TB:บทที่ 117 สมาคมแลกเปลี่ยนการทางแพทย์ (4)
“มิสเตอร์ฮั่ว มันถูกต้องนะครับที่เด็กผู้ชายคนนี้จะมาเป็นตัวแทนของพวกเรา? เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะเดิมพันในครั้งนี้? เขาทำตามที่พูดไม่ได้หรอก”
“ใช่แล้วมิสเตอร์ฮั่ว รีบเอาเด็กคนนั้นลงมาเถอะ”
“เกมส์ครั้งนี้เราแพ้แล้ว ไว้ค่อยไปแข่งเกมส์หน้าอีกดีกว่า เราอย่าปล่อยให้เด็กคนนั้นมาทำเป็นเล่นๆแถวนี้เลย”
……
เมื่อเห็นว่าเฉินหลงขึ้นไปบนเวทีจริงๆแล้วมิลเลอร์ก็ยังมาท้าพนันอีก หมอแพทย์แผนจีนหลายท่านก็ต่างว้าวุ่นและรีบพูดกับฮั่วหมิงเหริน
ฮั่วหมิงเหรินจ้องไปที่หมอแพทย์แผนจีนที่มาร่วมงานและพูดกลับอย่างไม่สบอารมณ์ไปว่า
“หมอแพทย์แผนจีนอย่างพวกเราโดนดูหมิ่นโดยมิสเตอร์มิลเลอร์ ตอนที่ชายคนนั้นพูดดูถูก ทำไมพวกคุณไปตอกกลับบ้างละ? แล้วตอนนี้มีบางคนยินดีที่จะก้าวออกมาเป็นตัวแทนการแพทย์แผนจีนแทนพวกเรา แต่พวกคุณยังจะมาพูดแบบนั้นแบบนี้ เป็นแบบนี้นะดีแล้ว มันจะดีกว่าถ้าให้เขาได้พยายามลองดู ไม่แน่เขาอาจะทำให้พวกเราประหลาดใจได้ก็ได้นะ” ถึงแม้ว่าฮั่วหมิงเหรินจะไม่รู้จักเฉินหลง แต่เขากลับเชื่อว่าเฉินหลงน่าจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเพราะดูจากความมั่นใจที่เขามีแล้วมันทำให้เขากล้าที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้ได้ลอง หากเขาไม่สามารถทำได้ เขาก็พร้อมที่จะเป็นตัวช่วยและพูดว่าเขาไม่สามารถเป็นตัวแทนของการแพทย์แผนจีนได้
ในเวลานี้ หากเฉินหลงมีความมั่นใจอยู่ในใจ เขาต้องรู้น่าว่าเขาจะต้องทำมันออกมาได้ดี
เมื่อหมอแพทย์แนผจีนหลายท่านได้ฟังสิ่งที่ฮั่วหมิงเหรินพูดเช่นนั้น พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่หยุดพูดและเฝ้ามองเฉินหลงเท่านั้น
ในฐานะปรมาจารย์ขอบเขตกำเนิด สิ่งที่ฮั่วหมิงเหรินและแพทย์อีกหลายท่านที่พูดเกี่ยวกับตัวเฉินหลงซึ่งเขาเองก็ได้ยินทั้งหมดชัดเจน เขาได้ยิ้มให้กับฮั่วหมิงเหรินและจากนั้นก็ได้หยิบเข็มเงินขึ้นมา
“เนื่องจากคุณ แพทย์แผนปัจจุบันโรคหอบหืดไม่มีทางรักษาได้ ดังนั้นผมจะแสดงให้กบที่อยู่ก้นบ่ออย่างคุณได้เห็นการฝั่งเข็มที่น่าอัศจรรย์ของแผ่นดินจีน” เมื่อได้เห็นเทคนิคการฝั่งเข็มเงินของเฉินหลง ดวงตาของฮั่วหมิงเหรินก็เบิกกว้าง ด้วยเทคนิคนี้ มันทำให้ทักษะการฝั่งเข็มของชายคนนี้ดูไม่แย่เลย
หลังจากที่เข็มเงินของเฉินหลงแทงเข้าไปที่คอของผู้ป่วย หน้าของมิลเลอร์ก็แสดงรอยยิ้มที่เหยียดหยามออกมา นั้นดูดีมากเลยนะ แต่ในสุดท้ายมันก็เป็นเทคนิคที่เหมือนกับฮั่วหมิงเหรินไม่ใช่หรอ?
การฝั่งเงินของเฉินหลงก็เหมือนกันกับฮั่วหมิงเหรินแต่ของเฉินหลงมีการกระตุ้นเส้นลมปราณซึ่งในเทคนิคของฮั่วหมิงเหรินไม่มี
เมื่อครู่นี้เฉินหลงได้กลั่นยาบางส่วนมารักษาอาการหอบหืดจากในร่างกายของเขา พลังความแข็งแกร่งมาถึงระดับขอบเขตกำเนิดแล้ว ดังนั้นความเร็วในการกลั่นไอของยารักษาจึงเร็วขึ้นหลายเท่า เมื่อเข็มเงินเจาะผ่านทะลุไอของยาผ่านเข้าสู่ลำคอของผู้ป่วยและเริ่มชำระล้างกลุ่มเซลล์ที่ทำให้เกิดโรคหอบและการอักเสบเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ หลังจากนั้นเฉินหลงก็ได้แทงเข็มเพิ่มลงไปสองสามเล่มและจากนั้นก็หยุด
สิบนาทีผ่านไป เฉินหลงก็ถอนเข็มออกและพูดกับมิลเลอร์ว่า
“ผมได้ทำการรักษาโรคหอบหืดแล้ว ตอนนี้คุณสามารถเข้ามาทดสอบได้เลย” สำหรับไอของยาที่กลั่นออกมาจากเฉินหลงโดยตรงได้เข้าสู่เส้นลมปราณและได้กระจายหายไปในอากาศ
เมื่อเฉินหลงพูดจบ ไม่เพียงแต่มิสเตอร์มิลเลอร์ที่ตกตะลึง ฮั่วหมิงเหรินและรวมถึงคนอื่นๆก็พากันตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาคาดไม่ถึงว่ามันจะเร็วถึงเพียงนี้
ในไม่ช้า ผู้เชี่ยวชาญมิลเลอร์ก็กลับมาได้สติและได้เริ่มตรวจสอบผู้ป่วย
สุดท้ายเขาก็ได้ผลตรวจสอบจากผู้ป่วยและต้องตกใจกับผลที่ได้เพราะมันถูกรักษาแล้วจริงๆ
มันเป็นไปได้ยังไง? มิลเลอร์และคนอื่นพากันสับสน
เมื่อพวกเขาเห็นท่าทีของมิลเลอร์ก็พากันงงงวย ฮั่วหมิงเหรินกับหมอแพทย์แผนจีนอีกหลายทันก็ต่างรู้ว่าเฉินหลงนั้นสามารถผู้ป่วยโรคหอบหืดได้แล้ว ทันใดนั้นพวกเขาก็ส่งสายตาที่เป็นประกายไปหาเฉินหลง นี่คือการแพทย์แผนจีนที่กำลังผงาดในวงการแพทย์แผนจีนแห่งแผ่นดินจีนที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะไม่มีหมอแพทย์จีนคนไหนมองเฉินหลงไปในทางที่ดีมีเพียงฮั่วหมิงเหรินที่เชื่อในตัวเขาอยู่ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวางเฉินหลงในการเข้าไปกอบกู้ชื่อเสียงของการแพทย์แผนจีนในตอนนั้น ส่วนจงเหอที่อยู่ด้านล่างของเวทีก็ถึงกับงง
ภายในงานนี้เฉินหลงไม่ใช่คนที่ถูกเชิญมา เขาเป็นเพียงคนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยชุนอันแต่กลับสามารถรักษาโรคหอบหืดได้ มันช่างน่าตลก ตอนนี้ลู่เซียงถึงกับอุทานออกมาอย่างดีใจ
“เฉินหลง เยี่ยมไปเลย”
หลังจากที่เฉินหลงได้รักษาโรคมะเร็งของคุณปู่มา ลู่เซียงจึงมั่นใจในตัวเฉินหลงมาก แม้แต่โรคมะเร็งยังถูกรักษาให้หายได้ แล้วนับประสาอะไรกับโรคหอบหืด
เมื่อได้ยินเสียงของลู่เซียง เฉินหลิงก็ยิ้มให้เธอแล้วจากนั้นก็พูดกับมิลเลอร์ว่า
“เอ่อนี่ คุณผู้เชี่ยวชาญทุกท่านและเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดที่อยู่ที่นี่ พวกคุณทุกคนควรจะรู้แจ้งได้แล้วนะว่าโรคหอบหืดของชายคนนี้ถูกรักษาแล้ว” พูดจบเฉินหลงก็มองมิลเลอร์และพวกผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ยอมรับผลการตรวจสอบ
“เบื้องหน้าของพวกคุณคือผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ได้รับการรักษา แต่ไม่ว่าอาการจะกลับมากำเริบหรือไม่ก็ต้องคอยเฝ้าสังเกตอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง” มิลเลอร์พูดอย่างหมดหนทาง
“กลับมากำเริบหรอ ตอนนี้ฉันรู้สึกแหมือนคนปกติแล้ว ดังนั้นก็อย่ามาแช่งฉันซิ” มิลเลอร์เพิ่งพูดจบ ผู้ป่วยที่ได้ให้ความร่วมมือทำการทดสอบก็พูดโต้อย่างใจร้อนออกมาทันทีและหันไปพูดกับเฉินหลงอย่างสุดซึ้งว่า
“คุณหมอ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหมอ ผมคงต้องติดแง็กกับโรคนี้ไปตลอดชีวิตแน่ ขอบคุณ ขอบคุณครับและก็ขอบคุณการแพทย์ที่สุดยอดของราชวงศ์จีนที่ยิ่งใหญ่นี้”
“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนเป็นหมอต้องรักษาโรค” เฉินหลงพยักหน้าให้กับชายคนนั้น
จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินลงเวทีไปอย่างมีความสุข
“ถ้าคุณไม่กล้าที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ คุณเพียงแค่มองไปที่ผู้ป่วยสิ คุณไม่แม้แต่จะกล้าเผชิญหน้ากับตัวเองด้วยซ้ำ”เฉินหลงพูดกับมิลเลอร์
คำพูดของเฉินหลงทำให้หน้าของมิลเลอร์ตอนนี้ถึงกับหน้างอ มิลเลอร์ก็เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้เขาโดนเด็กหนุ่มตรงหน้าวิจารณ์ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาเข้าใจถึงความหมายของชายสูงส่งคนนั้นที่พูดถึง ตอนนี้เขาต้องการที่จะหาทางออกจริงๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการลบล้าง แต่เขาก็ไม่มีวิธีพิสูจน์ว่าคนที่เป็นโรคหอบหืดจริงๆจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ ในเวลานี้ได้มีชายคนหนึ่งได้ออกมาพูดช่วยเขา
“หนุ่มสาวทั้งหลาย ทักษะทางการแพทย์นั้นกว้างขวางและลึกซึ้ง มันใช่การรักษาโรคที่ต้องนำใครมาเปรียบเทียบกัน มิสเตอร์มิลเลอร์ไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนของการแพทย์แผนปัจจุบัน ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านั้นถือว่าไม่นับ” คนที่พูดเป็นชายวัย 50 ที่ดูออกจะมอมแมมเล็กน้อย เขาเป็นชายชาวญี่ปุ่นที่พูดจีนแข็งจนไม่ต้องพึ่งล่าม
“มิสเตอร์ซาโนะ คุณจะไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอ ตอนที่มิสเตอร์มิลเลอร์พูดดูถูกการแพทย์แผนจีน ตอนนั้นคุณก็ไม่ได้ออกมาพูดนิ ตอนนี้เราแค่ต้องการให้ทำในสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านั้น แต่คุณกลับก้าวออกมาพูดคำเหล่านี้ ดูเหมือนว่าคุณก็เป็นตัวแทนของแพทย์แผนปัจจุบันสินะ” เมื่อเห็นมารตัวน้อยกระโดดออกมาสู้ ฮั่วหมิงเหรินก็ไม่มีทางปล่อยให้เฉินหลงถูกรังแก
เจ้ามารตัวน้อยนี้เป็นน้องชายที่แสนจะถักดีต่อฝั่งสหรัฐ ทั้งสองประเทศนี้สมรู้ร่วคิดกันซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี เมื่อเขาถูกยับยั้งเมื่อครู่ เขาจึงช่วยอะไรฝั่งนั้นไม่ได้แล้ว ตอนนี้ฝั่งจีนถือไพ่เหนือกว่า ดังนั้นฮั่วหมิงเหรินจะไม่ยอมพวกเขาแล้ว
“ผมไม่ได้พูดว่าเป็นตัวแทนของการแพทย์แผนปัจจุบัน ผมแค่กำลังพูดถึงเรื่องๆนี้” ซาโนะ กังฟูสนับสนุนคำพูดของฮั่วหมิงเหรินและจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“ตราบใดเรื่องนี้ก็ยังคงเกี่ยวข้อง กล่าวคือคุณสามารถพูดดูถูกการแพทย์แผนจีนได้ แต่ก็ต้องให้เราตอบโต้กลับได้ด้วยสิ” ฮั่วหมิงเหรินพูดกดดันต่อ