บทที่****168: สำนักเสวียนเทียน

“เหอะ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะขมขื่น “ข้ารู้สึกว่าประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการทดสอบจากทัณฑ์สวรรค์นี้คือการเพิ่มพลังของร่างกายข้า ในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายนั้นแข็งแกร่งไร้ขีดจำกัด อีกทั้งความแข็งแกร่งของธาตุทั้งห้ายังเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย และดูท่าว่าจะไม่มีจุดสิ้นสุดเลย!”

“ฮ่าฮ่า เด็กน้อยเจ้ากำลังจะกลายเป็นอสูรกายงั้นสินะ!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างอิจฉา

“ฮี่ฮี่” เจ้าอ้วนไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพียงแต่หัวเราะออกมา

“พอก่อน หยุดหัวเราะเช่นนี้เสีย เราควรกลับได้แล้ว ข้ามีบางอย่างต้องการจะถามเจ้า!” ในขณะที่จ้าวสำนักกล่าวเช่นนั้น เขาไม่ได้ต้องการคำตอบของเจ้าอ้วนแต่อย่างใด เ16ขาคว้าเจ้าอ้วนอย่างรวดเร็วพร้อมกับบินกลับสำนักเสวียนเทียนทันที

เวลาถัดมาเขาทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นบนลานของจ้าวสำนัก เจ้าอ้วนได้พบภรรยาจ้าวสำนักอีกครั้ง แต่หงหยิงและฉุ่ยจิ้งไม่ได้อยู่ที่นี่ ชัดเจนว่าพวกนางทั้งสองยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาในเร็ว ๆ นี้

เมื่อได้พบกันอีกครั้งภรรยาจ้าวสำนักยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ด้วยสถานะอาวุโสของนางจึงแสร้งปล่อยให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

จากนั้นนางยื่นกระเป๋ามิติใบหนึ่งให้กับเจ้าอ้วนพร้อมกล่าวว่า “ในนี้มีหินปราณจิตวิญญาณอยู่และวัสดุอีกเล็กน้อย นี่คือรางวัลของเจ้าที่เข้าร่วมการค้นหาผลไม้วิญญาณ เก็บรักษาให้ดี!”

“ขอรับ!” เจ้าอ้วนไม่ได้กล่าวอะไรมาก เขาหยิบมันและโยนมันเข้าไปภายในมิติและเลิกสนใจมันโดยสิ้นเชิง

หลังจากที่มอบสิ่งของให้กับเจ้าอ้วนเสร็จสิ้นแล้ว ภรรยาจ้าวสำนักยังไม่ได้บอกให้เจ้าอ้วนออกไป แต่นางกลับยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าอ้วนและถามเขาอย่างจริงจัง “เด็กน้อย เจ้าเตรียมใจไว้หรือยัง ข้ามีเรื่องใหญ่จะคุยกับเจ้า!”

“ขอรับ?” เมื่อเจ้าอ้วนเห็นภรรยาจ้าวสำนักเคร่งเครียด เขาเข้าใจทันทีว่าเรื่องที่นางจะกล่าวนั้นสำคัญมาก เขารีบตอบรับทันที “ศิษย์พร้อมจะรับฟัง!”

“ดีมาก! เรื่องนี้สำคัญมาก!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าว “จากสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักเสวียนเทียน เรามีแผนที่จะไปจากที่นี่ ข้าต้องการถามว่าเจ้าต้องการติดตามไปด้วยหรือไม่?”

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที “ทุกอย่างปกติดี ทำไมท่านต้องละทิ้งไป?”

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะปกติดี แต่ความเป็นจริงนั้นยุ่งเหยิงมาก!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวด้วยเสียงหัวเราะขื่นขม “เหล่าศิษย์ชั้นสูงในความดูแลของนักบวชฮัวอวิ๋นได้หายสาบสูญไปทั้งหมด เขาสงสัยว่าเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหากับเราอย่างมาก แม้ว่าในตอนนี้ทุกสิ่งอย่างจะดูปกติ แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ด้วยอารมณ์ของจ้าวสำนัก ข้าคิดว่าจะต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเราทั้งสามคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมสำนักและออกเดินทางมาด้วยกันหลายครั้ง ข้าไม่อาจทนเห็นการต่อสู้เช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าจึงมีแผนที่จะออกเดินทางและพาหงหยิงไปด้วย พร้อมกับปล่อยให้เขาดูแลสำนักเสวียนเทียน!”

“แล้วท่านจะลี้ภัยไปยังสถานที่ใด?” เจ้าอ้วนถามออกมาอย่างสับสน “ครอบครัวและเหล่าบรรพบุรุษต่างเติบโตที่นี่ ท่านสามารถละทิ้งมันได้โดยง่ายงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่า!” ในขณะที่จ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “บ้านคือสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ? มันเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ เท่านั้น ในตอนนี้เราจะกลับไปยังสำนักสาขา ที่นั่นต่างหากคือบ้านของเราอย่างแท้จริง!”

“สำนักสาขา? ที่ใดกัน?” เจ้าอ้วนรีบถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“สำนักสาขาเสวียนเทียนนั้นมีความลึกล้ำ สำนักใต้บัญชาล้วนสูงล้ำกว่าสำนักอื่นอย่างไม่อาจเทียบ!” จ้าวสำนักกล่าวกับเจ้าอ้วนถึงความลับบางอย่างของสำนัก

หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของภรรยาจ้าวสำนัก เจ้าอ้วนจึงเข้าใจได้ว่าสำนักเสวียนเทียนนั้นเป็นเพียงสำนักย่อยของสำนักสาขาขนาดมหึมา โดยมีชื่อสำนักเสวียนเทียนที่นับได้ว่าเป็นรากฐานของทุกสิ่ง

สำนักเสวียนเทียนมีการสืบทอดกันมาหลายสหัสวรรษ โดยมีประตูหลักตั้งอยู่ที่ถ้ำสวรรค์เสวียนเทียน ภายในมีสำนักสาขาอยู่ทั้งสิ้นแปดแห่ง และในสำนักสาขาก็จะมีสำนักย่อยภายใต้อีกทีหนึ่ง และเจ้าอ้วนก็อยู่เพียงแค่ที่ส่วนเล็กที่สุดหรือก็คือสำนักย่อยเสวียนเทียน

โดยปกติแล้วจ้าวสำนักย่อยเสวียนเทียนนั้นจะอยู่ในระดับเฟินเสินหรือหยวนหยิน สำหรับจ้าวสำนักสาขาเสวียนเทียนจะอยู่ในระดับเลี่ยนจือพร้อมด้วยอาวุโสระดับเฟินเสินทั้งแปดภายใต้การดูแลและผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ทางด้านสำนักหลักเสวียนเทียนจะเป็นผู้ฝึกตนระดับเหอตี้เป็นจ้าวสำนักซึ่งจะมีอาวุโสเลี่ยนจืออยู่ภายใต้การปกครอง ในส่วนของประมุขสำนักหลักเสวียนเทียนนั้นจะอยู่ในระดับต้าเชิ่ง!

ในโลกแห่งผู้ฝึกตนมีสำนักจำนวนมากซึ่งเป็นสำนักย่อยของเสวียนเทียน อย่างเช่นหอเฉวียนจี้ก็จะอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเฉวียนจี้ โดยพวกเขาจะแบ่งย่อยออกมาเป็นหอเฉวียนจี้และตำหนักเฉวียนจี้

จึงกล่าวได้ว่าจ้าวสำนักและภรรยาของเขาไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของสำนักย่อยเสวียนเทียนนี้ ประโยชน์ของจ้าวสำนักที่อยู่ที่นี่คือมีความเป็นส่วนตัวและไม่มีผู้ใดเข้ามายุ่งย่ามกับเขาได้! แต่มันยังคงมีข้อเสียก็คือทรัพยากรที่เขาได้รับนั้นไม่อาจเทียบเท่ากับการดำรงอยู่ในสำนักสาขาและไม่มีอาวุโสคอยช่วยเหลือในเรื่องของการฝึกตน

ความจริงก็คือการฝึกฝนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญต่อผู้ฝึกตนอย่างมาก มันจึงดีกว่าถ้าหากอยู่ในสำนักสาขา แต่เนื่องจากสำนักย่อยนี้ยังต้องการผู้นำ จ้าวสำนักและภรรยาจึงไม่อาจปฏิเสธได้ในตอนนั้น

ภายใต้สถานการณ์ตอนนั้น จ้าวสำนักย่อยจะต้องดำรงตำแหน่งจ้าวสำนักไปนานนับสองร้อยปีจึงสามารถกลับสู่สำนักสาขา ตอนนี้นั้นชัดเจนว่ายังไม่ครบสองร้อยปี หากต้องการกลับก่อนครบกำหนดสองร้อยปีก็ต้องประสบความสำเร็จ นั่นก็คือหงหยิง!

เหตุผลที่แท้จริงของการมีสำนักย่อยมากมายไม่ได้เป็นเพียงการหาทรัพยากรในการฝึกฝนเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือค้นหาผู้มีพรสวรรค์และความสามารถ!

ตัวอย่างเช่นมู่ซื่อหรง ดาบเทวะไร้ผู้ต้าน และเสี่ยวไป่หลง ทั้งสามอาจถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ว่าบุคคลเช่นนี้ไม่ได้ค้นหายากเย็นนัก แน่นอนว่าบุคคลเหล่านี้สามารถก้าวเข้าสู่ระดับหยวนหยินได้ แต่ไปได้ถึงระดับเฟินเสินน้อยมาก ดังนั้นมีเพียงสำนักย่อยเสวียนเทียนเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับพวกเขาแต่ไม่ใช่สำนักสาขาเสวียนเทียน

สำหรับใครบางคนที่เหมือนกับหานหลิงเฟิง มันก็คงจะดีถ้าหากเข้าสู่ระดับจินตันได้ แต่อาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าสู่ระดับหยวนหยิน ดังนั้นความดูแลที่นางได้รับจะน้อยยิ่งกว่าสามคนก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามหงหยิงนั้นแตกต่างออกไป ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางสามารถพัฒนาเข้าสู่ระดับเฟินเสินได้โดยง่าย จากนั้นนางจะสามารถเข้าสู่ระดับเลี่ยนจือหรือเหอตี้ต่อไป ถ้าหากนางได้รับคำแนะนำจากอาวุโสมากขึ้น แน่นอนว่านางสามารถเข้าสู่ระดับต้าเชิ่งได้และจะกลายเป็นผู้นำของสำนัก

อัจฉริยะเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครั้งเดียวในหลายพันปีซึ่งนับว่าค้นหาได้ยากยิ่ง ดังนั้นศิษย์เหล่านี้จึงมีค่ามากและจะต้องต่อสู้กับหลายสำนัก ตราบใดที่สามารถค้นหาเหล่าบุคคลที่มีพรสวรรค์ได้ คนเหล่านั้นจะได้รับรางวัลใหญ่จากสำนัก ด้วยเหตุเช่นนี้การเคลื่อนย้ายก่อนเวลาที่กำหนดจึงไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

แน่นอนว่าเหตุผลที่จ้าวสำนักและภรรยาเลือกที่จะพาหงหยิงออกจากที่นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเกรงกลัวต่อนักบวชฮัวอวิ๋น ในความจริงแล้วจ้าวสำนักเพียงคนเดียวสามารถปราบปรามนักบวชฮัวอวิ๋นได้ ถ้าไม่เช่นนั้นในเวลานั้นนักบวชฮัวอวิ๋นคงจะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในสำนักย่อยเสวียนเทียนนี้แล้ว

ทั้งสามคนเติบโตขึ้นภายในสำนักย่อยเสวียนเทียนและสนิทกันมาก โดยเฉพาะนักบวชฮัวอวิ๋นและภรรยาจ้าวสำนัก พวกเขามีความจงรักภักดี ความแค้น ความเกลียดชัง และความรัก ดังนั้นนางจึงไม่อาจอดทนมองดูจ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นต่อสู้กันอีกครั้ง

แน่นอนว่านางไม่ได้ชักชวนให้นักบวชฮัวอวิ๋นออกไปด้วย แต่นางเพียงหันหน้าไปพูดกับสามีตนเองเท่านั้น ในตอนนี้หงหยิงอยู่ในระดับปฐมภูมิและนางยังต้องคอยชี้แนะอีกหลายเรื่อง อีกทั้งหงหยิงยังมีค่าใช้จ่ายอีกมากที่จะต้องใช้ซื้อสมบัติหรือวัสดุต่าง ๆ เพื่อการฝึกตน ชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอต่อความต้องการเหมือนสำนักสาขา เหตุผลนี้จึงมากพอที่จะทำให้พวกเขาทั้งหมดไปจากที่นี่

แม้ว่าจ้าวสำนักคิดที่จะต่อสู้กับนักบวชฮัวอวิ๋น แต่เขาก็ไม่อาจขัดใจภรรยาของตนได้ อีกทั้งความจริงที่เขาไม่อาจแยกกับบุตรสาวได้จึงต้องยอมรับข้อเสนอนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

แต่ก่อนที่พวกเขาจะไป ทั้งหมดยังมีความเป็นห่วงเจ้าอ้วน แน่นอนว่าถ้าหากเจ้าอ้วนไม่มีผู้ใดคุ้มครอง เขาจะต้องทุกข์ทรมานในสถานที่แห่งนี้อย่างมากเพราะนักบวชฮัวอวิ๋นเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ดังนั้นจ้าวสำนักและภรรยาจึงคิดที่จะพาเจ้าอ้วนไปกับพวกเขาด้วย ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสำนักสาขาเสวียนเทียนแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นก็ไม่อาจกระทำการอันใดได้

เมื่อมองเห็นเจตนาที่ดีของจ้าวสำนักและภรรยา เจ้าอ้วนรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากเขาได้รับข่าวนี้ก่อนที่จะเดินทางไปล่าผลไม้วิญญาณ เขาคงจะเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล เขาจะได้พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการฝึกตนและอยู่ใกล้กับหงหยิง ชีวิตเขาจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกล่ะ?

แต่ในตอนนี้ปัญหาก็คือเขาได้รับข่าวนี้หลังจากกลับมาจากการล่า ซึ่งเขาได้รับรู้ความจริงบางอย่างว่าครอบครัวของเขาถูกทรยศจากการออกเดินทางไปทำภารกิจ

ในฐานะบุตรชาย เขาไม่อาจปล่อยการตายของครอบครัวให้ผ่านไปเฉย ๆ เช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะปฏิเสธความปรารถนาดีของจ้าวสำนักและภรรยา

เมื่อได้ยินว่าเจ้าอ้วนขอปฏิเสธ จ้าวสำนักและภรรยาตกใจชั่วขณะ จ้าวสำนักโกรธมากถึงขนาดที่คำรามออกมา “อ้วนน้อย เจ้ากล้าหักหน้าข้างั้นหรือ?”

ภรรยาจ้าวสำนักดึงแขนเขาไว้เพื่อให้หยุดเสียมารยาทและเริ่มกล่าวชักชวนอีกครั้ง “เด็กน้อย แม้ว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะไม่ใช่คนชั่วช้าโดยธรรมชาติ แต่เขาเป็นบุคคลที่มีจิตใจคับแคบ ในตอนที่เจ้าขโมยดาบแห่งธาตุทั้งห้าจากเขามาในเวลาก่อนหน้านี้ได้เป็นเพราะเรายังอยู่ที่นี่ เขาไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แต่ในขณะที่เราออกไป เจ้าจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในสถานที่นี้ได้!”

“ศิษย์เข้าใจ!” เจ้าอ้วนพยักหน้าอย่างหมดหนทาง พร้อมกับตอบกลับด้วยเหตุผล “แต่ไม่ใช่ว่าศิษย์ไม่เข้าใจความปรารถนาดีของท่านทั้งสอง แต่ข้ามีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อ หวังว่าท่านทั้งสองจะเข้าใจ!”

“เหตุผลบ้าอะไรกัน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่?” จ้าวสำนักตะโกนออกมา “ถ้าหากมันเป็นเหตุผลที่ดีมากพอ ข้าจะอยู่ที่นี่เพียงเพื่อปกป้องเจ้า!”

เจ้าอ้วนไม่เต็มใจที่จะบอกปัญหาของตนเองให้กับผู้อื่น ดังนั้นเขาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวว่า “ท่านควรละทิ้งไป ข้าจะจัดการปัญหาของข้าเอง!”

“เด็กที่อวดดี!” เมื่อจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ของเขาระเบิดออกทันที