ผู้สืบทอด โดย Ink Stone_Fantasy

“ฝ่าบาท…ฝ่าบาท ขอทรงไตร่ตรองก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ยังไม่ทันที่จะได้ไปปรึกษาคนอื่น เสียงร้องละล่ำละลักของหัวหน้าสำนักงานเมืองก็ดังขึ้นที่นอกประตู

กระทั่งตอนที่บารอฟยืนหอบหายใจอยู่หน้าโต๊ะทำงาน โรแลนด์จึงวางแก้วชาในมือลงด้วยสีหน้าใจเย็น “ไตร่ตรองเรื่องอะไร? พิธีราชาภิเษกเหรอ?”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหมายถึง…เรื่องที่พระองค์จะทรงประกาศไปทั่วอาณาจักร เรื่องที่จะทรงอภิเษกกับแม่มดน่ะพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักงานเมืองเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหัว ส่วนสายตาก็แอบเหลือบมองไปทางด้านหลังจากโรแลนด์ “เรื่องนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

หลังจากแจ้งเรื่องนี้ไปทางสำนักงานเมืองแล้ว โรแลนด์ก็รู้ว่าข่าวนี้จะต้องสร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อยแน่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ถ้าอยากจะกำจัดอุปสรรคออกไป พวกแรกที่ต้องจัดการก็คือสำนักงานเมือง

เขาไม่ได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากเดินแห่งปีศาจสิ้นสุดลง เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะกลับไปโจมตีฐานที่มั่นของพวกปีศาจตรงซากเมืองทาคิลาอีกครั้ง อีกทั้งยังมีการเพาะปลูก แผนการก่อสร้างใหม่และเรื่องการค้าอีก เรียกได้ว่าทั่วทั้งเกรย์คาสเซิลจะยุ่งตลอดทั้งปี ถ้าจัดพิธีราชาภิเษกตามปกติ ตั้งแต่เรื่องเชิญแขกไปจนถึงงานพิธี

จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน ถ้ารวมงานแต่งงานเข้าไปด้วยก็จะนานกว่านั้น นี่เท่ากับเป็นการถ่วงเรื่องการผลิตของอาณาจักรเอาไว้ ถ้าเป็นเวลาปกติก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไร

แต่ฤดูหนาวในปีนี้มีความสงบอย่างมาก การจัดงานจะช่วยสร้างชีวิตชีวาให้กับประชาชน อีกทั้งยังช่วยกำจัดปัญหาความขัดแย้งภายในอาณาจักรด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือโรแลนด์อยากจะทำคำสัญญานี้ให้กลายเป็นจริงเร็วๆ

แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นราชาผู้กุมอำนาจ เขาสามารถทำให้คำสัญญากลายเป็นจริงได้ด้วยอำนาจของตัวเอง ในประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งที่ไร้สาระหรือคำขอที่ดูน่าเหลือเชื่อก็ล้วนแต่กลายเป็นจริงได้ด้วยความปรารถนาของผู้ปกครอง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่เขาจะทำนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงอะไร เพียงแต่ในเมื่อเขาเป็นคนสร้างกรอบการทำงานของสำนักงานเมืองขึ้นมา หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากฉีกมันทิ้งด้วยมือของตัวเอง

การใช้อำนาจภายในกฎเกณฑ์นั้นได้ผลดีกว่าการใช้อำนาจตามอำเภอใจ

“เหตุผลล่ะ?” โรแลนด์เคาะโต๊ะ จงใจถามคำถามนี้ออกไป

“ก็ย่อมต้องเป็นเรื่องผู้สืบทอดพ่ะย่ะค่ะ..” บารอฟรีบพูด “แม่มดไม่สามารถให้กำเนิดได้ เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดี โดยเฉพาะในช่วงที่สงครามใหญ่กำลังมาถึงเช่นนี้ หากพระองค์ทรงเป็นอะไรไป พวกขุนนางอื่นๆ ก็จะก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีก ประชาชนเองก็ไม่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” เขากลืนน้ำลาย “ถ้าพระองค์ทรงต้องการเพียงแค่ได้อยู่กับเลดี้อันนา ความจริงพระองค์ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ? ความหมายของเจ้าคือ…”

“พระองค์เพียงแค่อภิเษกกับลูกสาวคนนางซักคนก็พอพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักงานเมืองพูดแผนการออกมา “นางสามารถใช้ปิดปากชาวบ้านได้ แล้วก็ให้นางโผล่หน้าออกมาในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนหลังจากนั้นพระองค์จะทำยังไงกับนางก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้แล้วพระองค์จะทรงทำในเรื่องที่พระองค์อยากทำได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างนั้นอันนาก็ไม่สามารถเป็นราชินีได้?” จู่ๆ ไนติงเกลก็พูดแทรกขึ้นมา “แค่เพียงเพราะว่านางเป็นแม่มดอย่างนั้นเหรอ?”

“กระหม่อมคิดว่าเลดี้อันนาคงไม่สนใจสิ่งที่เป็นเปลือกนอกพวกนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟพูดงึมงำ “นี่ก็เพื่อความมั่นคงของอาณาจักร หากฝ่าบาทคิดว่าพระองค์ไม่อาจตรัสเช่นนั้นได้ กระหม่อมสามารถพูดแทนพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าไม่ใช่นาง จะไปรู้ได้ยังไงว่านางสนใจหรือเปล่า? เรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกแบบนี้ ข้ากล้าพนันเลยว่านางไม่อยากเห็นใครต้องมาเป็นหุ่นเชิดให้นางแน่นอน!”

“แต่นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึก หากแต่เป็นเรื่อง…”

“พอได้แล้ว” โรแลนด์ยกมือขึ้นมา “พูดไปพูดมา ขอเพียงหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมมาซักคนก็พอใช่ไหม?”

“ผู้สืบ…ทอด?” บารอฟงุนงง

“หรือว่าไม่ใช่?” เขาแสดงทำเป็นพูดอย่างสบายๆ ว่า “หลังเอาชนะพระสังฆราชของศาสนจักรได้ ข้าก็ได้รับอายุขัยทั้งหมดของนางมา ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการให้ใครมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของข้า และนี่ก็เป็นเหตุผลที่จากตัดสินจะแต่งงานกับอันนา เสียดายที่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ นั่นรวมไปถึงเจ้าด้วย สำหรับประชาชนที่ไม่เข้าใจเรื่องพลังเวทมนตร์แล้ว หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เกรงว่าพวกเขาคงยากที่จะเชื่อเรื่องนี้ได้ และก็ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องหาใครซักคนมาเป็นหลักให้พวกเขาฝากความหวังเอาไว้ หรือก็คือผู้สืบทอดนั่นแหละ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจ ข้าพูดถูกไหม?”

หลังทำศึกกับศาสนจักรที่สันเขาโคลด์วินด์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานเมืองจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ว่าเขาได้เอาชนะในสงครามแห่งวิญญาณมา ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง ผู้แพ้สูญเสียทุกสิ่ง ถึงแม้ฟังดูแล้วจะน่าเหลือเชื่ออย่างมาก แต่การปรากฏตัวของแม่มดโบราณและการเคลื่อนย้ายวิญญาณได้ทำให้เรื่องที่เขาได้รับอายุขัยมามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และหลังจากที่เขาใช้เหตุผลนี้พูดกล่อมพาซาร์ในการประชุมของกองทัพพันธมิตร ทุกคนก็ยอมรับคำพูดนี้ไปโดยปริยาย

“ใช่ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหมายความเช่นนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังก้าวเข้าไปในหลุมพรางทีละน้อยๆ “ขอเพียงมีผู้สืบทอดแต่ในนามขึ้นมาซักคน เสียงคัดค้านในอภิเษกก็จะหายไปพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างนั้นข้ามีวิธีหนึ่งที่ง่ายกว่าของเจ้า” โรแลนด์ยักไหล่ “ตอนที่บุกเข้าไปโจมตีเฮอร์มีสเมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้บังเอิญเจอกับคนรักของกูลอน วิมเบิลดัน และสาวในร้านเหล้าผู้นี้ก็ตั้งท้องสายเลือดของเขาอยู่”

“พระองค์…ว่าอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?” หัวหน้าสำนักงานเมืองตาโตขึ้นมาทันที “พระองค์ทรงแน่ใจว่าเด็กคนนั้นคือสายเลือดของ…”

“อือ ผมกับดวงตาเป็นสีเทา” เขาพยักหน้า

“ทำไม ทำไมตอนนั้นพระองค์ทรงไม่บอกกระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

“ถ้าเจ้ารู้ สองแม่ลูกนั่นจะอยู่มาได้ถึงตอนนี้หรือเปล่าล่ะ” โรแลนด์หยิบแก้วชาขึ้นมาจิบ “ว่าไง ผู้สืบทอดที่มีตัวตน สะดวกกว่าวิธีของเจ้าหรือเปล่าล่ะ?”

ผู้สืบทอดที่ไม่มีวันจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆ ด้วย แล้วก็ยังสามารถถูกแทนที่ได้ทุกเมื่อ….เมื่อเห็นสายตาหลุกหลิกไปมาของบารอฟ โรแลนด์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่แน่ แถมเขายังไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่ประกาศต่อประชาชนว่ามีคนๆ นี้อยู่ จากนั้นก็เรียกเขากลับมาที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็พอ

ส่วนที่เหลือ ประชาชนก็จะพูดคุยและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปเอง

‘ถ้าแม่เป็นหญิงในร้านเหล้า เด็กนี่ก็ถือเป็นแค่ลูกนอกสมรสเท่านั้น ต้องสร้างสถานะที่สูงกว่านี้ให้เขา ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเสียงคัดค้านขึ้นแน่ นอกจากนี้ต้องคอยดูสาวใช้คนนี้ให้ดี เทียบกับขุนนางแล้ว นางควบคุมได้ง่ายกว่ามาก…” บารอฟคิดคำนวนขึ้นมาในใจทันที

โรแลนด์ยิ้มมุมปากขึ้นมา เขานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่เขาเพิ่งจะกลายเป็นเจ้าชายลำดับที่สี่ของตระกูลวิมเบิลดัน ทว่าในตอนนั้นเขาจำเป็นต้องพูดอยู่นานกว่าจะดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาอยู่ในจังหวะความคิดของตัวเองได้ แต่ตอนนี้เขาเพียงแค่พูดไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ตกหลุมพรางตัวเองแล้ว ขอเพียงออกมาจากปากเขา ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยว่ามันเป็นจริงหรือไม่ แม้แต่เรื่องที่เขาเป็นอมตะก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

“เจ้าไปเตรียมแผนเถอะ แล้วก็ยังมีเรื่องพิธีราชาภิเษกด้วย เสร็จแล้วเอามาให้ข้าดู” เขาโบกมือเพื่อบอกให้อีกฝ่ายออกไปได้แล้ว

หลังบารอฟออกไป โรแลนด์จึงถอนหายใจออกมา “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะช่วยทวงความเป็นธรรมให้อันนา”

“ขออภัยเพคะ หม่อมฉัน…”

“ไม่ ไม่ต้องขอโทษ เจ้าไม่ได้ทำผิดเลย” เขามองดูไนติงเกล ก่อนจะพบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูสงบกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ “ข้าแค่นึกว่าเจ้าจะ…”

“จะอะไรเพคะ?” จะทำหน้าเศร้าเสียใจเหรอเพคะ?” ไนติงเกลกรอกตาใส่เขา “หม่อมฉันกลับคิดว่าพระองค์ทรงพูดถึงเรื่องนี้ช้าไปหน่อยมากกว่าเพคะ แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่อันนา หม่อมฉันก็ไม่มีทางยอมหรอกเพคะ”

เมื่อคิดถึงครั้งนั้นที่ทางหายตัวไปสองวันก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โรแลนด์จึงได้แต่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะต้องเกี่ยวกับคำสัญญาระหว่างเธอกับอันนาอันนั้นแน่

ถึงแม้ในใจอยากจะรู้เรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา