวียนใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งประคองตู๋กูจุนให้ลุกขึ้น “แม่ทัพผู้พิชิตรีบรุดมาไกลนับพันลี้ มิต้องมากมารยาทไป”

 

 

ตรัสแล้ว ก็กวาดสายพระเนตรที่น่าเกรงขามไปทางกองทัพของตู๋กูจุน “ทหารทั้งหลายลุกขึ้นได้”

 

 

กองทหารทั้งหมดถึงได้ลุกขึ้นยืน

 

 

หากเปรียบเทียบกับเหล่าทหารที่ยืนอยู่ในนี้ กองทัพของแคว้นต้าโจวยังองอาจน่าเกรงขามกว่ามากนัก แต่ละคนคล้ายดังดาบที่ผ่านการชโลมเลือดมาแล้ว เมื่อมีทหารเช่นนี้นับพันอยู่รวมกันในที่นี่ ไอสังหารเหล่านั้นก็พวยพุ่งขึ้นฟ้าสร้างความกดดันไปทั่วทั้งภูเขาเทียนซาน

 

 

ภายใต้หน้ากาก องค์ชายน้อยถึงกลับหน้าเปลี่ยนสี

 

 

แม้แต่ตัวเขาก็ยังคาดไม่ถึง ว่าจีเฉวียนจะถึงกับเรียกกองทหารของตู๋กูจุนที่อยู่ไกลถึงเป่ยเจียงมายังที่นี่!

 

 

และตลอดทางที่มานี้ เขาถึงกลับไม่ได้ยินข่าวคราวเลยแม้แต่นิดเดียว?

 

 

พวกเขาขี่สุนัขป่าเหล่านั้นมา ดูจากลักษณะแล้วนั่นเป็นสุนัขป่าตะวันตกของแดนเป่ยเจียง!

 

 

พวกเขาขี่สุนัขป่าตะวันตกมาตลอดทาง?

 

 

ตระกูลตู๋กูไม่เพียงแต่พิชิตแดนเป่ยเจียงได้เท่านั้น แม้แต่สุนัขป่าตะวันตกก็ยังสามารถพิชิตได้ด้วย?

 

 

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สุนัขป่าตะวันตกคือสัตว์เทพที่เผ่าอาปู้ไซแห่งแดนเป่ยเจียงเลี้ยงดูด้วยความเคารพเทิดทูน ยามปกติมีแต่จะคอยรอรับบรรณาการจากเผ่าอาปู้ไซ ตอนนี้กลับยอมรับใช้ทั้งกายและใจต่อตระกูลตู๋กู?

 

 

ไม่…พวกมันกำลังหมอบคำนับให้กับฮ่องเต้แห่งต้าโจว จีเฉวียน

 

 

ยามนี้ ไม่เพียงแต่กองทัพของตระกูลตู๋กูที่คุกเข่าคำนับให้กับจีเฉวียน แม้แต่สุนัขป่าตะวันตกยังก้มศีรษะให้ แสดงความอ่อนน้อมต่อจีเฉวียนออกมา

 

 

ดูสิ….ผู้อื่นต่างก็นำเหล่านักพรตมา แต่ว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวผู้นี้ยกกันมาทีหนึ่ง ก็ล้วนแต่เป็นกองทัพที่กวาดล้างเข่นฆ่าศัตรู

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ปากของแต่ละคนกว้างขนาดจะกลืนไข่ไก่ทั้งใบลงไปได้

 

 

ที่ต้าโจวยกมาคือกองทัพ ไม่ใช่นักพรต….

 

 

แต่ว่าแค่บรรยากาศในตอนนี้ ก็มีแรงกดดันที่มากเกินไปแล้ว หากมีใครกล้าไม่เห็นด้วย ขอเพียงแค่ฮ่องเต้แคว้นโจวมีพระบัญชา ก็สามารถจะถล่มภูเขาเทียนซานนี้ให้ราบเรียบ จัดการฝังกลบพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ที่นี่

 

 

จีเฉวียนยังมิทันได้รับสั่งว่าอะไร ก็มีบางคนเริ่มสำนึกเสียใจแล้ว……

 

 

ทำไมพวกเขาถึงได้ถูกคำพูดเพียงไม่กี่คำของเหยียนเฉียวหลัวหลอกลวงเอาได้นะ?

 

 

พวกเขาต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห้งแคว้นต้าโจว มีฝีมือโหดเ**้ยมไร้ไมตรี มิว่าจะทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่มีแผนการรัดกุม เขาไหนเลยจะพาเพียงองครักษ์ไม่กี่สิบคนมาตามหาขุมทรัพย์ได้กัน?

 

 

พอมองเห็นสถานการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว ตู๋กูเจวี๋ยก็โผเข้าไปอยู่ข้างกายตู๋กูจุน ลูบคลำดาบเล่มใหญ่ในมือของเขา ส่งเสียด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว”

 

 

ตู๋กูจุนเหลือบมองดูเขาแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าขาวๆ ของเขามีชั้นน้ำแข็งเกาะบางๆ ชั้นหนึ่ง ริมฝีปากม่วงๆ นั้นยู่เข้าหากกันจนเป็นปากนก จึงล้วงเอาเตาอุ่นมือออกมาจากอกส่งให้เขาไป “ข้าไม่มีเวลาคุ้มครองเจ้า อย่าตายละ”

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยรับเตาอุ่นมือมา ตบอกตนเองเบาๆ “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น วางใจเถอะ ข้าอายุยืนอยู่แล้ว ไม่ตายแน่นอน”

 

 

ว่าแล้ว เขาก็มองเข้าไปในกลุ่มทหารตระกูลตู๋กูที่อยู่ด้านหลังตู๋กูจุนครั้งหนึ่ง “ทำไม ท่านปู่มิได้มาด้วยล่ะ?”

 

 

เขายังนึกว่า ขุมทรัพย์ที่มีแรงดึงดูดใจมากขนาดนี้ ท่านปู่จะต้องรีบมาอย่างแน่นอน

 

 

“ที่แดนเป่ยเจียงยังต้องให้ท่านปู่นั่งบัญชาการ ท่านไม่อาจถอนตัวออกมาได้” ตู๋กูจุนคว้าจับเขาขึ้นมา เหวี่ยงลงไปบนหลังสุนัขป่าของตนเอง “อยู่ให้ดีๆ อย่าได้ยุ่งวุ่นวาย ประเดี๋ยวตอนสู้กัน ข้าไม่มีเวลาดูแลเจ้า”

 

 

น้องรองคนนี้เหมือนกับกระบวยตักปุ๋ย [1] ที่ใดมีเหตุเขาเป็นต้องโผล่หัวไปที่นั่น ตู๋กูจุนคาดไม่ถึงจริงๆ ว่า เขาจะมาถึงที่นี่ด้วย

 

 

หรือจีเฉวียนจะตั้งพระทัยดึงตัวเขามากัน?

 

 

ตนเองกับท่านปู่ต่างก็ได้รับพระบัญชาและจดหมายของน้องรองในเวลาพร้อมๆ กัน

 

 

ในจดหมายนั้นเขียนว่าน้องเล็กถูกฮ่องเต้พามาหาขุมทรัพย์ ฮ่องเต้ยังให้เหตุผลกับน้องเล็กว่าเป็นการ ‘แก้เบื่อ’ จึงได้พาเขามาด้วย

 

 

ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะครอบครองขุมสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือ จึงได้ตั้งพระทัยนำสองคนนี้มาเป็นตัวประกัน

 

 

ยังดีที่….น้องเล็กปลอดภัยไร้เรื่องราว ทั้งยังอ้วนขึ้นมาพอควร ขาวๆ นุ่มๆ หากว่าอายุน้อยกว่านี้สักหน่อย คงยิ่งเหมือนกับตุ๊กตาเด็กหญิง

 

 

ตอนนี้อาปู้ถาลากับราชาสุนัขป่าตะวันตกอยู่เป็นเพื่อนนางที่เชิงเขา ปลอดภัยอย่างยิ่ง

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้ชื่นชอบจีเฉวียนสักเท่าไร แต่ว่าคนผู้นั้นก็รักษาคำสัญญา มิได้ทำสิ่งใดไม่ดีกับน้องเล็ก

 

 

ในขุมทรัพย์ของแคว้นเซอปี่ซือ พอดีมีสิ่งของที่ท่านปู่ต้องการ สมควรถือโอกาสนี้นำออกมาพร้อมกัน

 

 

อีกด้านหนึ่ง เหยียนเฉียวหลัวยังคงไม่ทันได้สติกลับมา ก็เห็นเหล่านักพรตในชุดสีเขียวนับร้อยคนเหาะออกมาจากด้านหลังของกองทัพแคว้นโจว

 

 

นักพรตแต่ละคนรูปโฉมงดงามดุจบุปผา ในมือถือแส้ปัด กลางหน้าผากมีแต้มดอกไม้

 

 

พวกเขาลอยลงมาดุจเทพเซียน ดูราวกับเหล่าเทพที่มาเยือนยังโลกหล้า

 

 

ผู้นำของพวกเขาเป็นนักพรตเฒ่าเคราขาวผู้หนึ่งและนักพรตวัยกลางคนอีกสองคน ถึงแม้ว่าจะดูมีอายุแล้ว แต่ยังคงมีรูปโฉมน่าชื่นชม

 

 

เมื่อมีคู่เปรียบเทียบกันเช่นนี้ ก็เหมือนจะชี้ให้เห็นว่านักพรตของพวกตนคือของเทียม ผู้อื่นต่างหากที่เป็นของแท้

 

 

“โอ้เง็กเซียนบนสวรรค์ ข้านักพรตอู๋เทียน ถวายพระพรฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวของพวกเรา” นักพรตเฒ่าผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าจีเฉวียน คำนับเขาด้วยความเคารพนอบน้อม

 

 

“ข้านักพรตอู๋เจิน….”

 

 

“ข้านักพรตอู๋ซื่อ….”

 

 

“เหล่านักพรตศิษย์อารามเทียนเก๋อกวน….”

 

 

“ถวายพระพรฝ่าบาท พวกเราได้รับพระบัญชาเรียกหา วันนี้แม้ต้องสิ้นชีพในภูเขาเทียนซานแดนเซอปี่ซือ ก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย”

 

 

เหล่านักพรตทั้งหนุ่มและชราล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ด้วยท่าทางประหนึ่งว่าจีเฉวียนนั้นคือเง็กเซียนฮ่องเต้บนสรวงสวรรค์

 

 

ฝูงชนที่เดิมทีก็อยู่ในความตกตะลึงกันอยู่ ยามนี้ถึงกับโง่งมกันไปแล้ว

 

 

ดูสิ…. ฮ่องเต้ต้าโจวไม่เพียงแต่เรียกกองทหารมา แต่ยังสามารถเรียกนักพรตมาได้มากมาย

 

 

ชื่อเสียงของอารามเทียนเก๋อกวนย่อมต้องเคยได้ยินกันมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว เรียกว่ามิได้ด้อยไปกว่าภูเขาฮว่าชิ่งซานเลย

 

 

มิว่าจะเป็นอดีตฮ่องเต้ในกาลก่อนหรือฮ่องเต้แคว้นต่างๆ ในกาลปัจจุบัน ต่างก็ให้ความเคารพยกย่องต่ออารามเทียนเก๋อกวนด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าทุกๆ ปีราชวงศ์จะส่งมอบเงินบริจาคจำนวนมากไปให้อารามเทียนเก๋อกวน แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาว่าอารามเทียนเก๋อกวนจะทำสิ่งใดให้กับแคว้นต้าโจวมาก่อน

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างก็เข้าใจกันว่า …..ฮ่องเต้แคว้นต้าโจวไม่ได้รับการยอมรับจากอารามเทียนเก๋อกวนเสียอีก

 

 

คิดไม่ถึงว่า…..ผู้อื่นไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับ แต่ยังสามารถเรียกใช้อารามเทียนเก๋อกวนได้อย่างตามสบายอีกด้วย

 

 

ในตอนนี้ผู้คนทั้งหลายจึงได้แต่รู้สึกอิจฉาจีเฉวียนจนตาร้อนไปหมดแล้ว

 

 

 

 

——

 

 

[1] 搅屎棍 ตัวสร้างปัญหา

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

เตาอุ่นมือ/เตาพก (暖手炉) : เตาขนาดเล็กเท่าผลส้มหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย สำหรับถือบนมือหรือใส่ในแขนเสื้อ ทำจากสำริดสองชั้นเพื่อกักเก็บความร้อน ภายนอกฉลุลวดลาย ลงยาหรือหุ้มกระเบื้องเคลือบ บรรจุถ่านไม้ไร้ควัน หรือควันน้อยตามแต่ทุนทรัพย์ของผู้ถือ เป็นหนึ่งในเครื่องแก้หนาวที่สามารถแสดงฐานะทางสังคมของคุณหนูทั้งหลาย

 

 

ตอนต่อไป “จีเฉวียนน่ากลัวเกินไปแล้ว”