ความรีบเร่ง

ในตอนบ่ายมีรถสุดเท่มาจอดที่ประตูหน้าบ้านของซูจิ้ง ฉินซู่หลานและคนขับลงมาจากรถและซูจิ้งก็ออกมาเพื่อพบพวกเขา ซูจิ้งมองไปที่รถและถามออกมา “นี่เป็นรถม้าในตำนานใช่ไหม?”

“ใช่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่คนธรรมดาจะหามาขับได้นะ” ฉินซู่หลานแนะนำรถที่แสนจะไม่ธรรมดาด้วยความภาคภูมิใจว่าไม่สามารถใช้บรรทุกของแบบทั่วไปได้ไม่งั้นจะสร้างปัญหามากมายกับม้าได้เลย รถม้าคันนี้เป็นสุดยอดรถมากๆ มีช่องเก็บของที่ทำมาจากเหล็กแยกออกมากมายหลายช่อง เมื่อเปิดประตูออกมาภายในรถก็กว้างมากจนม้าสามารถเข้าไปได้เลย

ทั้งสองด้านมีหน้าต่างเพื่อให้ “ชมทิวทัศน์” ล้อหุ้มด้วยยางและอยู่ในระดับความสูงที่พอเหมาะและเครื่องปรับอากาศ, สิ่งอำนวยความสะดวกในการระบายอากาศและลดความชื้นที่ติดมาให้ก็ “ดีมากๆ” เหมือนที่อยู่บนเครื่องบินเลย ซูจิ้งรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ฉินซู่หลานเก่งเรื่องนี้มากๆ

“อีกอย่างนะพี่จิ้ง ม้าพี่เป็นไงบ้าง? เอาออกมาดูหน่อยสิ” ฉินซู่หลานอดใจไม่ไหวที่จะมองเข้าไปที่สนาม ซูจิ้งผิวปากและม้าก็ออกมาจกมุมของสนามและวิ่งออกมาอย่างลำพอง

เมื่อได้เห็นม้า ฉินซู่หลานและคนขับรถต่างก็ตกตะลึงเพราะม้าไม่ได้ดูดีเท่าไรเลย ถึงแม้ว่าหลังจากที่กินหญ้าวิเศษไปแล้วม้าเปลี่ยนไปมากในชั่วข้ามคืนและมีพละกำลังมากขึ้นเป็น 10 เท่า นี่ถือว่าไม่แย่เลย

“พี่จิ้ง ม้าพี่ผอมไปหรือเปล่า? พี่ไม่ให้อาหารมันเลยหรือไงเนี่ย?” ฉินซู่หลานพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขากำลังคิดว่าในทุกๆวันม้าไม่ได้กิน

“ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อเร็วๆนี้เองเลยยังไม่ทันได้ดูแลมันเท่าไรเลย” ซูจิ้งกล่าว

“ซื้อมาจากไหน?” ฉินซู่หลานถาม

“จากหมู่บ้านข้างๆนี่เอง” ซูจิ้งตอบ

“หมู่บ้านข้างๆเหรอ?” ฉินซู่หลานอ้าปากค้างเกือบถึงพื้น เขามาที่นี่หลายครั้งดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับหมู่บ้านใกล้ๆนี้ดี เขารู้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วชาวบ้านจะเป็นชาวไร่ชาวสวน, ชาวประมงแล้วพวกม้าก็ถูกใช้ทำงานด้วย ไม่สงสัยเลยว่าทำไมม้าถึงได้ผอมนัก เดามันคงถูกใช้งานทุกวันและไม่ค่อยจะได้กินอะไรดีๆเท่าไร

ปัญหาใหญ่คือม้าพวกนี้มักจะมีไว้ใช้งาน ไม่เพียงแต่มีสายพันธุ์ที่ไม่ดีแต่ยังไม่ได้รับการฝึกเรื่องการวิ่งตั้งแต่เล็กด้วย แล้วมันจะวิ่งเร็วได้ยังไง? ซูจิ้งซื้ออะไรมาเนี่ย? เขาต้องการนำมันไปที่สนามแข่งเพื่อทดสอบความเร็วหรือไง? ฉินซู่หลานมองไปที่ซูจิ้งด้วยความสงสัยแล้วพูดว่า “พี่จิ้ง นี่พี่ว่างก็เลยหาเรื่องสนุกทำงั้นเหรอ?”

“ฉันจริงจัง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นายบอกว่ารู้จักเจ้าของสนามแข่งม้าแห่งนั้นดีมากใช่ไหม? งั้นช่วยพามันไปทดสอบความเร็วที่ ฉันไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก” เขากล่าว

งั้นในเมื่อพี่พูดแบบนี้แล้ว ฉันก็อยากจะเห็นจริงๆว่าม้านี่มันจะพิเศษยังไง” ถึงแม้ฉินซู่หลานจะไม่ได้มองม้าตัวนี้ในด้านดีนัก แต่เขาก็ไม่กล้าตั้งคำถามกับความสามารถในการฝึกสัตว์ของซูจิ้ง เขาคิดว่าบางทีม้าตัวนี้อาจจะพิเศษก็ได้ โดยปกติแล้วคนขับรถเขาจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็คิดว่ามันเสียเวลาเปล่าที่จะส่งม้าทำงานในไร่ไปสนามแข่งแต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา เขาก็แค่รับค่าจ้างแล้วทำหน้าที่ไป ด้วยความช่วยเหลือของคนขับรถเขาปิดประตูตามทันทีที่ซูจิ้งขึ้นรถไป

ซูจิ้งขับปอร์เช่ตามไปที่สนามแข่งด้วยกัน สนามแข่งนี้อยู่ในเมืองจงฮยอนซึ่งไม่ใหญ่เท่าไร จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการแข่งขันเล็กๆหลายรอบในหนึ่งปี พูดกันตรงๆก็คือควรเป็นสนามขี่ม้าและสโมสรขี่ม้ามากกว่า เจ้าของสนามยังเลี้ยงม้าไว้เพื่อให้เช่าและขายด้วย ทันทีที่ซูจิ้งและฉินซู่หลานมาถึง ชายวัยกลางคนก็รีบออกมาต้อนรับพวกเขาทันที ฉินซู่หลานแนะนำว่าเขาคือเจ้าของสนาม ชื่อเฉิงเมียวจิน เฉิงเมียวจินเห็นได้ชัดว่าสนิทกับฉินซู่หลาน เขายังรู้อีกด้วยว่าซูจิ้งเป็นปรมาจารย์ด้านการฝึกสัตว์ เขาจึงมองตรงไปที่ม้าที่ซูจิ้งพามาด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อประตูเปิดออกและได้เห็นม้าร่างผอมสีดำกำลังเดินลงมา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนของฉินซู่หลาน เขาคงจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆและไล่ให้กลับไปซะ

“ลุงเฉิง สนามว่างหรือเปล่า? ให้พี่จิ้งเอาม้าไปลองหน่อยสิ” ฉินซู่หลานเห็นความผิดหวังแวบขึ้นมาบนสีหน้าของเฉิงเมียวจิน เพื่อที่จะลบความอับอายเขาจึงรีบพูดออกไป “ว่างครับ ทางนี้เลย” เฉิงเมียวจินพยักหน้า ถึงแม้เขาจะรู้สึกผิดหวังกับม้าแต่ฉินซู่หลานก็ยังอยากที่จะแก้หน้า คนของซูจิ้งทั้งหมดมาอยู่ที่นี่จึงเป็นเรื่องยากที่จะไล่เขากลับไป เขาเดินนำไปที่สนามและเริ่มเดินไปที่ลู่

 

ซูจิ้งเตรียมม้าร่างผอมที่จุดเริ่มต้นและพร้อมที่จะเริ่ม ไม่มีการเปิดสนามแข่งและปกติก็จะไม่มีผู้ชมแต่มีสมาชิกของชมรมขี่ม้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่มาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ม้าตัวนั้นดูไม่ใช่สายพันธุ์ที่ดีเท่าไรเลยนะ ทำไมมันผอมขนาดนี้เนี่ย? แล้วจะวิ่งไหวเหรอเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่า จะวิ่งได้ถึงครึ่งทางไหมเนี่ย?”

“2 นาทีก็น่าจะยังไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ” สมาชิกของสโมสรพวกนี้ล้วนแต่ขี่ม้าที่แข็งแกร่งมากและมีเชื้อสายพันธุ์ดี จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมองการณ์ไกล ดังนั้นพวกเขาจึงพูดดูถูกม้าร่างผอมนั้นที่ซูจิ้งกำลังขี่อยู่

“ซู่หลาน นั่นใครกัน?” ชายหนุ่มที่อยู่บนม้าสีน้ำตาลเข้มถาม

“นายไม่รู้จักปรมาจารย์ด้านการฝึกสัตว์ ซูจิ้งหรือไง ไม่รู้เรื่องเลยนะนายเนี่ย” ฉินซู่หลานกล่าว

“โอ้ นั่นเขาเหรอ” เด็กหนุ่มหลายคนถึงกับประหลาดใจ บางคนที่เพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ก็แปลกใจเช่นกัน พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของซูจิ้งแต่ก็แค่ได้ยินแต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงๆ พวกเขาไม่คิดว่าคนๆนั้นจะคือคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี่เอง อย่างไรก็ตามพวงเขาต่างก็ยิ่งรู้สึกแปลกขึ้นไปอีก ปรมาจารย์ด้านการฝึกสัตว์ตาดีหรือเปล่าเนี่ย? ม้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลยว่าไหม?

“พี่จิ้ง เข้ามาสิ” เมื่อได้เห็นคนมากมายเข้ามาล้อมรอบ ฉินซู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป เขามักจะคุยโวเกี่ยวกับความเย่อหยิ่งของซูจิ้งต่อหน้าคนอื่น วันนี้เขาเลยพาซูจิ้งมาเองเลย

เขาหวังว่าซูจิ้งจะไว้หน้าเขาหน่อย “คุณซู เริ่มเลยไหม?” เฉิงเมียวจินถาม

“ครับ” ซูจิ้งพยักหน้า เฉิงเมียวจินใส่นกหวีดเข้าไปในปากและทันใดนั้นก็เป่าออกมา ในวินาทีนั้นม้าร่างผอมที่ซูจิ้งกำลังขี่อยู่รีบวิ่งออกไปด้วยกำลังขาทั้งสี่ที่แข็งแกร่ง ฉินซู่หลานที่กำลังสวดมนต์อยู่ในใจจ้องตาแทบหลุดออกมา เฉิงเมียวจินที่ตอนแรกไม่สนใจและผู้คนรอบๆที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ตกตะลึงมากกว่าอีก

เฉิงเมียวจินเกือบจะทำนกหวีดหัก

“บ้าเอ๊ย โครตเร็วเลย!”

“พระเจ้า มันเร็วมากเลย!”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและสิ่งที่ทำให้ทุกคนงงมากขึ้นกว่าเดิมคือม้านั่นไม่เพียงแค่ออกตัวเร็วแต่เมื่อมันวิ่งออกไปแล้ว ความเร็วก็ไม่ตกเลยซึ่งน่าจะแตะมากกว่า 200 เมตรเลยและมันก็รักษาความเร็วได้จนกระทั่งถึงเส้นชัย วิ่งได้ดีทั้งกิโลเมตรเลย มันเร็วมากจนทุกคนไม่อยากจะเชื่อ มันเหลือเชื่อจริงๆ

“เร็วมาก เร็วจริงๆ! เป็นม้าที่ไม่อยู่ในสายตาเลย”

“เป็นม้าแข่งมืออาชีพเลยนะเนี่ย แต่มันผอมขนาดนี้แล้วเอาแรงที่ไหนมาเนี่ย?”

“ใช้เวลาไปเท่าไรเนี่ย?” เฉิงเมียวจินวิ่งมาถามด้วยความตื่นเต้น

“56 วินาที” ใบหน้าของคนจับเวลาตกใจมาก

“ว่าไงนะ?” เฉิงเมียวจินคิดว่าเขาได้ยินผิด

“56 วินาที” คนจับเวลาพูดซ้ำ

“…” เฉิงเมียวจิน, ฉินซู่หลานและคนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกตะลึงไปพร้อมๆกัน