EG บทที่ 750 สวัสดี บิล

 

วันนี้เป็นครั้งแรกที่เฝิงหยู่ได้เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของไมโครซอฟท์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน แต่เนื่องจากไมโครซอฟท์เลยทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้กลายเป็นที่โด่งดังไปด้วย!

 

เฝิงหยู่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ทั้งในชาตินี้และชาติที่แล้วของเขา

 

ไมโครซอฟท์แบ่งที่ดินของพวกเขาออกเป็นหลายส่วน มีอาคารสำนักงาน 3 ถึง 4 ชั้นและสำนักงานของ บิล เกตส์ ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารเลขที่ 34

 

เฝิงหยู่โทรหาบิล เกตส์ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ และบิล เกตส์ก็รอเฝิงหยู่อยู่ ในเดือนกรกฎาคมนี้ นิตยสารฟอบส์ (Forbes) ประกาศอันดับมหาเศรษฐีของโลกและเปิดเผยหุ้นของบิล เกตส์ ในไมโครซอฟท์ เขาเป็นเจ้าของหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนมากกว่า 60% ของไมโครซอฟท์!

 

หลายคนรู้สึกว่าไมโครซอฟท์จะดำเนินกิจการไปได้ด้วยดีเลยซื้อหุ้นเอาไว้ แต่มีเพื่อนเพียงคนเดียวของบิล เกตส์ที่ไม่ได้ซื้อหุ้นไมโครซอฟท์สักหุ้นเดียว เพื่อนของเขาคนนี้เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีชั้นนำของโลกด้วย ซึ่งก็คือวอร์เรน บัฟเฟตต์

 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ชอบหุ้นที่เกี่ยวข้องกับวงการเทคโนโลยี  เขาเชื่อว่าไมโครซอฟท์ จะสามารถทำกำไรได้สูงในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่เขาไม่คุ้นเคยกับธุรกิจนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่ลงทุน อีกเหตุผลก็คือแม้ว่าเขาจะซื้อหุ้นไมโครซอฟท์ แต่บิล เกตส์ก็ไม่ยอมให้บัฟเฟตต์เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัท เขากังวลว่าบัฟเฟตต์จะเข้าควบคุมบริษัท ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับบริษัททั้งหมดที่บัฟเฟตต์เข้าลงทุน

 

ในช่วงเวลานี้ นักธุรกิจร่ำรวยลึกลับรายหนึ่งได้เข้าซื้อหุ้นของไมโครซอฟท์ นักธุรกิจร่ำรวยลึกลับรายนี้ได้จ่ายเงินมากกว่ามูลค่าตลาดสำหรับหุ้นนี้และทำให้บิลเกตส์รู้สึกสนใจในตัวบุคคลนี้ขึ้นมา

 

บิล เกตส์ ค้นพบว่าเงินที่ซื้อหุ้นบริษัทของเขานั้นมาจากฮ่องกง เมื่อกลางปีที่แล้ว บิล เกตส์ พบกับ เฝิงหยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ นับตั้งแต่การเจอกันครั้งนั้น เขาก็สนใจชายหนุ่มชาวจีนคนนี้มาโดยตลอด

 

สิ่งที่ทำให้บิล เกตส์ ให้ความสนใจกับนักธุรกิจร่ำรวยชาวจีนรุ่นใหม่คนนี้ก็คือหุ้นของเขาในบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ไมโครซอฟท์สามารถเข้าสู่ตลาดจีนและยึดส่วนแบ่งการตลาดได้

 

ในระหว่างการพบปะไม่นานครั้งนั้น พวกเขาได้พูดคุยกันซักพักหนึ่งและไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกิดขึเน จนกระทั่งปลายปีที่แล้ว นักธุรกิจร่ำรวยชาวจีนรายนี้เริ่มขายหุ้นไมโครซอฟท์ของเขาบางส่วนและบิล เกตส์ ก็ตกใจมาก

 

บิล เกตส์ คิดว่าเป็นเพราะตัวเขาที่ไม่ได้ให้คำตอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือกับพวกเขาแก่เฝิงหยู่ และ เฝิงหยู่ก็คงโกรธหรือไม่ก็เฝิงหยู่เจอคู่ค้ารายใหม่อย่างแอปเปิ้ลหรือไอบีเอ็ม ถ้าเฝิงหยู่ร่วมมือกับบริษัทพวกนั้นและผูกขาดตลาดจีน ไมโครซอฟท์จะสูญเสียผลกำไรมากมาย

 

ไมโครซอฟท์ได้วิเคราะห์ตลาดจีนแล้ว จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของจีน จำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นทันทีภายใน 5 ปีข้างหน้า หากคอมพิวเตอร์ทั้งหมดใช้ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ ผลกำไรจะมหาศาล ซึ่งอาจจะสูงกว่าอเมริกาเหนือทั้งหมด เพราะจำนวนประชากรของประเทศจีนสูงมาก

 

บิล เกตส์ ได้ติดต่อกับเฝิงหยู่ในเวลานั้นและ เฝิงหยู่อธิบายว่าเขาต้องการเงินสด เขาจะซื้อคืนหุ้น ไมโครซอฟท์ เฝิงหยู่บอกเขาว่าเขายังสนใจไมโครซอฟท์อยู่

 

ตั้งแต่เดือนมีนาคม เฝิงหยู่เริ่มซื้อหุ้นไมโครซอฟท์อีกครั้งและเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 13% เป็น 15%

 

แต่เฝิงหยู่ยังคงทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจและไม่เปิดเผยตัวตนของเขา สื่อจำนวนมากสนใจอยากรู้ว่าใครคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามของไมโครซอฟท์ แต่พวกเขาก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเฝิงหยู่เลย

 

วันนี้ นักธุรกิจร่ำรวยลึกลับรายนี้กำลังจะไปหาบิล เกตส์

 

มีคนพูดว่าบิล เกตส์ ชอบความเป็นอิสระและนี่คือเหตุผลที่เขากำหนดให้วิศวกรของเขามีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นอิสระและสะดวกสบาย

 

บางคนบอกว่าบิล เกตส์เป็นคนโลภ ตอนที่ไมโครซอฟท์เพิ่งเริ่มประกอบการ พอล อัลเลนสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือมากกว่าบิล เกตส์ แต่เนื่องจากพอล อัลเลนไม่มีครอบครัว และครอบครัวของบิล เกตส์ก็รวยกว่า จึงทำให้บิล เกตส์สามารถรับหุ้นของบริษัทได้ 60% และพอล อัลเลนได้รับเพียง 40%

 

บ้างก็มีข่าวลือว่าบิล เกตส์เป็นคนอารมณ์เสียง่าย เขาคอยตะคอกใส่โปรแกรมเมอร์ว่า “ความคิดที่โง่ที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา!”

 

บางคนอ้างว่าบิล เกตส์ เป็นคนหลงตัวเอง เขาเคยยกย่องและชมตัวเองต่อหน้าคนอื่นมากกว่าหนึ่งครั้งและเขาไม่ยอมให้คนอื่นมาสงสัยหรือสอบถามการตัดสินใจของเขาเลย!

 

แต่ข่าวลือทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าบิล เกตส์ เป็นอัจฉริยะได้!

 

สำหรับเฝิงหยู่นั้น เขาเคารพในตัวบิล เกตส์มาก หากไม่มีบิล เกตส์ ก็คงจะไม่มีไมโครซอฟท์ และถ้าไม่มีเขา คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก็คงจะไม่พัฒนาเร็วมากขนาดนี้!

 

เฝิงหยู่ประหลาดใจเมื่อเขาเดินเข้าไปในสำนักงานของบิล เกตส์ สำนักงานแห่งนี้เล็กกว่าที่เขาคิดไว้มาก ซึ่งเป็นขนาดของพนักงานฝ่ายบริหารอื่นๆ และไม่เหมือนกับที่เฝิงหยู่คาดหวัง เฝิงหยู่คิดว่าบิล เกตส์จะมีพื้นที่ทำงานกว้างขวางเป็นพิเศษและครอบครองทั่วทั้งชั้นของอาคาร

 

การจัดตั้งสำนักงานแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นสำนักงานของโปรแกรมเมอร์ทั่วไป ดูเหมือนว่าบิล เกตส์ ไม่ได้โกหกเรื่องที่เขาเป็นหัวหน้าวิศวกรซอฟต์แวร์ จนถึงทุกวันนี้บิล เกตส์ ยังคงมีส่วนร่วมในการพัฒนาและทดสอบซอฟต์แวร์ของตัวเอง

 

“คุณเฝิงครับ ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง” บิล เกตส์ ยื่นมือขวาออกมาจับทักทาย

 

“สวัสดีครับ คุณบิล” เฝิงหยู่ยิ้มและจับมือทักทาย แต่บิล เกตส์ดึงเขามากอด

 

“คุณเฝิงครับ คุณคิดยังไงเกี่ยวกับไมโครซอฟท์?” บิล เกตส์ถาม

 

เฝิงหยู่ยิ้ม “ก็ดีนะครับ ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย ไม่งั้น ผมคงไม่เข้าซื้อหุ้นของไมโครซอฟท์หรอกครับ ดูเหมือนว่าผมจะคิดไม่ผิดเพราะราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเร็วๆ นี้”

 

“ฮ่าๆๆๆ คุณเฝิงตัดสินใจถูกแล้วครับที่เลือกถือหุ้นไมโครซอฟท์ของเรา” บิลล์ เกตส์ พูดอย่างภาคภูมิใจ

 

“โอ้ ผมลืมแสดงความยินดีกับคุณไปเลย บุคคลที่รวยที่สุดในโลก”

 

บิลล์ เกตส์ยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นคนที่รวยที่สุดในโลกและเขามีอายุเพียงแค่ 40 ปี นี่คือสิ่งที่เขาน่าจะภูมิใจเป็นอย่างมาก

 

แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมีอายุเพียงแค่วัยยี่สิบต้นๆ ถ้าเขาประกาศสินทรัพย์ทั้งหมดของเขา มันจะน่าตกใจมาก แค่หุ้นของไมโครซอฟท์ที่เขาถืออยู่นั้นก็มีมากเกินพอที่จะทำให้เขามีรายชื่อติดอยู่ในการจัดอันดับของนิตยสารฟอบส์แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับชายหนุ่มคนนี้ บิล เกตส์ รู้สึกว่าความสำเร็จของเขาแทบเทียบไม่ได้เลย

 

“คุณเฝิงครับ ผมอยากรู้มากว่าทำไมคุณถึงปฏิเสธการสัมภาษณ์ทั้งหมด คุณไม่ทราบถึงประโยชน์จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อหรอครับ? ผมคิดว่าถ้าคุณเต็มใจที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชน สตีฟคงจะดีใจมาก”

 

สตีฟที่บิล เกตส์พูดถึงนี้คือสตีฟ ฟอบส์ ซีอีโอและหัวหน้าบรรณาธิการของฟอบส์ แน่นอนว่าเขายังเป็นเพื่อนสนิทของบิล เกตส์ด้วย

 

เฝิงหยู่หัวเราะและส่ายหน้า “ผมไม่ชอบอยู่ทำตัวให้เป็นที่สนใจครับ”

 

“โอ้ น่าเสียดายนะครับ บางทีคนจีนอาจจะชอบทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจมากกว่า” บิล เกตส์ยักไหล่ “เอ๊ะ แล้วที่คุณบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ไมโครซอฟท์จะเข้าสู่ตลาดจีนตอนนี้? มันเป็นเรื่องจริงหรอครับ?”