ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****167: กำไรจากการทดสอบ

“พี่ชายอ้วน!” ในขณะที่หงหยิงมองเห็นเขา นางรีบวิ่งเข้าไปเพื่อตรวจสอบทันที

แต่ก่อนที่หงหยิงจะมีโอกาสได้สัมผัสร่างกายของเจ้าอ้วน ฉุ่ยจิ้งตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “อย่าสัมผัสร่างกายเขา!”

หงหยิงไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี จากนั้นนางถามออกมาอย่างงุนงง “ข้ารู้สึกถึงปราณจิตวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพี่ชายอ้วน เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ตายและต้องได้รับการรักษา ถูกต้องหรือไม่?”

“ข้ารู้ว่าเขายังไม่ตาย แต่ว่าเจ้ายังไม่อาจสัมผัสร่างกายเขาได้ในตอนนี้!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าไม่รู้สึกปราณจิตวิญญาณที่กำลังหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งงั้นหรือ? ถ้าหากเจ้าสัมผัสเขาในตอนนี้ การฝึกฝนของเขาจะเปลี่ยนแปลงและอาจถูกทำลาย!”

เมื่อหงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางรีบใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบเขาทันทีและพบว่าเป็นดังที่ว่า นางจึงร่ำไห้ออกมาอีกครั้ง “สวรรค์! แล้วเช่นนี้พี่ชายอ้วนจะสามารถจัดการกับปราณจิตวิญญาณบ้าคลั่งเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?”

ในขณะนั้น แม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋น จ้าวสำนัก และภรรยายังไม่อาจเก็บใบหน้าแห่งความกังวลไว้ได้

นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่อาจต้านทานสายฟ้านี้ได้ และแม้แต่อาวุโสบางคนยังต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างเพื่อต่อสู้กับมัน แต่ว่าเจ้าอ้วนบัดซบนี้กลับทำได้ทั้งที่อยู่ระดับปฐมภูมิ อีกทั้งยังใช้เพียงร่างกายของตนเองเท่านั้นหรือ? สวรรค์! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

ในขณะนั้นจ้าวสำนักซึ่งไม่มีอารมณ์ที่จะโต้เถียงกับนักบวชฮัวอวิ๋นจึงกล่าวออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น “มันเป็นเรื่องที่ข้าก็ไม่อาจคาดคิดเช่นกัน มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!”

“ฉุ่ยจิ้งเจ้ารู้หรือไม่?” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมา

ฉุ่ยจิ้งพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมาอย่างสงบ “ถ้าหากข้าคิดไม่ผิด ศิษย์พี่ซ่งกำลังใช้ปราณจิตวิญญาณที่ได้รับจากการโจมตีของสายฟ้าเพื่อรักษาตนเอง และใช้ปราณจิตวิญญาณในร่างกายของตนเองเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ! เขากำลังสร้างการโคจรพลังเพื่อปกป้องชีวิตตนเอง”

“มันเป็นไปได้งั้นหรือ?” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยความตกใจ “ใครกันที่สามารถดูดซับพลังงานจากทัณฑ์สวรรค์ได้?”

“แน่นอนว่าสามารถทำได้ แต่ว่าบุคคลผู้นั้นต้องมีความสามารถที่จะทำมัน!” ฉุ่ยจิ้งกล่าว “เคล็ดวิชาการฝึกตนของศิษย์พี่ซ่งนั้นดูเหมือนจะประกอบไปด้วยธาตุทั้งห้า และมีความสามารถที่จะดูดซับพลังจากทั้งห้าธาตุ ทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ประกอบไปด้วยธาตุทั้งห้าซึ่งมันเหมาะกับเขา!”

“แต่ปัญหามีอยู่ว่ามันคือทัณฑ์สวรรค์ พลังของมันมีมากพอที่ทำลายทุกสิ่งอย่าง วิธีการใดกันที่จะดูดซึมพลังเหล่านี้ได้? ในขณะที่มันเข้าสู่ร่างกาย มันทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งเส้นลมปราณและเผาผลาญร่างกายของบุคคลผู้นั้น!”

“หากเป็นคนทั่วไปอาจเป็นเช่นนั้น แต่ประเด็นก็คือความแข็งแกร่งของร่างกายศิษย์พี่ซ่งนั้นแข็งแกร่งมากกว่าที่สามารถมองเห็นได้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน นอกจากนี้เขายังกินผลไม้วิญญาณสามชิ้นเพื่อขยายเส้นลมปราณ ดังนั้นเขาจึงสามารถดูดซับปราณจิตวิญญาณจากทัณฑ์สวรรค์ได้” ฉุ่ยจิ้งกล่าวเสริม “แต่ว่าพลังของทัณฑ์เมฆานั้นน่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงไม่อาจดูดซับมันได้ทั้งหมดและปล่อยให้ส่วนที่เหลือโจมตีร่างกายของตนเอง! แต่ขอบคุณสวรรค์ที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ถ้าหากมันผ่าลงมาอีกครั้ง ปราณจิตวิญญาณในร่างกายของเขาคงไม่อาจรับได้ไหวอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือเวลา!”

“เจ้าหมายความว่าให้เขานอนอยู่ตรงนี้งั้นหรือ?” จ้าวสำนักถามออกมา

“ใช่แล้ว อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายเขา ส่งคนจากสำนักเพื่อปกป้องเขาไว้ก็เพียงพอ!” ในขณะที่ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น นางก้มลงมองเจ้าอ้วนและกล่าวออกมาว่า “อาจารย์ลุงและอาจารย์ป้า ในตอนที่ข้ามองเห็นว่าศิษย์พี่จะถูกทดสอบโดยทัณฑ์สวรรค์ ข้าได้รู้แจ้งถึงบางสิ่งในหัวใจ ข้าเกรงกว่าโอกาสที่ข้าจะประสบความสำเร็จที่อยู่เบื้องหน้าของข้าจะหดหาย ข้าขอตัวเพื่อเก็บตัวฝึกฝนและจะเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ หวังว่าอาวุโสจะเข้าใจข้า!”

“ไปเถิด!” จ้าวสำนักโบกมืออย่างไร้กังวลก่อนที่จะหันไปกล่าวกับหงหยิง “หยิงเอ๋อเจ้าก็ควรจะไปเช่นกัน ข้าเชื่อว่าดวงตาของเจ้าไม่แพ้ผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเข้าสู่การฝึกฝนเช่นกัน ข้าพูดถูกหรือไม่?”

“เอ่อ” หงหยิงส่ายศีรษะและกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ถ้าหากข้าจากไป แล้วใครกันจะดูแลพี่ชายอ้วน?”

“เราทั้งสองจะดูแลเขาด้วยตนเอง!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทัณฑ์สวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แม้ว่าเราจะเข้าใจหลายสิ่งอย่างในเหตุการณ์นี้ แต่ว่าเราสามารถหาที่เงียบสงบเพื่อจัดการทุกอย่างได้!”

“ข้าก็จะอยู่ที่นี่!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมหาสถานที่เพื่อเข้าสู่สมาธิทันที

เมื่อจ้าวสำนักเห็นดังนั้น เขากล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้ากล้าใช้ประโยชน์จากบุตรของข้า!”

นักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาอดทนที่จะไม่กล่าวสิ่งใดต่อและเข้าสู่สมาธิทันที ประการแรกที่ทุกคนรู้ดีคือทัณฑ์สวรรค์เป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในโลกใบนี้ มันยากมากที่คนธรรมดาจะได้เห็นมัน บุคคลที่ได้รับการทดสอบจะค้นหาสถานที่เงียบสงบเพื่อไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ เช่นนี้จะไม่มีพยานรู้เห็นการทดสอบใดทั้งสิ้น

ในขณะนั้นนักบวชฮัวอวิ๋น จ้าวสำนักและภรรยาต่างได้เห็นความซับซ้อนของกฎแห่งสวรรค์ พวกเขาทั้งหมดหลับตาลงและกล่าวขอบคุณเจ้าอ้วนในใจ ไม่ว่าจะเป็นทัณฑ์เมฆาหรือสายฟ้าที่ผ่าลงมา ทุกอย่างเกิดมุมมองใหม่ อำนาจดังกล่าวทำให้พวกเขาเข้าใจกฎแห่งสวรรค์มากขึ้น และมันเป็นประโยชน์กับพวกเขามากในการฝึกฝนตนเอง

อาการตีบตันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนหวาดกลัวที่สุด สิ่งใดที่สามารถช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นสภาวะเช่นนี้ได้นับว่าดีอย่างถึงที่สุด ดังนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นจึงยอมให้จ้าวสำนักกล่าวถากถางและไม่ยอมออกจากพื้นที่แห่งนี้ สำหรับบุคคลที่ได้เฝ้าดูทัณฑ์สวรรค์ทุกคนต่างเข้าใจกฎแห่งสวรรค์มากขึ้นจนเกิดประโยชน์กับตนเอง

เมื่อเห็นว่าอาวุโสทั้งสามไม่ได้ออกจากพื้นที่แห่งนี้และตัดสินใจเข้าสู่ห้วงสมาธิ ฉุ่ยจิ้งและหงหยิงดวงตาสว่างเป็นประกาย จากนั้นพวกนางมองหน้ากันและตัดสินใจที่จะเข้าสู่สมาธิที่นี่เช่นกัน

สองถึงสามวันถัดมา มีปราณจิตวิญญาณสองคลื่นพลังพุ่งออก ฉุ่ยจิ้งและหงหยิงเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ หลังจากที่พวกนางประสบความสำเร็จ ทั้งสองคนยังไม่ได้รีบร้อนเฉลิมฉลองแต่ยังคงอยู่ในสมาธิต่อไป ประการแรกคือทำให้เกิดเสถียรภาพของพลัง และถัดมาคือการปกป้องเจ้าอ้วน

หลังจากนั้นสามวันเจ้าอ้วนรู้สึกตัวและเริ่มลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เขามองร่างกายของตนเองจึงเห็นว่าผิวหนังที่เป็นสีดำหลุดร่อนออกไปทั้งหมดคงเหลือไว้เพียงสภาพร่างกายที่สวยงาม

หลังจากที่ได้ยินการเคลื่อนไหว ทุกคนต่างลืมตาขึ้นทันที บุรุษผู้หนึ่งกำลังเปลือยเปล่าต่อหน้าพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมังกรที่อยู่กลางลำตัวของเขามันตระหง่านชูชันชี้ขึ้นท้องฟ้าราวกับว่าต้องการทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศออกไปเสียให้ได้

“!” หงหยิงและฉุ่ยจิ้งกรีดร้องทันทีก่อนที่จะวิ่งออกไป แม้ว่าภรรยาจ้าวสำนักจะไม่เปล่งเสียงออกมา แต่นางก็วิ่งตามออกไปเช่นกัน คนที่เหลืออยู่ตรงนี้มีเพียงนักบวชฮัวอวิ๋น จ้าวสำนัก และเจ้าอ้วน

“แค่ก ๆ” เจ้าอ้วนรีบใส่เสื้อผ้าทันทีพร้อมกล่าวออกมาอย่างอับอาย “ขออภัย ขออภัยจริง ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่าเจ้าตั้งใจทำมัน ข้ารู้!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ยพร้อมกับบินออกไปทันที

อย่างน้อยจ้าวสำนักก็ยังเข้าใจเขาและไม่ได้ตำหนิเจ้าอ้วนแต่อย่างใด กลับกันเขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “อย่าไปสนใจตาเฒ่านั่นเลย มันกล้าเยาะเย้ยเจ้าหลังจากที่ใช้ประโยชน์จากเจ้าเสร็จสิ้น ไม่ได้มียางอายแม้แต่น้อย!”

“ใช้ประโยชน์จากข้า?” เจ้าอ้วนถามออกมาอย่างงุนงง “ทำไมเขาจึงได้รับประโยชน์จากข้าล่ะ?”

“ฮ่าฮ่า ข้าคิดว่าเจ้าควรรู้นะ ทัณฑ์สวรรค์เป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในโลก มันเต็มไปด้วยกฎแห่งสวรรค์ที่รอให้ผู้ฝึกตนค้นพบ หงหยิงและฉุ่ยจิ้งก้าวเข้าสู่ระดับปฐมภูมิเพราะการทดสอบของเจ้า ข้าและภรรยา รวมทั้งฮัวอวิ๋นต่างได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นกัน ทุกอย่างต้องขอบคุณเจ้าเพียงผู้เดียว!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ เป็นเช่นนั้น!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างขื่นขม “พวกท่านได้รับประโยชน์แต่ข้าเพียงแค่โชคร้าย ร่างกายของข้าแทบจะระเบิดจากการถูกฟ้าผ่า!”

ในขณะที่จ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างสับสนและไม่เข้าใจ “ข้าขอถามหน่อยเถิด อ้วนน้อย เจ้ายังกล้าพูดว่ามันอันตรายอีกงั้นหรือ? งั้นข้าขอถามเจ้าตรง ๆ เหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้สมบัติวิเศษหรืออุปกรณ์ป้องกันที่จะช่วยรับการโจมตีจากทัณฑ์สวรรค์ เจ้าเบื่อที่จะใช้ชีวิตนี้ต่อไปแล้วงั้นหรือ?”

“เรื่องนั้น…” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาพูดไม่ออกทันที แม้ว่าเขาจะต้องตายก็ไม่อาจเปิดเผยเรื่องมิติลึกลับได้ ถ้าหากเขานำมันออกมาความลับของเขาจะถูกเปิดเผยออกไปอย่างแน่นอน

ดังนั้น เจ้าอ้วนได้แต่กุมหน้าผากของตนเองไว้ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการใช้สมบัติวิเศษ ข้าเพียงแค่ลืมมันไว้ที่ลานเท่านั้น! ใช่แล้ว ข้าลืมนำมันมาด้วย!”

“ว่าอะไร?” เมื่อจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขาแทบจะเป็นลมทันที เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้จะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ก่อนดี “นี่เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้าวิ่งพล่านทั่วโลกใบนี้โดยไม่พึ่งพาสมบัติหรืออุปกรณ์ใดงั้นหรือ?”

“ในขณะที่ข้าออกจากการเก็บตัวฝึกฝน ข้าได้รับจดหมายจากท่านแทบจะทันที เพราะข้ารีบมาพบท่านตามคำสั่งรวมกับเรื่องที่สำนักเสวียนเทียนเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัย ข้าจึงไม่อาจคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ใครจะไปคาดคิดว่าข้าจะต้องพบเจอกับการทดสอบของทัณฑ์สวรรค์?”

“ดีมาก ในตอนนี้เจ้าโยนความผิดให้กับข้าแล้ว ประเสริฐยิ่งนักเด็กน้อย!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างขื่นขมและไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ จากนั้นเขาถามถึงอาการของเจ้าอ้วน “เด็กน้อยในตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ข้ารู้สึกสดชื่นมาก ปราณจิตวิญญาณของข้ากลับคืนมาเต็มที่แล้ว และข้าได้ปรับปรุงบางอย่างสำเร็จ!” ในขณะนั้นเจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับยื่นมือให้จ้าวสำนักดู “สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพสุธา!”

ตามเสียงของเขา ปรากฏสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพสุธาบนมือของเขา ภายใต้การควบคุมที่ละเอียดอ่อนของเจ้าอ้วน ไม่นานมันถูกเปลี่ยนเป็นสีทอง ชัดเจนว่ามันคือสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพสุธาของจริง!

หลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับปฐมภูมิ เจ้าอ้วนสามารถปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกที่ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างกระทบต่อการสร้างสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะไม่มีผู้ใดวิ่งหนีสายฟ้าของเขาได้อีกต่อไป!

เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนสามารถสร้างสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งพสุธาได้อย่างง่ายดาย ดวงตาของจ้าวสำนักสว่างขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง “เยี่ยมมาก อ้วนน้อย เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิที่เป็นเพียงมือใหม่อีกแล้ว แม้ว่าในตอนนี้เจ้าจะยังไม่ได้เข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นกลาง แต่ความสามารถของเจ้าเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายแล้ว! ถ้าหากเจ้าฝึกฝนต่อไปอีกสักหน่อย เจ้าจะเข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นกลางได้อย่างง่ายดาย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าก็จะได้กำไรจากการทดสอบครั้งนี้เช่นกัน!”