บทที่ 644 ปริศนาแห่งความเป็นอมตะ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 644 ปริศนาแห่งความเป็นอมตะ?
‘มีอะไรอยู่เบื้องหลังประตูบานนี้กัน’

‘เมแคนทรอน’ ราชาทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่สุดปลายเส้นทางสู่ความเป็นอมตะอีกสายหนึ่ง ถามคำถามเดียวกันนี้ในใจ อะไรคือปริศนาแห่งความเป็นอมตะที่เหล่าผู้มีพลังชั้นสูงทั้งหลายพยายามจับต้องกันแน่

รูดอล์ฟที่สอง ผู้กลายเป็น ‘เมแคนทรอน’ ไปแล้ว หาได้สนใจกับรูปลักษณ์ของตนในยามนี้ เขาหรี่ตาลงและครุ่นคิดในใจ ‘หลังจากที่ข้าได้รู้ว่าปริศนาแห่งความเป็นอมตะนั้นคืออะไร ข้าจะหาโอกาสสังหารลูเซียนกับไรห์น คาเรนเดีย ทิ้งเสีย ข้าไม่คิดว่าจันทราสีเงินจะเข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก’

แน่นอนว่าปริศนาแห่งความเป็นอมตะนั้นไม่อาจแบ่งปันได้!

ส่วนสาเหตุที่เขามิได้โจมตีทั้งสองคนนั้นในทันที ก็เพราะรูดอล์ฟที่สองต้องการให้ใครสักคนช่วยกำจัดอันตรายที่รออยู่ ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังประตูแห่งความเป็นอมตะจะมีอะไรรออยู่

‘มีอะไรอยู่เบื้องหลังประตูบานนี้กัน’

เจ้าแห่งนรกที่ซ่อนกายอยู่ภายในเส้นทางสู่ความเป็นอมตะในรูปลักษณ์แปลกประหลาด มองไปที่ลูเซียนกับไรห์นที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกลออกไป และ ‘ราชาทูตสวรรค์’ ที่อยู่ใกล้ๆ พลางถามคำถามนี้กับตัวเอง

โลกแห่งวิญญาณเป็นโลกที่ไม่มีอะไรเด่นสะดุดตามาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ในยุคของตำนานปรัมปรา เขาก็ตรวจจับได้เพียงว่ามีโลกลึกลับเช่นนี้อยู่ แต่กลับหาทางเข้าไม่พบ เขาไม่เคยได้สัมผัสกับโลกแห่งวิญญาณจริงๆ เลยสักครั้ง จนกระทั่งเจ้ามหาลัทธิอาร์เจนต์ค้นพบสถานที่นี้ด้วยความบังเอิญ ในตอนนั้น สิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณใกล้จะหายดีแล้ว และได้สำแดงร่องรอยแห่งความเป็นอมตะให้ราชันเทพอสูร-ลิชและอสูรใต้บังคับบัญชาตนอื่นๆ ได้สัมผัส

ดังนั้น เขาจึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับห้องอมตะนิรันดร์และความลับส่วนหนึ่งของศาสนานักบุญสัจธรรม แผนการและความล้มเหลวนับพันปีทั้งหมดนั้นก็เพื่อช่วงเวลานี้!

ตราบใดที่ประตูถูกเปิดออก ปริศนาแห่งความเป็นอมตะก็จะเปิดเผยตรงหน้าเขา!

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพโดยกำเนิด เจ้าแห่งนรกก็เชื่อว่าพระเจ้าจันทราสีเงิน เจ้าแห่งอเวจีและตนเองเพิ่งจะมีการรับรู้ตัวตนในขั้นต้นก็เมื่อยุคสมัยแห่งตำนานปรัมปราได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขามิใช่ส่วนหนึ่งของการรังสรรค์โลกและชีวิต ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใดโลกจึงถือกำเนิดขึ้นและด้วยวิธีการใดกันแน่

นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะไม่มีวันสูญสลายไปตราบใดที่นรกภูมิยังคงอยู่ แต่เขาก็สังหรณ์ใจว่านรกภูมิจะผุพังทรุดโทรมและถูกทำลายล้างไปพร้อมกับโลกทั้งใบในสักวันหนึ่ง ไม่มีอะไรจะอยู่ยั้งยืนยงตลอดกาล นั่นคือเหตุผลที่เขากระตือรือร้นอย่างยิ่งเกี่ยวกับปริศนาแห่งความเป็นอมตะ

สำหรับสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณนั้น เจ้าแห่งนรกเชื่อว่าอีกฝ่ายก็เพิ่งมีการรับรู้ถึงตัวตนในช่วงเวลาเดียวกัน แต่มันกลับดับดิ้นอยู่ภายในเส้นทางแห่งความเป็นอมตะที่ค้นพบจากบ้านเกิดของมันเอง ก่อนที่มันจะมีโอกาสได้แบ่งปันความรุ่งโรจน์ในช่วงยุคแห่งตำนานปรัมปรา มันจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปนานมากแลว ทว่า ด้วยเพราะถูกเขากับพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินกักขังไว้ มันจึงกลับสู่สภาวะจำศีลอีกครา ชีวิตของมันช่างระทมทุกข์จริงๆ

‘ปริศนาทั้งหลายเป็นของข้า มัลติมุส เจ้าแห่งนรกแต่เพียงผู้เดียว! ข้าเข้าใจในปริศนาแห่งการแปลงกายอย่างถ่องแท้แล้ว ข้าจะมาด้วยตัวเองและกำจัดไรห์น คาเร็นเดีย ลูเซียน อีวานส์ กับเมแคนทรอนก่อนที่พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินจะมีปฏิกิริยาใด!’

ด้วยวิธีการสังเวยร่างของจีโน เจ้าแห่งนรกมั่นใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะข้ามมิติมายังโลกที่ไม่ใช่โลกหลักแห่งนี้ได้!

‘มีอะไรอยู่เบื้องหลังประตูบานนี้กัน’

ลูเซียนกับไรห์นตื่นเต้นยินดีกับคำถามนั้นเสียจนดวงวิญญาณของทั้งสองแทบจะอึดอัดคล้ายถูกบีบรัด เหตุใดธานอส ไวเค็น และสัวต์ประหลาดจึงผิดหวังกัน แล้วเขาจะเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปหรือไม่

ราวกับว่าประตูสีเทาบานนี้หนักเท่าปราสาททั้งหลัง ลูเซียนใช้พละกำลังไปมากทีเดียว แต่กลับแง้มเปิดมันได้เพียงนิด

ทันทีที่ช่องว่างปรากฏขึ้น ประตูก็พลันสูญเสียน้ำหนักและเหวี่ยงตัวถอย เผยสิ่งที่อยู่ภายในห้องอมตะนิรันดร์ต่อสายตาลูเซียนและคนอื่นๆ ในที่นั้น!

ภายในห้องอมตะนิรันดร์หาได้มีผนัง ก้อนอิฐ หรือสิ่งของชิ้นใดวางอยู่ เบื้องหลังประตูคือจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่มิมีผู้ใดเคยพบเจอมาก่อน ซึ่งแผ่บรรยากาศเหนือธรรมชาติแสนพิสดารออกมา

ความมืดลึกล้ำกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งจักรวาล ดวงดาราเปล่งแสงเจิดจำรัสและรวมตัวกันเป็นกลุ่มดาวมากมาย ซึ่งมีแต่จะขับเน้นความรู้สึกเย็นยะเยือกและไร้ขอบเขตของจักรวาลแห่งนี้

ลูเซียนอึ้งงั้นไปในทีแรก เขายื่นมือขวาออกไปโดยไม่รู้ตัวและแทรกมันผ่านกลุ่มดาวไปโดยมิมีสิ่งใดกีดขวาง กลุ่มดาวเหล่านั้นคล้ายกับมีอยู่ที่นี่แต่ก็มิได้อยู่ที่นี่ เหมือนดั่งเตาหลอมวิญญาณที่ด้านนอก

ทว่า มันกลับให้ความรู้สึกที่เข้ากันกับโลกนี้

กลุ่มดาวมากมายภายในจักรวาลนี้เป็นเหมือนกับภาพยนตร์ มันขยายภาพเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่งกลุ่มดาวคุ้นตาปรากฏขึ้นตรงหน้าลูเซียน แล้วภาพที่ยิ่งกว่าคุ้นเคยก็คือดาวเคราะห์สีฟ้าใกล้ๆ กันนั้น!

“นี่มัน…” รูม่านตาของลูเซียนหดตัวลงฉับพลันนั้น พร้อมกับที่ความรู้สึกคุ้นเคยอันแปลกประหลาดไหลทะลักล้น

‘นี่คือโลกงั้นหรือ’

‘มันคือโลกเดิม!’

‘นี่คือจักรวาลที่ฉันอยู่ก่อนจะมาเกิดใหม่!’

“นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะอย่างนั้นรึ” ลูเซียนโพล่งออกไป ด้วยความตื่นตะลึงและสับสนมึนงงอย่างที่เปรียบมิได้

“นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะอย่างนั้นรึ” น้ำเสียงของไรห์นฟังดูประหลาดใจ ผิดหวัง และสับสนอย่างชัดเจน พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินพลันพุ่งตัวออกจากแผ่นหลังของเขา พร้อมกับที่ไอพลังของพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินในมือซ้ายของลูเซียนเด้งตัวออกมารับแสงจันทร์มะลังมะเลือง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูเซียนถูกแปรสภาพให้อยู่ในสภาวะภูตผีอันแปลกประหลาด ไอพลังก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ไม่นานมันก็เติบโตขึ้นเป็นอัลเทอร์นา

“ภาพมายาสะท้อนปรากฏขึ้นแล้ว…” ในตอนที่ทั้งสองเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด ลูเซียนคาดการณ์ว่าอัลเทอร์นาจะช่วยเขารับมือกับสัตว์ประหลาดผ่านทางไรห์น แต่มันกลับไม่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าอัลเทอร์นาจะมาที่นี่ด้วยภาพมายาสะท้อนผ่านการอัญเชิญของไรห์นและไอพลังในมือซ้ายของเขา

สรุปแล้ว นี่คือสาเหตุที่อัลเทอร์นาทิ้งไอพลังไว้ในมือซ้ายของเขาสินะ ช่าง ‘มองการไกล’ จริงๆ!

อัลเทอร์นาปรากฏกายขึ้นด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนหน้านี้ นางจดจ้องไปทางจักรวาลภายในห้องอมตะนิรันดร์ ก่อนจะเอ่ยด้วยอาการเหม่อลอย “อาหารมื้อใหญ่อยู่ไหนกันเล่า นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะเช่นนั้นรึ”

“นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะอย่างนั้นรึ” ราชาทูตสวรรค์เอ่ยออกมาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้เพราะความประหลาดใจและผิดหวัง เสียงของเขาดังลอยเข้ามาในโสตประสาทของลูเซียน

“นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะอย่างนั้นรึ” รอยยิ้มเยาะหยันบนใบหน้าของเจ้าแห่งนรกแข็งทื่อไปโดยพลัน

หากว่าเขาอยากชื่นชมจักรวาล เขาคงจะทำเช่นนั้นหลังจากกระโดดข้ามอวกาศ! นี่มันปริศนาแห่งความเป็นอมตะชนิดใดกัน

เขาไม่แม้แต่จะพยายามปิดบังตัวตน ‘ปริศนาแห่งความเป็นอมตะ’ พรรค์นี้หาได้มีค่าพอให้เขาละร่างของจีโน!

ในฐานะเจ้าแห่งนรก เขาจึงเป็นดั่งพ่อค้าหน้าเลือดผู้ใส่ใจเรื่องต้นทุนและกำไรอยู่เสมอ

ตอนที่เขาเอ่ยปากนั้นเอง ลูเซียนจึงได้รู้ตัวว่าตนถูกศัตรูมากหน้าหลายตาติดตามมา แต่ในเมื่อพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินอยู่ที่นี่ ชีวิตของเขาย่อมไม่ตกอยู่ในอันตราย

เขาหมุนตัวกลับ มองไปทางจักรวาลและดาวเคราะห์สีฟ้าที่เขาคุ้นเคยดี เขาขมวดคิ้วมุ่นและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะผ่อนคลายท่าทีลง “นี่คือปริศนาแห่งความเป็นอมตะอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเห็นอะไรรึ” ไรห์นถาม

นี่พวกเขาต้องกลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพื่อที่จะมองเห็นปริศนาแห่งความเป็นอมตะเหมือนอย่างที่ธานอสว่าไว้หรือไม่

ลูเซียนบอกออกไปตามตรง “จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลขอรับ มีดาวหลายดวงที่เปล่งแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ และมีดาวเคราะห์อีกมากมายที่อับแสง”

“งั้นเราก็เห็นเหมือนกัน นี่น่ะหรือปริศนาแห่งความเป็นอมตะ” ไรห์นกล่างพลางยิ้มเยาะหยันตนเอง

อันเทอร์นาเบนสายตามามองลูเซียน “ขอบใจเจ้าที่ต้องลำบากฝ่าฟันมาถึงเพียงนี้”

รูดอล์ฟที่สอง เมื่อเห็นว่าปริศนาแห่งความเป็นอมตะมีเพียงเท่านั้น และภาพมายาสะท้อนของพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินกับเจ้าแห่งนรกต่างก็อยู่ที่นี่ จึงล้มเลิกความคิดที่จะสังหารศัตรูทั้งสอง เขาส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะหยัน “ปริศนาแห่งความเป็นอมตะก็เพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น!”

ขณะกล่าว เขาก็เร่งรีบถอยไปยังทวารานาจักร

เจ้าแห่งนรกเองก็หมดความสนใจที่จะต่อสู้แล้วเช่นกัน ปริศนาพรรค์นั้นคงจะมีค่าเกินราคาหากต้องแลกด้วยหนึ่งในการโจมตีของเขา แม้ว่ามันจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่พอรับได้เพราะจะได้ควบคุมราชาทูตสวรรค์ แต่พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินกำลังจับตาดูอยู่ และราชาทูตสวรรค์ก็ระแวดระวังตัวเป็นอย่างดีอยู่แล้ว มีโอกาสมากทีเดียวที่เขาจะหลบหนีไปโดยใช้พลังพระเจ้าคุ้มครอง

ส่วนการสังหารลูเซียนเพื่อการ ‘แก้แค้น’ นั้น เจ้าแห่งนรกยังคงคิดจะลงมือ จนกระทั่งพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินปรากฏกาย บัดนี้เขาทำได้เพียงเก็บความคิดนั้นไปและเอ่ยหยัน “นี่น่ะหรือปริศนาแห่งความเป็นอมตะ ธานอสช่างโง่เขลานัก! พวกเจ้าจะยืนดูอยู่ต่อไปมทำไมกัน คิดหรือว่าพวกเจ้าจะมองมันได้ทะลุปรุโปร่งน่ะ”

จนกว่าพวกเขาจะมองเห็นความจริง ทุกผู้คนย่อมคิดว่าพวกเขาคือคนที่พิเศษที่สุด

เจ้าแห่งนรกหัวเราะร่าขณะออกไปจากเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ

หลังจากที่เจ้าแห่งนรกจากไป ไรห์นก็คำนวณดูเวลา “เราเองก็ต้องออกไปแล้วเช่นกัน หากเรากลับสู่สภาพเดิมในที่แห่งนี้ เราอาจจะถูกสังหารเอาได้”

ลูเซียนเก็บสายตากลับมาจักรวาลแห่งนั้น เขาหลับตาลงขณะตอบ “ขอรับ”

อัลเทอร์นาพาลูเซียนกับไรห์นออกมาจากเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ เมื่อตรวจสอบยืนยันว่าเจ้าแห่งนรกจากไปแล้วจริงๆ นางจึงพยักหน้าให้ลูเซียนเป็นการแสดง ‘ความขอบคุณ’ อีกครั้ง จากนั้นนางก็สลายร่างและเรียกภาพมายาสะท้อนกลับไป

ในตอนนั้นเอง เฟอร์นันโดกับดักลาสเองก็ออกมายังทางเข้าทวารานาจักรเช่นกัน ทั้งสองเห็นลูเซียนกับไรห์นในทันที

เฟอร์นันโดแอบรู้สึกโล่งใจ จากนั้นเขาก็คำรามลั่น “เจ้าออกมาจากทางนั้นได้อย่างไรกัน”

เมื่อได้ยินเสียงคำรามอันแสนคุ้นเคย ลูเซียนก็พลันบังเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนหลากหลาย นี่ภารกิจสำรวจจะจบลงเช่นนี้จริงๆ หรือ

หลังจากมองไปทางเตาหลอมวิญญาณและห้องลับ ณ สุดปลาย ‘เส้นทางแห่งความเป็นอมตะ’ ลูเซียนก็ครุ่นคิดในใจ ‘ปริศนาแห่งความเป็นอมตะ…งั้นหรือ’

ขณะเดินทางไปยังฐานที่มั่น ลูเซียนก็เล่าถึงสิ่งที่ประสบพบเจอทั้งหมดให้ดักลาสกับเฟอร์นันโดฟัง

เฟอร์นันโดใคร่ครวญเรื่องที่เกี่ยวกับไวเค็นด้วยท่าทางเคร่งเครียด ขณะเดียวกันก็ตะคอกใส่ลูเซียน “เจ้าไม่รู้อย่างนั้นรึว่าเจ้าแห่งนรกสะกดรอยตามเจ้าไป หากว่าพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินมิได้ปรากฏกาย เจ้าคงตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแล้ว!”

“หากว่าพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินมิได้ปรากฏกายและเราต้องต่อสู้อยู่ในนั้น…” ลูเซียนพึมพำ

“เจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน” เฟอร์นันโดไม่ค่อยเข้าใจความหมายในถ้อยคำของลูเซียน

ลูเซียนส่ายหน้า เป็นการบอกว่าเขามิได้หมายถึงสิ่งใด แต่กลับคิดในใจว่า ‘…ฉันอาจจะไม่ใช่คนที่ตกอยู่ในอันตรายหรอก’

‘ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล นอกเหนือจากดวงดาวและดาวเคราะห์แล้ว ยังมีหลุมดำอยู่อีกด้วย…’

ในโลกแห่งปัญญาของเขา จุดที่มีหลุมดำและดาวดวงใหญ่ยักษ์นั้นเปลี่ยนผันหมุนเวียนกันไม่หยุดหย่อน

ภายในห้องอมตะนิรันดร์ จักรวาลอันไร้ขอบเขตเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่หยุดพัก และทันใดนั้น กลุ่มก้อนแห่งความมืดมิดไร้ประกายแสงใดๆ ก็ปรากฏขึ้น เมื่อแรงดึงดูดอันรุนแรงเหนือจินตนาการเริ่มกระจายตัวออกไป ประตูห้องอมตะนิรันดร์ก็ปิดลงเสียงดังกึกก้อง

เส้นทางสู่ความเป็นอมตะกลับสู่ความสงบชั่วนิรันดร์กาลอีกครา

…………………………………