ตอนที่ 109-1 สะกดรอยตามข้า? ช่างอาจหาญนัก!

จำนนรักชายาตัวร้าย

“อ๋องแห่งต้าโจว จอมเทวา ซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งก็คือจุดหมายที่เจ้ามาในครั้งนี้”

 

 

คนผู้หนึ่งเดินมาจากด้านหลังของอูลู่ลู่แล้วกล่าวให้นางได้รับรู้

 

 

“ท่านราชครู ท่านเคยพบซย่าโหวฉิงเทียนมาก่อนหรือไม่”

 

 

“เหตุใดท่านจึงได้แน่ใจนักว่าคนในรถม้าคือเขา”

 

 

อูลู่ลู่เคารพราชครูคนใหม่ที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งยิ่งนัก

 

 

ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกเสียจากว่า ราชครูผู้นี้คือราชาโอสถ ทั่วทั้งแผ่นดินมีเขาเป็นราชาโอสถเพียงคนเดียว ยิ่งมิต้องกล่าวถึงเรื่องที่ข้างกายเขายังมียอดฝีมือวรยุทธ์ลึกล้ำยากจะคาดเดาอยู่อีกสองคน

 

 

ก่อนที่อูลู่ลู่จะออกเดินทางมานั้น เสด็จพ่อของนางอูเค่อตงกำชับนักกำชับหนาว่า หากเจอเรื่องอะไรจะต้องปรึกษาหารือกับท่านราชครูก่อน ห้ามบุ่มบ่ามกระทำใดๆ ก่อนเด็ดขาด

 

 

เห็นราชครูรู้จักซย่าโหวฉิงเทียนดีถึงเพียงนี้ ทำให้อูลู่ลู่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

 

 

“ข้าอ่านข้อมูลทุกอย่างที่เสด็จพ่อของพระองค์ส่งมาให้! สุนัขตัวเมื่อครู่เหมือนกับที่ข้อมูลบรรยายเอาไว้ทุกประการ”

 

 

ตี้อู่เฉินมองดูศพที่นอนตายเกลื่อนกลาด ก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมา

 

 

ระหว่างทางที่เดินทางมายังแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้ เขาและเฉินฉู่เฉินเจินสามคนแวะพักที่แคว้นเสวี่ย

 

 

พวกเขาสืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่เมื่อสองสามเดือนก่อน จึงทำให้ตี้อู่เฉินแน่ใจว่าเยี่ยหงที่เคยปรากฏตัวบนแคว้นฉินจื้อนั้น คือตี้อู่หงเยี่ย

 

 

เพียงแต่ว่าตี้อู่หงเยี่ยหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนหน้าจะประลองวิชาแพทย์กับอวี้หลัวช่า สุดท้ายยังมีข่าวลือว่านางเป็นพวกหลอกลวงทำให้ตี้อู่เฉินเพ่งเล็งความสงสัยไปที่อวี้หลัวช่า

 

 

ในวันที่อวี้หลัวช่าเดินทางมาถึงฉินจื้อนั้นได้เกิดความขัดแย้งกับตี้อู่หงเยี่ย หลังจากนั้นตี้อู่หงเยี่ยก็หายสาบสูญไป มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นอวี้หลัวช่าเป็นทั้งจักรพรรดิยาและปรมาจารย์ นั่นยิ่งดึงดูดความสนใจของตี้อู่เฉินเข้าไปใหญ่

 

 

จากข่าวที่สืบได้มา อวี้หลัวช่าเป็นเพียงสาวน้อยอายุสิบกว่าปีที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะเท่านั้น

 

 

สาวน้อยคนหนึ่งที่ใช้ความสามารถของตนก็ประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้

 

 

ตี้อู่เฉินแสดงท่าทางว่าตนเองไม่เชื่อเรื่องนี้แม้แต่น้อย!

 

 

แผ่นดินที่ยากจนข้นแค้นต่ำต้อยเช่นหลัวอวี่จะปรากฏผู้ที่มีพรสวรรค์มากถึงเพียงนี้ หากพูดออกไปรังแต่จะทำให้คนหัวเราะจนฟันร่วง!

 

 

คนที่นี่ล้วนแต่เป็นพวกชั้นต่ำทั้งสิ้น!

 

 

พวกเขามียาวิเศษประจำตระกูล หรือมีสุดยอดเคล็ดวิชาประจำตระกูล หรือมีสายเลือดสูงส่ง

 

 

ไม่หรอก!

 

 

ไม่มีทางเป็นไปได้!

 

 

อวี้หลัวช่าประความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ นอกเสียจากว่านางมีเส้นสายคอยหนุนอยู่เบื้องหลังหรือว่านางได้พบกับสมบัติวิเศษเข้า!

 

 

หากมีเส้นสายตี้อู่เฉินหาได้หวาดกลัวไม่!

 

 

ชนชั้นที่สูงที่สุดในแผ่นดินหลัวอวี่อย่างเก่งก็แค่ราชนิกุล ซึ่งในสายตาเขาแล้วคนพวกนี้ไม่ได้สูงส่งเลยแม้แต่น้อย

 

 

สองสามวันมานี้ตี้อู่เฉินได้ทำความเข้าใจราชนิกุลสองสามคนบนแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้มาแล้ว

 

 

ในบรรดาราชนิกุลบนแผ่นดินแห่งนี้มีพวกเหยาะแหยะไม่เอาไหนอยู่มากมาย

 

 

ผู้ที่มีทั้งสายเลือดราชนิกุล และในด้านของวรยุทธ์ก็นับว่าไม่เลวมีเพียงสองคน คนหนึ่งคือซย่าโหวฉิงเทียน อีกคนคือเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

ในเมื่อไม่มีสิ่งใดมายืนยันว่าฐานะของอวี้เฟยเยียนสูงส่งหรือไม่ เช่นนั้นก็มีเพียงข้อสันนิษฐานเดียว

 

 

นั่นคือนางพบกับสมบัติวิเศษเข้า

 

 

ในประวัติศาสตร์มีจารึกเอาไว้เกี่ยวกับคนชั้นสูงเหล่านั้น จึงเป็นไปได้มากว่านางพบสมบัติวิเศษเข้าถึงได้ก้าวขึ้นมาเก่งกาจอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

 

 

ปรมาจารย์ที่พ่วงตำแหน่งจักรพรรดิยาด้วยอายุเพียงสิบกว่าปี ผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้หากอยู่ที่เมืองอู๋โยวก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่นี่นางกลับปรากฏตัวบนแผ่นดินหลัวอวี่ เรื่องนี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน!

 

 

อวี้หลัวช่าก็เพิ่งจะมามีชื่อเสียงขึ้นเมื่อสองปีก่อนหน้านี้นี่เอง อีกทั้งการสำเร็จขั้นของนางก็ยังรวดเร็วอีกด้วย

 

 

ตี้อู่เฉินจึงมั่นใจว่า นางจะต้องพบกับสมบัติวิเศษเข้าอย่างแน่นอน

 

 

หากเป็นเช่นนั้นจริง…

 

 

เขามายังแผ่นดินหลัวอวี่ในครั้งนี้นับเป็นประโยชน์ครั้งใหญ่ทีเดียว!

 

 

หากว่านางได้ดื่มกินยาวิเศษใดๆ เข้าไปละก็ เลือดของนางก็จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่งยวดอย่างแน่นอน!

 

 

หากต้องการจะพิสูจน์เรื่องนี้ อันดับแรกจะต้องตามหาอวี้เฟยเยียนให้เจอเสียก่อน

 

 

ข่าวที่ว่าเมื่อครั้งที่อยู่แคว้นฉินจื้อ อวี้หลัวช่าและซย่าโหวฉิงเทียนเป็นคนรักกันนั้นเล่าลือไปทั่ว ดังนั้นตี้อู่เฉินจึงคิดว่าหากต้องการตามหาอวี้หลัวช่าให้เจอจะต้องตามหาซย่าโหวฉิงเทียนให้ได้เสียก่อน

 

 

หลังจากมั่นใจในเป้าหมายแล้ว ตี้อู่เฉินจึงปลอมตัวเป็นราชครูแห่งแคว้นเสวี่ย ใช้โอกาสที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเสวี่ยต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าโจวในครั้งนี้เดินทางมายังแผ่นดินต้าโจว

 

 

ข้อมูลที่ได้มาบ่งบอกชัดเจน บุคคลที่ตี้อู่หงเยี่ยล่วงเกินมีเพียงซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่า

 

 

ดังนั้นความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเป็นฆาตกรจึงมีสูงมาก!

 

 

เมื่อครู่ตี้อู่เฉิน เฉินฉู่และเฉินเจินแฝงตัวอยู่ในคณะทูตแต่มิได้ลงมือ ใครจะคาดคิดว่าสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่ข้างกายซย่าโหวฉิงเทียนจะมีพลังทำลายล้างมากมายถึงเพียงนี้

 

 

ทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอันมาก

 

 

ลูกหลานตระกูลทั้งแปดแห่งอู๋โยวก็ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงลักษณะนี้เช่นกัน แม้กระทั่งสัตว์ป่าดุร้ายจำพวกเสือหรือเสือดาว แต่ตี้อู่เฉินเห็นว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นไม่มีตัวไหนที่จะเทียบเคียงสุนัขตัวเมื่อครู่ได้เลย

 

 

มันเป็นสุนัขแต่ศีรษะใหญ่กว่าเสือ ดุร้ายกว่าสัตว์ป่าเป็นไหนๆ

 

 

ดูจากเหตุการณ์ที่สุนัขสีดำตัวใหญ่กินคนเมื่อครู่นี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำกระทำ

 

 

ซึ่งเจ้านายของมันจะต้องใช้มนุษย์เป็นๆ ป้อนให้มันกินเป็นประจำ มันถึงได้กระทำได้เป็นปกติวิสัยเช่นนี้

 

 

ใช้มนุษย์เป็นๆ ป้อนเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยง เหล่าลูกหลานแห่งตระกูลทั้งแปดที่อู่โยวก็กระทำเหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาจะดุร้ายเฉกเช่นสุนัขตัวนี้มาก่อน!

 

 

พลังทำลายของเจ้าสุนัขตัวนี้มากกว่าจอมยุทธ์ผู้สำเร็จขั้นอ๋องด้วยซ้ำไป!

 

 

พริบตาเดียวก็สามารถสังหารทหารได้กว่ายี่สิบคน ได้ครอบครองเป็นเจ้าของสัตว์ที่ดุร้ายเก่งกาจเพียงนี้ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง!

 

 

มองตามรถม้าที่แล่นผ่านหน้าไป ตี้อู่เฉินก็ส่งสายตาให้กับเฉินเจิน

 

 

ทันใดนั้น เฉินเจินก็หายออกไปจากกลุ่มคณะทูตทันที

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ในรถม้า ไม่แน่ว่าอวี้หลัวช่าอาจจะอยู่ด้วยก็เป็นได้

 

 

ให้เฉินเจินไปสืบเสียหน่อยก็แล้วกัน!

 

 

ต้องรู้ให้ได้เสียก่อนว่าอวี้หลัวช่ามีสมบัติวิเศษอะไรอยู่ในมือ เขาจึงจะดำเนินการแผนขั้นต่อไป

 

 

“ท่านราชครู ซย่าโหวฉิงเทียนปล่อยปละละเลยให้สุนัขของตนกระทำการโหดเ**้ยม สังหารคนของเราไปตั้งมากมาย หรือว่าท่านจะปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ”

 

 

มองดูรถม้าของตนเองถูกทำลายจนย่อยยับ ทหารผู้ติดตามก็บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทำให้อูลู่ลู่เจ็บแค้นเป็นอย่างมาก นางได้จดจำซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ในบัญชีแค้นของตนเอง

 

 

หลินเจียงอ๋องผู้นี้ยโสโอหังเกินไปแล้ว!

 

 

ถึงกับกล้าลั่นวาจาว่าชีวิตของนางที่เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยด้อยค่ากว่าชีวิตประชาชน นี่มันเป็นความคิดนอกรีตบ้าบออะไรกัน!

 

 

เมื่อครู่เขายังกล้าเอ่ยวาจายโสโอหังข่มขู่ว่าจะฆ่านาง เขากล้า!

 

 

นางเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีของสองแคว้น หากเขาฆ่านาง มิกลัวว่าแคว้นเสวี่ยจะมาคิดบัญชีหรอกหรือ!

 

 

ในสายตาของอูลู่ลู่ หน้าตาและเกียรติยศสำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด!

 

 

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนจะไพเราะน่าฟัง แต่เขาทำให้นางอับอายขายหน้าตั้งแต่วันที่เดินทางถึงเมืองหลวง

 

 

แค้นนี้ นางจะจดจำไว้!