การซื้อม้า
“56 วินาทีเหรอ? เป็นเรื่องจริงเหรอ?
“บ้าไปแล้ว บ้ามากๆ”
“เป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ”
ทุกคนต่างก็ตกใจและไม่อยากจะเชื่อ เพราะมันไม่ใช่แค่การวิ่งเร็วทั่วๆไปแต่นี่เป็นการทำลายสถิติบันทึกเลย การแข่งม้าไม่ใช่กีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศจีนเท่าไร ในประวัติศาตร์ที่ถูกบันทึกระยะทางกิโลเมตรยังไม่เคยถูกทำลายได้ภายในเวลาหนึ่งนาทีมาก่อน บันทึกสถิติโลกถูกบันทึกไว้ที่มากกว่า 50 วินาที แล้วจะให้ยอมรับความจริงที่ว่าม้าผอมๆตัวนี้จะวิ่งได้ 56 วินาทีงั้นเหรอ?
ฉินซู่หลานรู้สึกมึนงง ซูจิ้งซื้อม้าตัวนี้มาจากหมู่บ้านข้างๆจริงเหรอ? ถ้าเป็นเรื่องจริงซูจิ้งก็โคตรจะโชคดีเลย ยังไงซะเงินที่ซื้อมาจากหมู่บ้านก็คงไม่แพงเท่าไรด้วยใช่ไหม? ตอนนี้ราคาของม้าตัวนี้ก็ขึ้นไปสูงจนเกินจริงไปเยอะแล้ว
ม้าทั่วไปปกติก็จะราคาอยู่ที่ 120,000 หยวน ถ้าเป็นม้าพันธุ์ดีบางทีราคาอาจจะขึ้นไปถึงหลายแสนหยวนหรือหลายล้าน ถ้าได้ขึ้นมาเป็นม้าแข่งราคาก็จะยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ม้าที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้นั้นจะถือว่าเป็นม้าที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีซึ่งราคาไม่ถูกเลย ราคาม้าแข่งที่ถูกที่สุดที่สามารถปรากฏในกรีนนิชพาร์คได้คือมากกว่า 3 ล้านหยวน ม้าแข่งบางตัวก็ราคามากกว่าสิบล้านเลย
ตอนนี้ม้าตัวนี้ที่ซูจิ้งขี่ไม่ได้ชนะรางวัลหรือมีชื่อเสียงอะไร อย่างไรก็ตามการวิ่งครั้งนี้ก็แสดงถึงศักยภาพที่น่าทึ่งอย่างมาก ตราบใดที่มันยังรักษาความเร็วไว้ได้ ในอนาคตมันจะต้องกลายเป็นดาวเด่นแน่ๆ
“56 วินาที เยี่ยมไปเลยนะ” ซูจิ้งดูมีความสุขและแปลกใจมาก เขาไม่ค่อยรู้เรื่องการแข่งมากนักแต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่า 56 วินาทีต่อกิโลเมตรคือผลที่เหนือความคาดหมายแล้ว เขามีความหวังอย่างยิ่งใหญ่ที่จะได้แชมป์ระดับโลก ซูจิ้งยิ่งรู้สึกทึ่งกับหญ้าประหลาดนั่นเข้าไปอีก ถ้าเพียงแค่กินไปครั้งเดียวก็มาอยู่ในระดับนี้ได้แล้ว มันเหลือเชื่อจริงๆ
“คุณซู ผมขอซื้อม้าตัวนี้ได้ไหม ราคาเท่าไรว่ามาเลย?” เฉิงเมียวจินตื่นเต้นมาก
“ผมอยากที่ขอซื้อด้วยคุณซู” ชายวัยกลางคนรีบเดินเข้ามาอย่างเร็ว
“คุณซู เราไปหาที่นั่งคุยกันไหม?” ชายหนุ่มที่เพิ่งสงสัยในตัวม้าร่างผอมโผล่งขึ้นมาทันที
“พี่จิ้ง ถ้าอยากที่จะขายก็อย่าขายให้พวกเขาเลย ขายให้ฉันเถอะ” เมื่อฉินซู่หลานเห็นว่าทุกคนอยากที่จะแย่งเขา เขาไม่พอใจเลย เขาชอบสัตว์เลี้ยงนอกจากหมาแล้ว สัตว์ที่เขาชอบที่สุดก็คือม้าแข่งนี่แหละ เวลาที่เขาว่างเขามักจะออกมาขี่ม้า ตอนนี้สุดยอดม้าอยู่ตรงหน้าพวกเรแล้ว มันคงเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าไม่ตื่นเต้น แล้วแบบนี้จะปล่อยให้ม้าตัวนี้ตกไปอยู่ในมือคนอื่นได้ยังไงกัน
“ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งเถียงกัน พวกคุณคิดว่าเป็นไปได้เหรอที่ผมจะขาย?” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม
ทุกคนคิดอย่างถี่ถ้วนและยิ้มอย่างขมขื่น ใช่, พวกเขาไม่โง่ ม้าแบบนี้จะเอามาขายง่ายๆได้ยังไง? ครอบครัวของซูจิ้งร่ำรวยมาก ถ้าเขาอยากที่จะขายม้าจริงๆราคาจะต้องสูงเกินจริงมากแน่ๆและสุดยอดม้าแบบนี้ราคาคงจะไม่ลด และมีเพียงม้าเกรดเอเท่านั้นที่ราคาไม่มีตกดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่มีปัญหาซื้อก็ได้
“พี่จิ้ง พี่นี่สุดยอดจริงๆ ช่วยฉันหาแบบนี้สักตัวสิ” ฉินซู่หลานจับมือซูจิ้งชื่นชมเขา ซูจิ้งสามารถขุดม้าชั้นยอดมาจากบ้านนอกได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลือกม้าดีๆแบบนี้มาจากม้าในไร่ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นม้าวิเศษซึ่งต้องใช้โชคแต่เขาไม่ได้หวังสูงขนาดนั้น ไม่ต้องดีเท่านี้ก็ได้แค่น้อยกว่านิดหน่อย
“การได้ม้าตัวนี้มันก็แค่โชคดีเฉยๆ” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม
“อย่ามาถ่อมตัวเลยพี่จิ้ง ใครจะไปเชื่อเรื่องโชคกัน? สัตว์แบบไหนกันที่จะร่วงลงมาจากฟ้า? พี่จิ้งช่วยเลือกม้าให้ฉันตัวสิแล้วช่วยฉันฝึกที” ฉินซู่หลานคิดว่าอย่างแรกต้องเลือกม้าก่อนแล้วเรื่องฝึกค่อยเป็นอันดับสอง แค่เจ้าแห่งการฝึกสัตว์อย่างซูจิ้งอย่างเดียวไม่พอหรอก
“คือ…” ซูจิ้งเงียบไปสักพัก ในเมื่อหญ้าชนิดนั้นวิเศษมากหมายความว่าเขาสามารถฝึกฝนม้าเวทย์มนตร์ได้ อย่างไรก็ตามถ้าพวกมันออกมามากเกินไปในครั้งเดียวมันจะต้องสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในท้องตลาดแน่นอนซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเขาเลย ตอนนี้เชนหม่าโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ เมื่อมีม้าแบบเชนหม่าเยอะๆมันก็จะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ซู่หลาน ถ้าเป็นแบบนี้นายจะว่ายังไง? ฉันจะยกม้าตัวนี้ให้นาย นายจะเอาไปขี่เล่นก็ได้ อีกอย่างนายต้องรับผิดชอบในการจัดการแข่งขันให้เรียบร้อย ค่อยเป็นเอเจนให้มัน นายสนใจไหม?” ซูจิ้งถาม
“พี่จิ้ง พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?” ดวงตาของฉินซู่หลานเปล่งประกาย
“จริงสิ” ซูจิ้งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ฉันสนใจอย่างมากเลย งั้นตกลงนะ ฉันจะไม่คิดเงินเลยฉันจะเป็นเอเจนให้ฟรีๆเลย” ฉินซู่หลานตื่นเต้นมาก จากที่ซูจิ้งพูดเขาสามารถเอาม้าออกไปขี่เล่นตอนไหนก็ได้ นี่มันมีค่ามากกว่าเงินมากมายอีก นอกจากนี้ถ้าเขาจัดการแข่งให้สุดยอดม้านี้ได้ เขาก็จะสามารถจัดการม้าของเพื่อนและของคู่แข่งคนอื่นได้อย่างราบคาบแน่ๆ แค่คิดเขาก็ตื่นเต้นแล้ว
“ฉันจะยกมันให้นาย แต่เมื่อนายเป็นเอเจน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องได้เปอร์เซ็นต์ ฉันจะจ่ายเปอร์เซ็นต์ให้นาย” ซูจิ้งบอกว่าเหตุผลที่เขายกม้าให้ฉินซู่หลานก็เพราะเขาชอบชายคนนี้และชายคนนี้รู้เรื่องม้าแข่งมากกว่าเขาและเขาจัดการเรื่องการแข่งได้ซึ่งจะช่วยเขาประหลัดเวลาและพลังไปได้เยอะเลย
“ไม่ต้องห่วงนะพี่จิ้ง ให้ฉันจัดการเรื่องจ็อคกี้และจัดการแข่งขันเอง อย่างไรก็ตามพี่อยากได้คนฝึกม้าด้วยหรือเปล่า?” ฉินซู่หลานบอกว่ามีคนที่เกี่ยวข้องกับการแข่งม้าอีกมาก เช่น จ็อคกี้ (คนที่ขี่ม้าในการแข่งขัน, สั่งม้าให้เคลื่อนไหว, เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีที่สุด), คนฝึกม้า (คนดูแลม้า, กำหนดวิธีการฝึกม้าและเพื่อให้เล่นเต็มศักยภาพ), เจ้าของม้า (เจ้าของม้า, โบนัสส่วนใหญ่เป็นของเจ้าของม้า) เหตุผลที่ฉินซู่หลานถามว่าเขาต้องการจ้างผู้ฝึกสอนม้าหรือเปล่าเพราะเขาไม่อยากที่จะเสียเงินเท่าไร แต่เขาคิดว่าผู้ฝึกสอนม้านั้นห่างไกลจากความคิดของซูจิ้ง เจ้าแห่งการฝึกสัตว์ การฝึกสัตว์ของซูจิ้งสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
“ช่วยจัดให้ทีนะ ฉันไม่มีเวลมาดูแลมันขนาดนั้น” ซูจิ้งกล่าว
“โอเค” ฉินซู่หลานเห็นด้วยและเริ่มคิดแผนการเข้าร่วมของมาร์เซย์
เฉิงเมียวจินและคนอื่นๆ หลังจากที่ฟังสองคนนี้คุยกันเรียบร้อยก็รู้สึกพวกเขาไม่สามารถเข้าไปแทรกอะไรได้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะอยากได้ม้าอย่างมากแต่ก็ทำได้แค่ยอมแพ้ ซูจิ้งส่งบังเหียนให้ฉินซู่หลานเพื่อให้ทำความคุ้นเคยกับม้าร่างผอมและถามเฉิงเมียวจน “หัวหน้าเฉิง ที่นี่คุณมีม้าสำหรับขายไหมครับ?”
“มีครับ คุณซูอยากจะซื้อเหรอครับ?” เฉิงเมียวจินถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมขอดูก่อนได้ไหม?” ซูจิ้งถาม
“ได้ครับ ทางนี้เลย” เฉิงเมียวจินถือว่าซูจิ้งเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาอยากที่จะเห็นว่าซูจิ้งเลือกม้ายังไง คนอื่นๆก็ตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัยของพวกเขาเกี่ยวกับซูจิงก็หายไปแล้วแต่กลายเป็นความชื่นชมแทน พวกเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ฝึกสัตว์อย่างแท้จริง โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาต้องการที่จะดูวิธีการเลือกของเขา บางทีพวกเขาอาจจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ไม่นานเขาก็เดินมาถึงคอกม้าและเดินไปข้างหน้ามัน เฉิงเมียวจินแนะนำม้าแต่ละตัวอย่างละเอียด “ม้าทั้งหมดในนี้ขายได้หมดเลยครับ คุณเห็นม้าตัวสีน้ำตาลไหม? มันคือม้าฮันโนเวอร์ ตัวที่ถัดจากนั้นคือม้าพันธุ์แท้ของอังกฤษ…”
ระหว่างที่ฟัง ซูจิ้งไม่ได้สนใจเลยสักนิด แต่กลับรีบหยิบหญ้าปริศนาออกมานิดหน่อย มันน้อยมากๆ ในความคิดของเขา ชนิดของหญ้าไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย ยังไงซะต่อให้เป็นม้าลูกผสมแก่ๆที่ใช้ในการรับราชการทหารในชนบทก็สามารถฝึกให้เป็นม้าเทพได้หลังจากที่ได้กินหญ้า จึงคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อหญ้าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
ซูจิ้งแค่หยิบหญ้าออกมา ม้าส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาและดมกลิ่นกันแต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อผ่านไปสักพักพวกมันก็ยังสับสนอยู่ แต่แล้วจากระยะไกลก็มีลูกม้าสีขาววิ่งออกมาอย่างเร็ว แล้วมาหยุดตรงหน้าซูจิ้ง กระโดดไปรอบตัวซูจิ้งอยู่สักพักและก็เอาจมูกเข้ามาใกล้มือที่กำลังถือหญ้าอยู่ของซูจิ้ง
“ฮ่าฮ่า ตัวนี้แหละ” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ตัวนี้…” ผู้คนรู้สึกงงนิดหน่อย เลือกตัวนี้เหรอ? ถึงแม้จะบอกได้ว่ามันเป็นม้าที่สวย, ขาว, สง่า, ฉลาดและร่าเริงมาก ปัญหาคือซูจิ้งดูเหมือนจะเลือกตัวนี้อย่างจริงจัง หรือไม่งั้นเขาก็ไม่เลือกม้าเลยแต่ม้ากลับเป็นฝ่ายที่เลือกเขาแทน ม้าตัวนี้แปลกมากๆ มันออกมาที่นี่และสนิทกับซูจิ้งในทันทีได้ยังไง
“ทำไม ไม่ได้เหรอ?” ซูจิ้งถาม
“ได้ ได้ครับ นี่เป็นม้ามองโกเลีย ผมกะว่าจะเก็บมันไว้ไม่ได้มีแผนที่จะขาย แต่ในเมื่อคุณซูอยากได้ เราก็คุยกันได้” เฉิงเมียวจินพูดพร้อมรอยยิ้มว่าจริงๆแล้วม้าเป็นคนที่เลือกซูจิ้งเอง นอกจากนี้ซูจิ้งคิดว่ามูลค่าของม้าควรสูงกว่านี้ สีหน้าของฉินซู่หลาน เขาไม่ได้พูดอะไรมากแต่เขาก็ไม่อยากที่จะขายราคาต่ำเลยเสนอราคาไปที่ 120,000 หยวน
ซูจิ้งชอบม้าสีขาวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเลยขี้เกียจที่จะต่อรองเรื่องนี้ เขาไม่ได้ต่อราคาเลยจ่ายไปที่ 120,000 หยวน แล้วเขาก็ใช้รถม้าลากมันกลับบ้าน ส่วนม้าร่างผอมเขาทิ้งไว้ให้ฉินซู่หลานจัดการ ฉินซู่หลานรับปากกับเขาอย่างดีว่าจะดูแลม้าให้เป็นอย่างดี
เมื่อเขาถึงบ้าน เขาก็ป้อนหญ้าวิเศษให้มันกิน